แค่ปฏิบัติตามคลิปหมอสันต์ก็ลดความดันได้แล้ว..ถ้าทำจริง
เรียนคุณหมอสันต์
ก่อนหน้านี้ผมกินยาลดความดันอยู่ 1 เม็ด 10 mg.ร่วมกับยา PRENOLOL 25 mg กินสองอย่างอยู่ 10 กว่าปี ทุกหลังอาหารเช้า พอกลางปี 61 ความดันเริ่มรวน ขึ้นๆ ลงๆ งงหัว และรู้สึกมีเครียดร่วมด้วย ช่วงนั้นความดันอยู่ที่ 150/70 160/80 ชีพจร 80-90 รู้สึกว่าไม่ดีคิดว่าควรปรึกษาหมอ แต่ก็ยังไม่ไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวคงปรับตัวได้ มีอยู่เช้าหนึ่งตื่นขึ้นมา แล้วค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง แต่นั่งไม่ได้ล้มตะแคงลงไปบนที่นอนเหมือนเดิม เราก็เลยคิดว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันคือจะเห็นภาพในห้องนอนหมุนและอยากอาเจียนแต่วันนี้ไม่ไช่เพราะภาพในห้องไม่หมุนเลยนอนนิ่งได้พักหนึ่งจึงค่อยๆลุกขึ้นนั่งให้ช้าทีสุดแล้วนั่งสังเกตุว่าภาพในห้องหมุนป่าว แต่ก็ปกติดีเลยค่อยๆลุกขึ้นจะไปเปิดสวิตซ์ไฟ เดินไปได้ประมาณสี่ก้าวรู้สึกเซๆเหมือนคนเมาเหล้าจะล้มให้ได้ เลยพุ่งตัวกลับลงมาบนที่นอนอีกครั้ง แล้วโทรลงมาหาลูกให้เอาที่วัดความดันขึ้นไปให้ นอนนิ่งๆอยู่พักหนึ่งแล้ววัดความดัน ปรากฎว่าเช้านี้นความดันอยู่ที่ 175/95 ชีพจร 110 เลยรีบกินยาลดความดันก่อนอาหารในเช้านั้น นอนได้พักหนึ่งความดันลงมาอยู่ที่ 140/65 ชีพจร 75 กลับลงมาข้างล่างทำงานได้ปกติ พอสายๆไป รพ.ธนบุรีเจ้าเก่าเพราะประวัติการรักษาอยู่ที่นั่นทั้งหมด ขอพบหมอเรื่องความดันแล้วเล่าตามอาการที่้เกิดขึ้นในเช้านั้นให้หมอฟัง หมอเอาฆ้อนยางเคาะตามข้อต่าง หมอก็บอกปกติดี แต่ให้เรากินยาลดความดันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเม็ดหลังอาหารเย็น
กลับมาเลยมาคิดได้ว่าเคยดูคลิปของหมอ สันต์ ใจยอดศิลป์ พูดถึงเรื่องการดูแลตัวเองหลังจากลูกศิษย์ของหมอจ่ายยาลดความดันให้หมอแล้วหมอไม่กินแอบทิ้งไปทั้งหมด แล้วหมอย้อนหันกับมาทบทวน ค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับความดันและพูดถึงคนไข้โรคหัวใจที่หมอรักษามาตลอดอาชีพของหมอ แล้วหมอมาได้ความคิดใหม่ คือเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตใหม่ของหมอ เช่นการออกกำลังกาย การทำงาน การรับประทานอาหารใหม่หมด คุณหมอพูดได้ชัดเจนมาก คือมนุษย์เป็นสัตว์กินพืชผักผลไม้เป็นหลัก บรรพบุรุษของเราไม่ได้เป็นสัตว์กินเนื้อ ตั้งแต่นั้นมาคุณหมอก็ได้แม่บ้านคอยปั่นผักร่วมผลไม้ให้กินทุกวัน และก่อนหน้านี้คุณหมอชอบดื่มกาแฟมากใส่ทั้งคลีมและน้ำตาลวันละหลายถ้วย ตอนหลังหมอบอกยังดื่มกาแฟอยู่แต่เป็นกาแฟดำไม่ใส่อะไรเลย ความดันก็หาย สุขภาพก็ดีขึ้น
หลังจากนั้นผมก็ทำตัวแบบหมอบ้าง ไม่กิน มัน หวาน เค็ม และทานผักผลไม้ปั่นทุกมื้อทุกวันและพยายามออกกำลังกาย ควบคุม นน.ให้อยู่ในความเหมาะสม ทุกวันนี้ผมไม่ต้องกินยาลดความดันแล้วครับ
ขอบคุณคลิปดีๆของคุณหมอ สันต์ ใจยอดศิลป์ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
..................................................
ตอบครับ
คุณเขียนมาขอบคุณ ผมก็ตอบแค่ว่าด้วยความยินดีครับ แต่ที่เอาจดหมายนี้ลงก็เพื่อให้แฟนบล็อกที่ยังคิดว่าการแก้ปัญหาความดันเลือดสูงเป็นของยากได้เห็นตัวอย่างว่าถ้าลงมือทำจริงๆแล้วมันเป็นของง่ายเพียงใด เนื้อหาจดหมายสั้นๆของคุณสื่อสาระเกินพอที่ท่านผู้อ่านท่านอื่นจะหยิบไปใช้ประโยชน์ได้แล้ว ผมไม่มีอะไรจะเพิ่มเติมอีก แค่ขอทบทวนหลักฐานการวิจัยทางการแพทย์ไว้ตรงนี้หน่อยว่าคนเป็นความดันเลือดสูง ทำอะไรแล้วความดันจะลดลงแค่ไหน ดังนี้
1. คนที่อ้วน หากลดน้ำหนักได้ 10 กก. ความดันตัวบนจะลดลงได้ถึง 20 มม.
2. คนที่กินเนื้อนมไข่ไก่ปลาเป็นอาจิณ หากเปลี่ยนมากินอาหารที่มีพืชผักและผลไม้มากๆวันละ 5-10 เสริฟวิ่ง ความดันตัวบนจะลดลงได้ถึง 14 มม.
3. คนที่ปกติไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอหากหันมาออกกำลังกายสม่ำเสมอ ความดันตัวบนจะลดลงไปอีก 9 มม.
4. หากลดเกลือในอาหารลงให้เหลือจืดสนิท ความดันตัวบนจะลดลงไปอีก 8 มม.
5. คนที่ดื่มแอลกอฮอลมาก หากเลิกเสีย หรือหากเลิกไม่ได้ก็ลดการดื่มลงเหลือไม่เกินวันละ 1-2 ดริ๊งค์ ความดันตัวบนจะลดลงไปอีก 4 มม.
ทำหลายๆอย่างร่วมกันไป ก็จะลดและเลิกยาลดความดันได้ในที่สุด
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ก่อนหน้านี้ผมกินยาลดความดันอยู่ 1 เม็ด 10 mg.ร่วมกับยา PRENOLOL 25 mg กินสองอย่างอยู่ 10 กว่าปี ทุกหลังอาหารเช้า พอกลางปี 61 ความดันเริ่มรวน ขึ้นๆ ลงๆ งงหัว และรู้สึกมีเครียดร่วมด้วย ช่วงนั้นความดันอยู่ที่ 150/70 160/80 ชีพจร 80-90 รู้สึกว่าไม่ดีคิดว่าควรปรึกษาหมอ แต่ก็ยังไม่ไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวคงปรับตัวได้ มีอยู่เช้าหนึ่งตื่นขึ้นมา แล้วค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง แต่นั่งไม่ได้ล้มตะแคงลงไปบนที่นอนเหมือนเดิม เราก็เลยคิดว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันคือจะเห็นภาพในห้องนอนหมุนและอยากอาเจียนแต่วันนี้ไม่ไช่เพราะภาพในห้องไม่หมุนเลยนอนนิ่งได้พักหนึ่งจึงค่อยๆลุกขึ้นนั่งให้ช้าทีสุดแล้วนั่งสังเกตุว่าภาพในห้องหมุนป่าว แต่ก็ปกติดีเลยค่อยๆลุกขึ้นจะไปเปิดสวิตซ์ไฟ เดินไปได้ประมาณสี่ก้าวรู้สึกเซๆเหมือนคนเมาเหล้าจะล้มให้ได้ เลยพุ่งตัวกลับลงมาบนที่นอนอีกครั้ง แล้วโทรลงมาหาลูกให้เอาที่วัดความดันขึ้นไปให้ นอนนิ่งๆอยู่พักหนึ่งแล้ววัดความดัน ปรากฎว่าเช้านี้นความดันอยู่ที่ 175/95 ชีพจร 110 เลยรีบกินยาลดความดันก่อนอาหารในเช้านั้น นอนได้พักหนึ่งความดันลงมาอยู่ที่ 140/65 ชีพจร 75 กลับลงมาข้างล่างทำงานได้ปกติ พอสายๆไป รพ.ธนบุรีเจ้าเก่าเพราะประวัติการรักษาอยู่ที่นั่นทั้งหมด ขอพบหมอเรื่องความดันแล้วเล่าตามอาการที่้เกิดขึ้นในเช้านั้นให้หมอฟัง หมอเอาฆ้อนยางเคาะตามข้อต่าง หมอก็บอกปกติดี แต่ให้เรากินยาลดความดันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเม็ดหลังอาหารเย็น
กลับมาเลยมาคิดได้ว่าเคยดูคลิปของหมอ สันต์ ใจยอดศิลป์ พูดถึงเรื่องการดูแลตัวเองหลังจากลูกศิษย์ของหมอจ่ายยาลดความดันให้หมอแล้วหมอไม่กินแอบทิ้งไปทั้งหมด แล้วหมอย้อนหันกับมาทบทวน ค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับความดันและพูดถึงคนไข้โรคหัวใจที่หมอรักษามาตลอดอาชีพของหมอ แล้วหมอมาได้ความคิดใหม่ คือเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตใหม่ของหมอ เช่นการออกกำลังกาย การทำงาน การรับประทานอาหารใหม่หมด คุณหมอพูดได้ชัดเจนมาก คือมนุษย์เป็นสัตว์กินพืชผักผลไม้เป็นหลัก บรรพบุรุษของเราไม่ได้เป็นสัตว์กินเนื้อ ตั้งแต่นั้นมาคุณหมอก็ได้แม่บ้านคอยปั่นผักร่วมผลไม้ให้กินทุกวัน และก่อนหน้านี้คุณหมอชอบดื่มกาแฟมากใส่ทั้งคลีมและน้ำตาลวันละหลายถ้วย ตอนหลังหมอบอกยังดื่มกาแฟอยู่แต่เป็นกาแฟดำไม่ใส่อะไรเลย ความดันก็หาย สุขภาพก็ดีขึ้น
หลังจากนั้นผมก็ทำตัวแบบหมอบ้าง ไม่กิน มัน หวาน เค็ม และทานผักผลไม้ปั่นทุกมื้อทุกวันและพยายามออกกำลังกาย ควบคุม นน.ให้อยู่ในความเหมาะสม ทุกวันนี้ผมไม่ต้องกินยาลดความดันแล้วครับ
ขอบคุณคลิปดีๆของคุณหมอ สันต์ ใจยอดศิลป์ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
..................................................
ตอบครับ
คุณเขียนมาขอบคุณ ผมก็ตอบแค่ว่าด้วยความยินดีครับ แต่ที่เอาจดหมายนี้ลงก็เพื่อให้แฟนบล็อกที่ยังคิดว่าการแก้ปัญหาความดันเลือดสูงเป็นของยากได้เห็นตัวอย่างว่าถ้าลงมือทำจริงๆแล้วมันเป็นของง่ายเพียงใด เนื้อหาจดหมายสั้นๆของคุณสื่อสาระเกินพอที่ท่านผู้อ่านท่านอื่นจะหยิบไปใช้ประโยชน์ได้แล้ว ผมไม่มีอะไรจะเพิ่มเติมอีก แค่ขอทบทวนหลักฐานการวิจัยทางการแพทย์ไว้ตรงนี้หน่อยว่าคนเป็นความดันเลือดสูง ทำอะไรแล้วความดันจะลดลงแค่ไหน ดังนี้
1. คนที่อ้วน หากลดน้ำหนักได้ 10 กก. ความดันตัวบนจะลดลงได้ถึง 20 มม.
2. คนที่กินเนื้อนมไข่ไก่ปลาเป็นอาจิณ หากเปลี่ยนมากินอาหารที่มีพืชผักและผลไม้มากๆวันละ 5-10 เสริฟวิ่ง ความดันตัวบนจะลดลงได้ถึง 14 มม.
3. คนที่ปกติไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอหากหันมาออกกำลังกายสม่ำเสมอ ความดันตัวบนจะลดลงไปอีก 9 มม.
4. หากลดเกลือในอาหารลงให้เหลือจืดสนิท ความดันตัวบนจะลดลงไปอีก 8 มม.
5. คนที่ดื่มแอลกอฮอลมาก หากเลิกเสีย หรือหากเลิกไม่ได้ก็ลดการดื่มลงเหลือไม่เกินวันละ 1-2 ดริ๊งค์ ความดันตัวบนจะลดลงไปอีก 4 มม.
ทำหลายๆอย่างร่วมกันไป ก็จะลดและเลิกยาลดความดันได้ในที่สุด
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์