เรื่องไร้สาระ (40) นางพญาปากกว้างสวมหมวกกันน็อค

(กรณีอ่านจากเฟซบุ้คกรุณาคลิกภาพข้างล่าง)

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ผมเพิ่งเสร็จงานสอนแค้มป์สุขภาพให้ชาวต่างชาติ และเพิ่งเสร็จถ่ายวิดิโอตอบคำถามสุขภาพแบบไล้ฟ์เพื่อเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย กำลังวางแผนว่าวันรุ่งขึ้นจะเข้ากรุงเทพ พอดีคุณแจ่มซึ่งเป็นเพื่อนเที่ยวเมื่อคราวไปญี่ปุ่นหลายเดือนก่อนโทรศัพท์มาหาหมอสมวงศ์ บอกว่าเธอกำลังพักอยู่ที่ในอุทยานเขาใหญ่ และว่าลูกไทรกำลังสุก นกเงือกกำลังพากันมากินลูกไทร ซึ่งปีหนึ่งมีหนเดียวเท่านั้น และนกฮูกตัวโตก็กำลังโผล่ให้เห็นทั้งวันไม่ไปไหนอย่างน้อยก็สองสามวันนี้เพราะมันต้องรอลูกมันในโพรงให้โตก่อน เธอชวนว่าเราอยากไปดูไหม จึงต้องเปลี่ยนแผนว่าวันพรุ่งนี้เราจะไปดูนกที่เขาใหญ่ตอนเช้า แล้วค่อยเข้ากรุงเทพตอนเย็น

บรรยากาศการเฝ้าดูนกเงือกมากินผลไทร มีทั้งไทยฝรั่งญี่ปุ่น บ้างหลับนก บ้างนั่งสมาธิ

จะไปส่องนกทั้งทีก็ต้องหากล้องส่อง แต่ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอว่ากล้องที่เคยมีอยู่เอาไปทิ้งไว้ที่ไหนเสียแล้ว โทรไปหาหมอเบิร์ดซึ่งเป็นนักส่องนกเพื่อขอยืมกล้องเธอ เธอก็ไม่รับสายสงสัยประชุมลูกน้องอยู่ เผอิญนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีกล้องส่องสำรวจรังวัดอยู่ในเล้าไก่ชุดหนึ่งซึ่งผมซื้อมาไว้สำรวจปลูกป่า จึงคิดว่าเอากล้องสำรวจนั่นแหละดูนก ใช้ลูกเล่นเอียงขาตั้งสามขาหน่อยก็น่าจะเงยกล้องดูนกได้ไม่ยาก พอปลงใจได้แล้วหมอเบิร์ดถึงโทรกลับมา ผมจึงบอกเธอว่าหะแรกผมตั้งใจจะยืมกลัองแต่ตอนนี้ไม่รบกวนแล้วเพราะมีกล้องแล้ว เธออธิบายสั่งเสียเรื่องเวลาดูนกว่านกฮูกมันจะเข้าออกรังเฉพาะเช้าๆเย็นๆ ส่วนนกเงือกนั้นก็จะมาที่ต้นไทรตอนเช้าๆ ผมจึงกะว่าจะออกจากบ้านหกโมงเช้า ไปถึงเขาใหญ่เจ็ดโมงเช้าซึ่งเป็นเวลาเขาเพิ่งเปิดอุทยานพอดี

พอข่าวแพร่ออกไปเพื่อนบ้านอีกสองบ้านตัดสินใจไปด้วย คณะเรารอบนี้จึงมีกันทั้งหมด 7 คน บ้างป่วยอยู่นัดหมอไว้แล้วก็เลื่อนหมอไปก่อนเพราะอยากดูนกมากกว่าดูหน้าหมอ เราเอารถยนต์ไปสองคัน ไปถึงอุทยานเอาตอนเจ็ดโมงเช้า ไปตั้งกล้องเตรียมดูนกเงือกกันที่ กม. 30 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น ตั้งกล้องเตรียมพร้อมกันอยู่แล้วราวยี่สิบคน สอบถามได้ความว่านกล็อตใหญ่มากินไทรผ่านไปแล้ว เหลือแค่มาแบบประปรายคราวละตัวสองตัว ส่วนผู้ที่เราไม่ได้ตั้งใจมาดูคือพวกลิงสาระพัดขนาดนั้นมากันเพียบ ห้องโหน โจนทะยาน ขย่มกิ่งไทรกินลูกไทรกันอยู่อย่างเอิกเกริก

เห็นแมะ นกเงือกหนะ พยายามดูหน่อยสิ

พอผมตั้งกล้องสำรวจเสร็จยังไม่มีนกให้ส่องก็ส่องลิงไปก่อน คนญี่ปุ่นอายุราวหกสิบเจ็ดสิบที่ตั้งกล้องส่องขนาดยาวหนึ่งศอกอยู่ข้างๆ เขาเห็นกล้องของผมเป็นกล้องแบบประหลาดก็มาขอดูบ้าง พอเห็นลิงนั่งหยิบลูกไทรกินหนุบหนับอยู่ในกล้องเขาก็หัวเราะยกนิ้วโป้งให้แล้วพูดภาษาญี่ปุ่นซึ่งผมเดาเอาว่าเขาคงพูดว่า

“กล้องแบบนี้ดีแต่ใช้ส่องลิงเท่านั้นแหละ” ประมาณนั้น หิ..หิ

คุณแจ่มมาสมทบตามนัด เธอมากับเพื่อนนักนิยมไพรอีกคนหนึ่ง มีนกเงือกบินมาอีกสองสามตัวพอให้ได้ส่องและถ่ายรูป หลังจากนั้นก็เงียบ ผมเอาข้าวหลามที่แกะฝานเป็นแว่นใส่กล่องพลาสติกมาจากบ้านออกมาเปิดกิน แบ่งให้คนญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆด้วย ผมบอกเขาว่า

อันนี้เป็นภาพฝีมือคุณแจ่ม ไม่ต้องบรรยาย
นกไม่มาก็กินข้าวหลามและดูลิงไปก่อน

“Bamboo sticky rice”

เขารับไปกินแล้วพร่ำพรรณาขอบคุณบวกพูดอะไรอีกไม่รู้ยาวเหยียด

พอว่างจากส่องนกก็มีเวลามองไปรอบๆ อากาศยามสายๆบนเขาใหญ่เย็นสบายดีแม้จะเป็นหน้าร้อน ผมสังเกตเหล่าคนที่มาตั้งกล้องส่องนก ส่วนใหญ่เป็นคนมีอันจะกิน ทั้งนี้ผมดูเอาจากความยาวของเลนส์ที่ติดกล้องถ่ายรูปบนขาตั้งของแต่ละคน แทบทุกคนเล่นเลนส์ยาวระดับหนึ่งศอกทั้งนั้น และผมสังเกตว่าส่วนใหญ่พวกเขาจะเป็นคนพันธ์ “นิ่ง” กางเก้าอี้ผู้กำกับนั่งเอ้เต รอการมาของนกแบบมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ไม่ได้แสดงอาการอาทรร้อนใจอะไร บางคนถ้าไม่หลับนกอยู่ก็คงกำลังนั่งสมาธิ ดูพวกเขาจะมีความสุขกับการได้มาตั้งกล้อง ได้มานั่ง มากกว่าการจะได้เห็นหรือไม่ได้เห็น นับว่าเขาก็มีความสุขตามแบบของพวกเขา ต่างจากพวกเราซึ่งเป็นคนพันธ์ “ยุกยิก” คือมาเพื่อจะต้องเห็นนกให้ได้ ไม่มีนกก็จะออกอาการถามหา ร้อนรน กระวนกระวาย ระเบ็งเซ็งแซ่ นักดูนกพันธุ์แท้มองพวกเราแบบสงสาร แต่พวกเราไม่รู้ตัวหรอก เรายังคงภูมิใจ และมีความสุขตามแบบพวกเรา หิ..หิ

คุณแจ่มถามว่า

“จะพาไปดูรังนกเงือกที่เป็นครอบครัวประหลาดเอาไหม” ผมตอบว่าเอา และถามว่า

“มันประหลาดยังไง”

คุณแจ่มเล่าว่าธรรดานกเงือกจะมีชีวิตอยู่กันเป็นคู่ ผัวเดียวเมียเดียวตลอดชีพ เมื่อมีลูกตัวเมียและลูกๆจะเข้าไปอยู่ในโพรงไม้แล้วปิดโพรงไม้เหลือรูเล็กนิดเดียวพอเอาจงอยปากส่งอาหารเข้าไปได้เท่านั้น ส่วนตัวผู้จะเป็นผู้ไปหาอาหารมาเลี้ยงลูกเมียจนลูกๆโตจึงจะเจาะปากรูพาลูกๆออกมาใช้ชีวิตในโลกกว้าง แต่นกเงือกที่เธอจะพาไปดูนี้ มีนกเงือกที่อยู่ข้างนอกและเวียนกันเอาอาหารมาส่งเสียเลี้ยงดูนับรวมได้ถึงห้าตัว ไม่ใช่ตัวเดียว

ผมนึกในใจว่านางนกเงือกสมัยนี้ได้พัฒนาตัวเองเรียนรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จาก “กิ๊ก” ไปเรียบร้อยแล้วแฮะ แถมเธอผู้นี้มีกิ๊กตั้งห้าตัว ช่างเป็นนางนกเงือกที่สวยและฉลาดเสียจริง น่าเสียดายที่ผมจะไม่ได้เห็นหน้าเธอในวันนี้เพราะเธออยู่กับลูกๆในโพรงไม้ที่มีรูเข้าแค่จงอยปากลอดได้ เพื่อนอีกคนหนึ่งให้ความเห็นว่าเธอน่าจะมาจากทางมาเลเซีย เพราะทางโน้นหากคนหนึ่งอยากแต่งงานกับคนอื่นทีเดียวพร้อมกันสัก 4 คนก็สามารถทำได้ หิ..หิ

เมื่อคณะเราไปถึง บังไพรก็กลายเป็นสวนจตุจักร

เราขับตามคุณแจ่ม ไปจอดรถไว้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แล้วออกเดินเท้าตามคุณแจ่มและเพื่อนของเธอไปตามทางเดินดีๆในป่าดงดิบที่มีต้นไม้เขียวชอุ่ม เดินขึ้นๆลงๆอีกหลายร้อยเมตร ก็มาถึง “บังไพร” ขนาดประมาณห้องสุขา ที่เขาเตรียมไว้ให้ซุ่มดูนกเงือกส่งอาหารเลี้ยงลูกเมียซึ่งขังตัวเองอยู่ในโพรงแถบนี้ มีนักนิยมไพรผู้ชายอายุราวห้าหกสิบปีสองคนได้ตั้งกล้องบนขาตั้งแล้วและกำลังยืนรอการมาของนกเงือกตัวผู้อยู่อย่างใจเย็น บรรยากาศแรกเริ่มเป็นแบบกลางป่าดงดิบที่เงียบสงบและเคร่งขรึม แต่พอคณะเรามาถึง ทั้งบังไพรก็กลายเป็นสวนจตุจักร สมาชิกพวกกันเองบางท่านต้องคอยจุ๊ปากเตือนเสียงจึงลดลง แต่ก็ยังไม่วายกระซิบกระซาบซุกซิกซุกซิก และไม่วายยุกยิก เดี๋ยวคนนั้นจะเอายากันยุง เดี๋ยวคนนี้ร้องเรียนว่าไม่เห็นรูรังนกว่าอยู่บนต้นไม้ต้นไหน ต้นนั้นหรือต้นนี้ ผู้หวังดีก็ได้แต่คอยกระซิบว่าก็ต้นสูงๆนั่นไง ผมนึกขำอยู่ในใจว่าโห ในป่าดงดิบอย่างนี้ต้นไม้ยืนต้นจะไปหาต้นเตี้ยได้ที่ไหนละ

นายนกเงือก กำลังป้อนอาหารลูกเมียที่อยู่ในโพรง

“มาแล้ว มาแล้ว”

สิ้นเสียงกระซิบแหลมๆดังๆของนักนิยมไพรตัวปลอม ทั้งบังไพรก็เงียบกริบ

ผมเพิ่งรู้สึกว่าในบังไพรเพิ่งจะเกิดสมาธิขึ้นก็ตอนได้ยินคำว่า “มาแล้ว” นี่เอง

นายนกเงือกรูปร่างใหญ่กางปีกขนาดกว้างสองข้างรวมกันไม่หนีหนึ่งเมตรกวักลมอย่างช้าๆโสว์โมชั่นอยู่กลางอากาศ แล้วค่อยๆร่อนลงจอดบนกิ่งไม้ต้นถัดไป เหลียวซ้ายแลขวาลาดตระเวณ แล้วก็โผบินตรงไปยังปากรูรังนก เอาเล็บจิกปีกไม้ไว้และกางปีกอ้าแขนโอบต้นไม้ ทรงตัวนิ่งในท่ายืน หันหน้าเข้าหารู แล้วก็ซ้ายหันเก้าสิบองศาเพื่อสำรอกเอาอาหารที่นำมาจากกึ๋นขึ้นมาในปาก แล้วเคี้ยวขยำสองสามทีด้วยจงอยปาก ผมเข้าใจว่าอาหารที่สำรอกออกมาคงจะเป็นเม็ดแข็ง จากนั้นจึงขวาหันกลับไปหารู เอาปลายจงอยปากยื่นเข้าไปป้อนอาหารในรู เราไม่อาจมองเห็นนางนกเงือกและลูกๆของเธอได้เพราะปากรูเล็กนิดเดียว เสียงก็ไม่ได้ยินเพราะรูอยู่สูงจากพื้นดินราวหกเมตร นายนกเงือกทำขั้นตอนปฏิบัติ ซ้ายหัน สำรอก เคี้ยว ขวาหัน ป้อน ซ้ำๆอยู่สี่ห้าครั้ง แล้วก็บินผละออกจากต้นไม้ออกไป

“มาอีกละ มาอีกละ”

คราวนี้เป็นรอบของนายนกเงือกตัวที่สองซึ่งบินมาจอดรอคิวอยู่ที่ต้นไม่อีกต้นหนึ่งได้ประมาณห้าวิแล้ว เมื่อนายนก-1 ผละออกไป นายนก-2 ก็เข้าประจำที่ปฏิบัติการป้อนแทน ด้วยเวอร์คโปรซีเจอร์เหมือนนายนก-1 ทุกประการ คือซ้ายหัน สำรอก เคี้ยว ขวาหัน ป้อน ทำซ้ำอยู่สี่ห้ารอบ

“มาอีกแล้ว มาอีกแล้ว”

คราวนี้เป็นนายนก-3 เข้ามาทำหน้าที่ต่อ ผมจำไม่ได้ว่าทั้งหมดมากันครบห้าตัวตามที่คุณแจ่มเคยนับไว้หรือไม่ จำได้แต่ว่ามีการเวียนเข้ามาป้อนซ้ำอย่างน้อยก็ 3-4 รอบ

พอจบรอบมื้ออาหารของนกเงือก ทั้งป่าก็เงียบสงัดอยู่ครึ่งวินาที ก่อนที่เสียงภายในตลาดนัด “บังไพร” จะกลับมาใหม่ ไล่ที่ความเงียบ พาความรู้ตัวกลับมาสู่โลกของขี้ปากมนุษย์ดังเดิม

“พวกพี่ๆโชคดีมากนะครับ มาแป๊บเดียวก็ได้เห็นเลย ผมมารออยู่ชั่วโมงกว่าแล้ว”

นักนิยมไพรตัวจริงพูดกับสมาชิกของเราท่านหนึ่ง ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการประชดหรือเป็นการขอบคุณว่าพวกเราเป็นตัวนำโชคกันแน่

เราเดินย้อนทางเดินกลับออกมา ป่าทั้งป่าอากาศเย็นสบาย ผมบอกเพื่อนที่มาทั้งๆที่ยังป่วยว่า

“พี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างนี้แหละที่เขาเรียกว่าอาบป่า ในอากาศของป่าอย่างนี้มีโมเลกุลดีๆที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกายเราได้มาก”

บริเวณรอบๆศูนย์ข้อมูลเป็นภูมิทัศน์ที่น่าสนใจ ก่อนออกเดินไปดูรังนกเงือก ผมลืมเล่าว่าเราแวะดูเหล่านักนิยมไพรราวสี่ห้าคนตั้งกล้องอยู่ริมน้ำลำตะคองเหมือนรออะไรสักอย่าง จึงแวะเข้าไปสอบถาม ได้ความว่าเขาตั้งกล้องเล็งไปที่รังนกนางพญาปากกว้างหางยาว ซึ่งมีหน้าตาสะสวยเหมือนผู้หญิงที่นั่งมอเตอร์ไซค์ใส่หมวกกันน็อค จนเป็นนกขวัญใจนักนิยมไพรตัวหนึ่ง พวกเราก็เลยผสมโรงดูกับเขาไปด้วย โดยตั้งกล้องเล็งไปที่รังนกที่มีหน้าตาคล้ายๆกองขยะเจาะรูทางเข้าแขวนต่องแต่งอยู่บนต้นไม้

นางพญาปากกว้างหางยาว ฝีมือถ่ายของเพื่อนใหม่ข้างๆ

แล้วนกนางพญาก็มา โผบินเกาะรัง ป้อนอาหารลูก แล้วก็ผละออกจากรังไปหาอาหารต่อ แล้วก็กลับมาอีก คราวนี้มุดเข้าไปในรัง โผล่หน้าอันสวยงามออกมาชมวิวข้างนอก ขณะที่เสียงลั่นชัตเตอร์ดังฟึบฟับเชาะแชะไม่หยุด ได้ครู่หนึ่งเธอกองออกจากรังไปหาอาหารอีก น่าเสียดายที่กล้องสำรวจรังวัดของผมถ่ายรูปไม่ได้ ต้องอาศัยขออนุญาตใช้รูปฝีมือที่ท่านอื่นๆที่ถ่ายอยู่ด้วยกัน

พอคล้อยหลังนกบินไปแล้ว ก็เป็นรายการเม้าท์มอย สมาชิกของเราไม่วายแสดงนิสัยใฝ่รู้ไปสอบสวนเรื่องกล้องเรื่องเลนส์ต่างๆที่เขาตั้งส่องกัน ส่วนใหญ่ไปล้วงความลับเรื่องราคา

“ของผมราคาไม่แพง เพราะผมเป็นนักเล่นระดับง่ายๆสบายๆ กล้องผมไม่ถึงห้าหมื่น เลนส์ผมก็ไม่ถึงสองแสน”

สมาชิกผู้สอดรู้อ้าปากค้าง

“โห..แล้วอย่างแพงมันจะเท่าไหร่กันละคะ”

อีกท่านหนึ่งตอบให้ว่า

“ปกติที่เขาเล่นกันก็เลนส์ประมาณหกแสน กล้องประมาณสองแสน แต่บางรายอย่างเช่นที่เป็นข่าวว่าเอากล้องทูนหัวลุยน้ำลอยคอไปถ่ายรูปนกที่บึงบรเพ็ดนครสวรรค์อันนั้นเลนส์ของเขา เลนส์อย่างเดียวนะ ล้านกว่าบาท”

นักนิยมไพรท่านแรกมองดูกล้องของผมแล้วว่า

“นี่พี่เอากล้องสำรวจมาส่องเลยหรือครับ”

ผมยิ้มพยักหน้า ไม่กล้าต่อความยาวเพราะกล้องของผมราคาไม่ถึงหมื่น และเขาใช้สำรวจรังวัดไม่ใช่ใช้ส่องดูอะไรอื่น หนุ่มคนนั้นเห็นผมเงียบจึงเฉลยว่า

“ผมเรียนโยธามา จึงรู้ว่ามันเป็นกล้องสำรวจ”

ผมนึกในใจว่าอ้อ.. เป็นวิศวกร แล้วมาเอาดีทางส่องนกนี่เอง

จรเข้พันธ์พุงใหญ่ ลอยคออย่างสบายอารมณ์ในลำตะคอง

จบดูนกนางพญาแล้วเราเดินวนรอบๆริมน้ำลำตะคอง ดูกิ้งก่า ดูอะไรก็ไม่รู้ขนาดเท่าจรเข้ลอยคอไปตามลำน้ำ บางจังหวะก็ขึ้นมาตากพุงอยู่บนหาดหิน มันคงไม่ใช่จรเข้ เพราะมันพุงใหญ่กว่าจรเข้ ผมถ่ายรูปตอนมันลอยคอมาด้วย

เราแยกจากคุณแจ่มกับเพื่อนของเธอซึ่งจะไปเดินไพรตามประสาของเธอต่อ แต่เราออกจากอุทยานเขาใหญ่ แวะกินข้าวกลางวัน เอ้อระเหยพักใหญ่ แล้วก็เดินทางต่อไปยังสำนักงานเทศบาลหมูสี ตรงไปที่ห้องส้วมสีม่วงตามคำบอก เพื่อไปดูนกฮูกใหญ่ที่ต้นไม้ใหญ่ข้างห้องส้วม เรามีข้อมูลสองชุด ชุดแรกเป็นคำสั่งเสียของหมอเบิร์ดว่าจะดูนกฮูกต้องไปแต่เช้าหรือเย็นซึ่งเป็นเวลามันเข้าออกรัง อีกชุดหนึ่งเป็นข้อมูลของคุณแจ่ม ว่าตอนนี้ดูมันได้ตลอดวันเพราะลูกมันยังไม่โตมันต้องเฝ้าลูกไม่ไปไหน มันคงจะอยู่แค่สองสามวันจนลูกมันบินได้ มันจึงจะไป เธอว่าไปดูเถอะไม่เหงาหรอก มีคนตั้งกล้องส่องดูกันตรึม

แต่เมื่อมาถึงห้องส้วมสีม่วง จอดรถ ลงจากรถ เหลียวมองไปรอบๆ เงียบ..บ

ภาพที่คุณแจ่มเห็น ซึ่งเหมือนกับที่เราเห็นทุกอย่าง..ยกเว้นตัวนกฮูก

มีแต่สุภาพสตรีท่านหนึ่งถือกล้องยาวหนึ่งศอกนั่งทอดอาลัยอยู่บนก้อนหิน ผู้สื่อข่าวของเราจึงไปเสาะข่าวจากเธอ

“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันพวกเขาไปไหนกันหมด ตอนเที่ยงหนูยังถ่ายวิดิโอลูกของเขาหัดบิน เขาบินลงมากิ่งล่าง แล้วเดินขึ้นไปต้้งต้นที่กิ่งบน นี่ไง เธอเปิดไฟล์ที่เธอบันทึกไว้ให้ดู แล้วพอหนูไปกินข้าวชั่วโมงเดียว กลับมาพวกเขาหายไปกันหมดแล้ว”

แป่ว..ว เรามาช้าไปชั่วโมงเดี่ยวหรือนี่ ทำไมเทวดามาแกล้งเราเอากลางคันอย่างนี้ ตอนเช้าให้เราเป็นคนนำโชค ตอนบ่ายมาเอาโชคไปจากเรา เฮ้อ นี่หรือที่เขาเรียกว่าโชคชะตา แล้วความผิดหวังของเราก็คอนเฟิร์มเมื่อคุณแจ่มโทรศัพท์มาเช็คว่าเราทันนกไหม เธอเล่าต่อว่า

“มีคนเขาบอกในโซเชียลว่าตอนใกล้บ่ายโมงแม่นกฮูกจับเอาหนูมาล่อลูกๆให้ลูกๆให้บินตามเธอไป พากันเข้าไปยังในป่าลึก”

จบข่าว

เราพากันขึ้นรถกลับบ้าน ลูกชายเป็นพลขับ ผมกำลังจะม่อยหลับเพราะเพลียจากการเดินป่า เสียงหมอสมวงศ์ทดสอบความจำของผมดังขึ้นมาว่า

“จำได้ไหม ชื่อของนกสีสวยๆชื่ออะไร” ผมตอบโดยไม่ต้องคิดว่า

“นางพญาปากกว้างสวมหมวกกันน็อค”

หิ..หิ..หิ ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น

………………………………………………………….

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี