ถามว่าทำงานเข้ากะดึก มีผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

 อยากถามหมอสันต์หน่อยครับ 

ว่าถ้าต้องไปทำงานเข้ากะดึกมีผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร แล้วถ้าเลือกได้ เราไม่ควรเลือกทำงานกะดึกใช่หรือไม่ครับ

.......................................................

(หมอสันต์หันมาทำนาอีกแล้ว อดไม่ได้เพราะมันเป็นของชอบ)


ตอบครับ

    1. ถามว่าการทำงานแบบเข้ากะดึกมีผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ตอบว่าเท่าที่ข้อมูลทางการแพทย์มีอยู่ การทำงานกะดึกมีผลเสียดังต่อไปนี้

    (1) ทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นกับการนอนหลับ ในระยะยาวจะทำให้เป็นโรคนอนไม่หลับได้ง่ายๆ ทำให้ความสม่ำเสมอของการนอนหลับเสียไป หรือเบาะๆก็ทำให้เปลี้ยล้าไม่มีแรง ได้นอนแล้วตื่นมาแล้วก็ยังมักหงุดหงิดขี้โมโห 

    (2) ทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นกับระบบการย่อยอาหาร จุกเสียด แน่นท้อง ท้องผูก ท้องเสีย เป็นต้น 

    (3) ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต เป็นโรควิตกกังวลง่าย เป็นโรคซึมเศร้า หรือมักมีอารมณ์แปรปรวน

    (4) คนทำงานเป็นกะมีอุบัติการณ์เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนทำงานปกติ

    (5) คนทำงานเป็นกะเป็นมะเร็งมากกว่าคนทำงานแบบปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านม องค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ถึงกับจัดการทำงานเป็นกะว่าเป็นสารก่อมะเร็งระดับ 2A ซึ่งมีความหมายว่าการทำงานเป็นกะอาจทำให้เป็นมะเร็งในคนได้

    (6) คนทำงานเป็นกะเป็นโรคอ้วนมากกว่าคนทำงานแบบปกติ

    (7) การทำงานเป็นกะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นเบาหวานประเภทที่ 2

    (8) การทำงานเป็นกะก่อปัญหากับการเจริญพันธ์ พูดง่ายๆว่าทำให้มีบุตรยาก

    (9) การทำงานเป็นกะเพิ่มอุบัติเหตุ ทั้งอุบัติเหตุขณะใช้เครื่องจักรหรือทำอะไรผิดพลาดง่ายในการทำงาน และอุบัติเหตุขณะใช้รถใช้ถนน 

    (10) คนทำงานเป็นกะมีปัญหาทางสังคมมากกว่าคนทำงานปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงที่กำลังเลี้ยงลูกยิ่งมีปัญหามาก

      (11) การทำงานเป็นกะนำไปสู่นิสัยเสียต่อสุขภาพอีกหลายอย่าง เช่น ไม่ชอบออกกำลังกาย กินไม่เป็นเวลา ชอบกินจุบกินจิบ 

    2. ถามว่าหากแม้นเลือกได้ไม่ควรเลือกทำงานเป็นกะใช่ไหม ตอบว่า ก็แหงละสิครับ ถ้าเลือกได้ใครจะทำอะไรที่มันทำร้ายสุขภาพตัวเองละครับ แต่บางครั้งคนเราก็เลือกไม่ได้ หรือไม่ก็ถูกหลอกล่อให้ทำ ยกตัวอย่างเช่นตัวหมอสันต์นี่ไง สมัยเป็นหมออยู่เมืองนอกทำงานหามรุ่งหามค่ำเพราะถูกล่อด้วยเงิน เพราะระบบค่าแรงหมอเมืองนอกคือเวรเช้าคูณ 1 เวรบ่ายคูณ 2 เวรดึกคุณ 3 ดังนั้นเดือนไหนรับเวรดึกมากก็มีรายได้มากกว่านายกรัฐมนตรีเสียอีก หิ..หิ แล้วผลเป็นไง พออายุได้ราว 55 หมอสันต์ก็ป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ยังดีนะเนี่ยที่เอาตัวรอดมาได้ 

    อีกตัวอย่างหนึ่งเมื่อวันสองวันมานี้เอง มีลูกศิษย์คนหนึ่งแวะมาเยี่ยม เขากลับเข้าไปฝึกอบรมเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมในเมืองไทยนี้เอง เขาเล่าให้ฟังว่าเดือนที่ผ่านมามีบางครั้งสามวันได้นอนรวมกันแค่ 3 ชั่วโมง ฟังดูน่าภาคภูมิใจในความเป็นคนเอาถ่านทำงานหนัก เออ..แล้วคุณคิดว่าเขาจะได้ตายดีไหมเนี่ย

    3. ถามว่าในเมื่องานอาชีพมันบังคับให้ทำงานเป็นกะ ไม่ทำงานนี้ก็จะไม่มีงานอะไรให้ทำ ซึ่งจะส่งผลต่อไปถึงไม่มีอะไรมาเลี้ยงลูกเลี้ยงสามีด้วย แล้วจะให้ทำยังไง ตอบว่าให้คุณพยายามเอาดัวรอดด้วยวิธีต่อไปนี้ คือ

    (1) เมื่อได้วันหยุดหลังควงกะดึกมาแล้ว ให้หยุดจริงๆ อย่าเอาวันหยุดไปวิ่งรอกหารายได้เสริมอีก ให้เอาวันหยุดไปพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติและออกกำลังกาย เพราะแค่ต้องหมุนเวียนขึ้นกะเช้าบ่ายดึกนี่มันก็เป็นการรุมโทรมร่างกายระดับมากโขแล้ว อย่าถึงกับขย่มและกระทืบร่างกายซ้ำอีกเลย มันจะยากจนกว่าเพื่อนๆเขาไปบ้างก็ช่างมันเถอะ

    (2) เมื่อถึงเวลาได้หลับ ให้หลับจริงๆ ในห้องที่มืด เงียบ เย็น ปราศจากสิ่งรบกวนจากภายนอกใดๆ

     เขียนถึงตอนนี้ ผมนึกขึ้นได้สมัยหนุ่มๆช่วงไปทำงานเมืองนอกใหม่ๆ ยังยากจนไม่มีเงินเช่าบ้าน ต้องพาลูกเมียไปนอนในหอพักพยาบาล สมัยโน้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ ทุกคนต้องลงมารับโทรศัพท์ที่ห้องรับแขกโดยมีแม่บ้านทำหน้าที่ขึ้นไปตาม วันหนึ่งผมเลิกงานเดินผ่านห้องโถง เห็นป้ายๆเล็กของพยาบาลคนหนึ่งเขียนไว้ว่า

    "ฉันขึ้นกะดึกมาสามวันแล้ว วันนี้ห้ามปลุกฉันเด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรทั้งสิ้น รวมทั้งโทรศัพท์ฉุกเฉินจากไอร์แลนด์" 

    ผมอ่านแล้วก็อมยิ้ม เธอคงง่วงของเธอจริงๆ
    (3) เลิกใช้สารกระตุ้นสมองทุกชนิดก่อนเวลาที่คาดหมายว่าจะได้นอนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ กาแฟ เครื่องดื่มชูกกำลัง
    (4) ถึงจะขึ้นกะ แต่ให้กินอาหารสุขภาพไว้อย่างแน่วแน่มั่นคง คือกินอาหารที่มีพืชเป็นหลักไว้เสมอ กินอาหารที่ใช้น้ำมันปรุงแต่น้อย หลีกเลี่ยงการกินเพื่อความสะใจเช่นอาหารมันมากๆ หรือหวานมากๆ หรือเค็มมากๆ และกินเป็นเวลาทิ้งระยะห่างกันพอควร ไม่กินจุบกินจิบตลอดกะ
    (5) ให้คุณฝึกนั่งหรือยืนสมาธิทำใจให้สงบ ครั้งละ 1 นาที (สิบลมหายใจ) ก็ยังดี คือพอมีเวลานิดๆหน่อยๆก็ให้รีบหลับตาเข้าสมาธิผ่อนคลายร่างกาย เวลาเข้าลิฟท์ซึ่งอาจใช้เวลาสองสามนาที ให้หลับตาทำสมาธิและผ่อนคลาย ทำแบบนี้จะช่วยบรรเทาความเครียดต่อสมองและร่างกายขณะที่ต้องฝืนทำงานติดต่อกันนานๆได้มาก
    (6) เมื่อใดก็ตามที่เลือกได้ ให้เลิกทำงานเป็นกะซะ ..เป็นการแก้ปัญหาที่เด็ดขาดที่ซู้ด
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์   

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

หนังสือคัมภีร์สุขภาพดี (Healthy Life Bible) จะพิมพ์ครั้งที่ 3 แน่นอนแล้ว เชิญสั่งซื้อได้

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

วิตามินดีเกิน 150 หมอบอกมากเกินไป ท้ังๆที่ไม่ได้ทานวิตามินดี

หมอสันต์กราบขออภัย และขอเปิดรับสมัคร์แค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเอง (RDBY 33) ใหม่

Life Skill Camp for Kids แค้มป์ทักษะชีวิตเยาวชนที่มิวเซียมสยาม 16 พย. 67

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)