เรื่องของคนแก่ว่างงานในฤดูแล้ง

     เดิมผมวางแผนไว้ว่าจากนี้ไปถึงต้นหน้าฝนจะค่อยๆปลูกกล้ายางนาสัปดาห์ละต้นสองต้น เพราะการปลูกเองคนเดียวมันใช้เวลาเหมือนกัน คือต้องขุดดินลูกรังแต่ละหลุมกว้างสี่สิบลึกสี่สิบเซ็นต์ แล้วใส่น้ำในหลุมแช่ไว้ให้มันซึมจนเปียกโชก แล้วแบกปุ๋ยอินทรีย์ขึ้นไปรองก้นหลุม แล้วเอาใบไม้กิ่งไม้แห้งสุมทับลงไป ตัดก้นถุงพลาสติกที่ใช้ปลูกกล้ายางนาออกเพื่อให้รากเดินได้ก่อน แล้วเอาต้นกล้ายางนาวางในหลุม แล้วโกยดินผสมหินลูกรังที่กองอยู่ปากหลุมกลับลงไปใหม่ แล้วปักหลักผูกกล้าไม้กันลมโยก เป็นอันเสร็จพิธีปลูกหนึ่งต้น แต่ว่าแค่นี้สำหรับคนแก่คนเดียวก็ใช้เวลาอย่างน้อยสองสามชั่วโมงเข้าไปแล้ว ผมจึงประมาณว่าจากนี้ถึงต้นหน้าฝนคงจะปลูกป่าหลังบ้านที่ลากสายยางไปรดน้ำถึงได้หมด ซึ่งก็จะได้ประมาณ 30 ต้น ส่วนบริเวณที่ต้องขึ้นเขาไปไกลกว่านั้นซึ่งลากสายยางไปไม่ถึงนั้นต้องรอให้หุ้นส่วนใหญ่คือเทวดาส่งฝนมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน ผมรู้จักรอเมื่อควรรอและยอมรับเมื่อสิ่งที่อุตสาห์รอนั้นไม่มา นี่เป็นกระบวนทัศน์ทางเกษตรกรรม (agricultural paradigm) ซึ่งหากใครไม่เก็ทตรงนี้ก็ควรอยู่ห่างๆงานเกษตรกรรมไว้จะได้ไม่เป็นทุกข์เพราะหุ้นส่วนใหญ่เขาพูดภาษาคนไม่ค่อยรู้เรื่อง
ชาวแค้มป์ลดน้ำหนัก (WL1) ปลูกป่ายางนาแทนกระถินยักษ์

     กลับมาเรื่องปลูกป่ายางนากันดีกว่า แล้วอยู่มาวันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ผมเผอิญได้แรงงานฟรีจากแค้มป์ลดน้ำหนักมาช่วยปลูกต้นยางนา ทำให้สามารถปลูกยางนาบริเวณหลังบ้านนกฮูกในวันเดียวตูม..ม ได้ครบสามสิบต้น เท่ากับว่าตาแก่ไม่ต้องยักแย่ยักยันทำคนเดียวไปอีกสองสามเดือนแล้ว ผมก็เลยกลายเป็นคนว่างงานจากนี้ไปจนกว่าฝนจะมา แล้วจะเอาเวลาว่างไปทำอะไรดีละ เกิดเป็นปัญหาขึ้นมาเสียแล้ว จะหันไปหางานอดิเรกที่ชื่นชอบคือปลูกบ้านหลังเล็กหลังน้อยหมอสมวงศ์ก็ห้ามว่าพอแล้ว..ว เดี๋ยวคนเขาจะนินทาว่าหมอสันต์ชอบมีบ้านเล็กบ้านน้อย เออ..แล้วจะเอาเวลาว่างไปทำอะไรที่เอื้อให้ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวออกกำลังกายดีละ
แฟมิลี่ปิคนิคคลองมวกเหล็ก ความบันดาลใจให้ปลูกป่าดิบชื้น

     คิดขึ้นมาได้ว่าวันหนึ่งเคยพาภรรยา ลูกชาย และลูกสาว ไปแฟมิลี่ปิคนิคและพายเรือเล่นกันที่คลองมวกเหล็ก ขณะนั่งเรืออยู่ในคลอง มองไปรอบๆก็ได้เห็นว่านี่มันเป็นป่าดิบชื้นหรือ rain forest นี่นา เพียงแต่ต้นไม้มันโกร๋นไปหน่อย แต่บรรยากาศมันยังได้อยู่ สัตว์ป่าธรรมชาติอย่างเช่นกิ้งก่ายักษ์ที่ชาวบ้านเรียกว่าตะกอง และคุณองอาจ (ตัวเหี้ย) ขนาดน้องๆจรเข้ก็ยังมีให้เห็น

     พูดถึงตรงนี้ขอนอกเรื่องหน่อย วันไปปิคนิคพอดีไปเห็นชาวบ้านเก็บเต่าใหญ่ตัวหนึ่งไปจากแถวน้ำตกที่อยู่ใกล้ๆ ผมจึงยอมเสียเงินไถ่เต่าตัวนั้นแล้วอุ้มมา มันหนักประมาณ 5 กก. เอามาปล่อยตรงที่พวกเราปิคนิคซึ่งเป็นที่ปลอดภัยกว่า ผมมองหน้าเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดองแล้วพูดกับมันว่า



ลุงอยู่มาร้อยกว่าปีแล้วไม่เคยมีปัญหา
     ""อยู่ทางนี้นะ อย่าไปยุ่งกับทางน้ำตก เดี๋ยวก็ถูกพวกนั้นเขาจับไปทำลาบกินหรอก"

     เต่ามองหน้าผมแบบมีแววเมตตา เหมือนมันจะพูดกับผมว่า

     "ไอ้หลานเอ๊ย ลุงก็อยู่ของลุงมาร้อยกว่าปีแล้วไม่เคยมีปัญหา ตัวเอ็งนั่นแหละยังไม่เจ็ดสิบก็ป่วยกระเสาะกระแสะแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน"

     ฮะ ฮะ ฮ่า ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น
น้ำตกนิรนาม ในคลองมวกเหล็ก

     กลับมาคุยเรื่องป่าดิบชื้นกันต่อดีกว่า หากริมคลองมวกเหล็กนี้ได้รับการฟื้นฟูสภาพด้วยการปลูกไม้สูงแบ็คอัพเพื่อพรางแดดให้มากขึ้น ปลูกไม้กลางและไม้ต่ำที่เป็นไม้ธรรมชาติของป่าดิบชื้นเช่นหวายและปาล์มต่างๆแทรกกลับเข้ามา ก็จะได้ป่าดิบชื้นกลับมาใหม่ ได้การละ ผมตัดสินใจว่าเวลาว่างที่มีอยู่จากนี้ไปถึงหน้าฝนเอามาทำโครงการฟื้นฟูป่าดิบชื้นที่คลองมวกเหล็กดีกว่า

     ผมเลือกพื้นที่ชายคลองเฉพาะส่วนที่เจ้าของที่ข้างคลองพอพูดกันรู้เรื่อง ได้พื้นที่มีความยาวตามคลองประมาณ 200 เมตร กะว่าจะปลูกแค่นี้น่าจะพอดีกับกำลังเรี่ยวแรงของสองตายาย การขุดดินทางนี้ง่ายกว่าเพราะเป็นดินชายคลอง การรดน้ำยิ่งหมูเลยเพราะเอากระแป๋งจ้วงตักน้ำในคลองมารดเมื่อไหร่ก็ได้ มีน้ำตกอยู่ในพื้นที่โครงการนี้ด้วย ผมขอเรียกว่า "น้ำตกนิรนาม" ไปก่อน ตอนนี้ผมได้เริ่มลงมือปลูกไม้สูงแบคอัพไปบ้างแล้วโดยใช้ยางนาเพราะว่าผมชอบยางนาและมีกล้าอยู่แล้ว เมื่อปลูกไม้สูงได้ครบ ซึ่งกะว่าจะต้องปลูกราว 20 ต้น ขั้นตอนต่อไปที่คิดจะทำคือต้องเสาะหาไม้กลางสำหรับป่าดิบชื้นอย่าง หลุมพอ สะตอ ยวน หยี  พุงทะลาย ท้ายเภาขาว พระเจ้าห้าองค์ ซึ่งคงมีที่ให้ลงได้อย่างมากอย่างละต้นสองต้น
ไม้สูงต้นแรกเพื่อฟื้นฟูป่าดิบชื้นคลองมวกเหล็ก

ส่วนไม้เตี้ยชั้นล่างนั้นจะปลูกเป็นลำดับสุดท้ายแบบยัดๆกันเข้าไปในจำนวนที่รับได้ไม่อั้นไม่ว่าจะเป็นหวาย ระกำ จั๋ง ปาล์มบังสูรย์ ปาลม์เล็กปาล์มน้อย เถาวัลย์ เฟิร์น มอส แฟนๆบล็อกท่านใดมีพันธ์ไม้สำหรับปลูกป่าดิบชื้นเหลือใช้ก็บริจาคได้นะครับ ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่าต้องส่งถึงชายคลองมวกเหล็กด้วยตัวผู้บริจาคเอง เพราะผมไม่มีปัญญาไปรับจากที่อื่นดอก ท่านสะดวกเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะโครงการนี้เป็นโครงการหวานเย็น หน้าร้อนก็ทำทางนี้ หน้าฝนก็กลับไปทั้งทางโน้น หมายถึงไปปลูกป่าผลัดใบที่หลังบ้านนกฮูกควบคู่กันไปด้วย ค่อยๆทำไปทั้งสองทาง ว่างเมื่อใดก็ทำไป ไม่มีรีบร้อน

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

หนังสือคัมภีร์สุขภาพดี (Healthy Life Bible) จะพิมพ์ครั้งที่ 3 แน่นอนแล้ว เชิญสั่งซื้อได้

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

วิตามินดีเกิน 150 หมอบอกมากเกินไป ท้ังๆที่ไม่ได้ทานวิตามินดี

Life Skill Camp for Kids แค้มป์ทักษะชีวิตเยาวชนที่มิวเซียมสยาม 16 พย. 67