คุยกับแฟนบล็อกอายุน้อย
ปกติไม่ค่อยมีแฟนคลับอายุน้อยมาถามมาคุยเรื่องทางจิตวิญญาณ หลายปีมาแล้วเคยมีแฟนบล็อกคนหนึ่งอายุ 14 ปีถามผมเรื่องความหมายของชีวิตซึ่งผมทึ่งมาก จากนั้นมาก็ไม่มีอีกเลย จนวันก่อนได้พบแฟนบล็อกอายุน้อยอีกท่านหนึ่ง อายุราวยี่สิบปลายๆ ได้คุยกับผมไม่กี่นาที บทสนทนานั้นน่าสนใจ ที่ว่าน่าสนใจเพราะเวลาผมตอบคำถามเด็กผมไม่ต้องสงบปากสงบคำมาก คำตอบจึงอาจมีแง่มุมที่อาจจะเป็นประโยชน์ซึ่งผมไม่เคยพูดกับผู้ใหญ่คนไหนมาก่อน จึงเอามาลงให้อ่านครับ ผมเรียกเธอย่อๆว่า FC นะ
.......................................
FC
"จิต" คืออะไรคะ
หมอสันต์
"จิต" ก็คือใจของเรายามที่ปลอดความคิด ผมชอบเรียกว่า "ความรู้ตัว" มากกว่าเรียกว่าจิต
FC
แล้ว "ใจ" คืออะไรคะ
หมอสันต์
ใจ (mind) ก็คือส่วนของร่างกายที่เราจับต้องมองเห็นไม่ได้ แต่เรารู้ว่ามันมีอยู่ ผ่านกิจกรรมของมัน ซึ่งกิจกรรมของใจก็คือความคิด
FC
แล้วความคิดคืออะไรคะ
หมอสันต์
ความคิดก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่ส่วนของใจที่เรียกว่าความสนใจ (attention) ไปคลุกเคล้ามีประสบการณ์กับสิ่งเร้าภายนอกที่ผ่านเข้ามาทางอายตนะ คำว่าอายตนะผมหมายถึงอวัยวะรับรู้สิ่งเร้าเช่นตาหูจมูกลิ้นผิวหนังและใจ
FC
"ธรรมะ" คืออะไรคะ
หมอสันต์
ธรรมะก็คืออะไรก็ตามที่ปรากฎต่ออายตนะของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ปรากฎต่อใจของเรา
FC
แล้วที่ว่า "ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา" หมายความว่าอย่างไรคะ
หมอสันต์
ก็หมายความว่าสิ่งทั้งหลายที่ปรากฎต่ออายตนะของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ปรากฎต่อใจของเรา ล้วนเป็นสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของเราทั้งสิ้น
FC
แล้ว "สมาธิ" คืออะไรคะ
หมอสันต์
สมาธิก็คือสถานะที่จิตของเราตั้งมั่นอยู่โดยไม่ไปมีความคิด หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าสมาธิคือใจของเราในยามที่ปลอดความคิด ดังนั้นคำว่าสมาธิกับความรู้ตัวจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องเดียวกัน ประมาณว่าความรู้ตัวเป็นประธาน สมาธิเป็นกริยา
FC
แล้ว "สติ" คืออะไรคะ
หมอสันต์
สติก็คือความสนใจ (attention) ของเรา ถ้ามันไปสนใจอะไรที่ไหน ใจของเราก็จะไปอยู่ที่ตรงนั้น ที่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นความคิด คือเราไปสนใจอะไร ความคิดเรื่องสิ่งนั้นก็เกิดขึ้น แต่ถ้าเราถอยความสนใจกลับมาอยู่กับความรู้ตัว เราก็มีสมาธิหรือมีความรู้ตัวโดยไม่มีความคิด
FC
แล้วในภาวะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ตัวสติไปอยู่เสียที่ไหนละคะ
หมอสันต์
ในภาวะที่จิตปลอดความคิด สติก็จะจอดนิ่งอยู่ในอู่จอดของมันโดยไม่ไปเที่ยวเพ่นพ่านที่ไหน อู่จอดของมันก็อยู่ประมาณตรงที่จิตอยู่นั่นแหละ เพราะจริงๆแล้วมันเป็นส่วนของกัน เปรียบเหมือนถ้าจิตเป็นลำตัวสติก็เป็นแขน
แล้วถ้าหนูตายไป ทุกอย่างมันจะเป็นอย่างไรคะ
หมอสันต์
ร่างกายนั้นคุณก็รู้อยู่แล้วนี่ ว่าถ้าร่างกายตายไปก็ต้องกลายเป็นปุ๋ย แน่นอนอยู่แล้ว ถูกแมะ
ส่วนใจนั้น คำตอบนี้มันขึ้นอยู่กับว่าคุณนิยามคำว่าหนูหรือ "ฉัน" ว่าอย่างไร ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะนิยาม "ฉัน" ว่าก็คือบุคคลคนนี้ ประเด็นก็คือความเป็นบุคคลคนหากไม่นับส่วนที่เป็นร่างกายแล้วส่วนที่เหลือเป็นความคิดนะ
FC
หมอเดาจากอะไรหรือคะ
หมอสันต์
ผมเดาจากประสบการณ์อ้อมๆของผมเองสองอย่าง คือ
หนี่ง เวลาผมนั่งสมาธิจนไม่รับรู้ร่างกาย ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้รับสัมผัสอะไรแล้ว แต่ความรู้ตัวมันก็ยังอยู่ของมันได้ไม่เดือดร้อนอะไรแม้จะไม่มีร่างกายไม่มีแขนขาให้ขยับ
สอง เวลาผมฝันว่าผมออกไปนอกตัวแล้วหันมามองตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง ความรู้ตัวมันยังคงอยู่ชัดเหลือเกินแม้จะไม่ได้อยู่กับร่างกายที่นอนอยู่บนเตียงแล้วในตอนนั้น ผมก็จึงสรุปเอาเองแบบง่ายๆลุ่นๆว่าความรู้ตัวมันอยู่ได้โดยไม่เกี่ยวกับร่างกาย มันไม่เกิดไม่ตายเหมือนอย่างร่างกายหรือความคิด ร่างกายหรือความคิดต่างหากที่จะปรากฎได้ต้องมีความรู้ตัวมารองรับ
ทั้งหมดนี่เป็นแค่การเดานะ เพราะทั้งสองกรณีร่างกายเป็นๆของผมยังอยู่ ต้องรอให้ผมตายไปจริงๆก่อนผมจึงจะบอกคุณได้ว่าของจริงเป็นอย่างไร
FC
ความหลุดพ้นคืออะไรคะ
หมอสันต์
ความหลุดพ้น นี่ก็เป็นคำเท่อีกคำ ก็สุดแล้วใครจะให้มันหมายความว่าอย่างไรก็นิยามกันเอาเอง ถ้าให้ผมนิยามของผม ความหลุดพ้นก็คือการที่ความสนใจหลุดออกจากความคิดกลับมาอยู่กับความรู้ตัวได้อย่างต่อเนื่อง
FC
หมายความว่าไม่เกี่ยวกับตอนตายไปแล้วหรือชาติหน้า
หมอสันต์
ไม่เกี่ยว ความหลุดพ้นเป็นเรื่องของที่นี่เดี๋ยวนี้ คุณยังเด็กๆแถมยังตัวเป็นๆอุ่นๆอยู่ทำไมคุณไม่สนใจที่นี่เดี๋ยวนี้ว่าคุณจะหลุดพ้นจากความคิดงี่เง่าของคุณได้อย่างไร ไปสนใจอะไรกับความตายหรือชาติหน้าชาติหลังซึ่งเป็นเพียงคอนเซ็พท์เรื่องกาลเวลา
อีกอย่างหนึ่งคุณไม่ต้องมาเซ้าซี้ถามผมถึงชาติหน้าดอก เพราะผมบอกแล้วไงว่าผมเองก็ยังไม่เคยตาย แล้วผมก็ระลึกชาติไม่เป็น ผมจะไปรู้เรื่องชาติหน้าชาติหลังได้อย่างไร แล้วอย่าลืมว่าชาติหน้าเนี่ยเป็นเพียงคอนเซ็พท์นะ แล้วคอนเซ็พท์เนี่ยเป็นความคิดนะ..อย่าลืม ถ้าคุณยังจมอยู่กับชาติหน้าคุณก็ยังจมอยู่ในความคิด แล้วคุณจะหลุดพ้นจากกรงความคิดของคุณได้อย่างไร
FC
ความหลุดพ้นไม่ได้หมายถึงการบรรลุคุณธรรมวิเศษที่จะทำให้เราเป็น super human หรือคะ
หมอสันต์
บ้า..คุณไปเอาไอเดียบ้าๆอย่างนี้มาจากไหน
คุณเคยเห็น super human เดินเหินอยู่ในโลกนี้หรือ มันมีอยู่แต่ในหนังซูเปอร์แมนเท่านั้นแหละ อย่าลืมว่าคุณโตพอที่จะแยกให้ออกว่าอะไรเป็นหนังอะไรเป็นชีวิตจริงแล้ว แยกให้ออกสิ ถ้าแยกไม่ออกคุณเป็นบ้าได้นะ คุณนับถือพุทธใช่ไหม คุณก็รู้นี่ พระพุทธเจ้าสอนอยู่เรื่องเดียว ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ เรื่องอื่นเป็นความบ้าทั้งนั้นคุณอย่าไปสนใจเลย
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
..............................................
จดหมายจากท่านผู้อ่าน
สวัสดีครับ คุณหมอสันต์
ได้ติดตามบล็อกของคุณหมอมาระยะหนึ่ง ได้รับความรู้ทั้งทางโรคกายและเรื่องเกี่ยวกับจิต
เห็นด้วยอย่างยิ่งโดยเฉพาะเรื่องของจิตใน "คุยกับแฟนบล็อกอายุน้อย 29 สิงหาคม 2561"
มีประเด็นเรื่อง "จิตเดิมแท้" ที่ผมอยากจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผมอยากมีประสบการณ์เรื่องการถูกวางยาสลบสักครั้งเพื่อทดสอบเรื่อง จิตเดิมแท้ แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รับโอกาสนี้จากการวางยาเพื่อผ่าตัดกระดูกต้นแขนจากอุบัติเหตุ ก่อนวางยาผมก็นำจิตเข้าอู่จอด แต่ "คงสภาวะรู้ตื่นไว้และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะคงไว้ตลอดการผ่าตัด"
ผมเข้าห้องผ่าตัดประมาณ บ่ายโมง เมื่อการผ่าตัดผ่านพ้นไป มารู้สึกตัวอีกครั้งประมาณ บ่ายห้าโมง ในช่วงระหว่างนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่สามารถที่จิตจะคงสภาวะรู้ตื่นไว้ได้ เหมือน "absolute nothing"
จากประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมมีความคิดว่า จิตเดิมแท้ ก็เป็นเพียงกิจกรรมแบบหนึ่งของสมองเท่านั้น
ขอแสดงความนับถือ
(ชื่อ) ........................
.......................................
FC
"จิต" คืออะไรคะ
หมอสันต์
"จิต" ก็คือใจของเรายามที่ปลอดความคิด ผมชอบเรียกว่า "ความรู้ตัว" มากกว่าเรียกว่าจิต
FC
แล้ว "ใจ" คืออะไรคะ
หมอสันต์
ใจ (mind) ก็คือส่วนของร่างกายที่เราจับต้องมองเห็นไม่ได้ แต่เรารู้ว่ามันมีอยู่ ผ่านกิจกรรมของมัน ซึ่งกิจกรรมของใจก็คือความคิด
แล้วความคิดคืออะไรคะ
หมอสันต์
ความคิดก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่ส่วนของใจที่เรียกว่าความสนใจ (attention) ไปคลุกเคล้ามีประสบการณ์กับสิ่งเร้าภายนอกที่ผ่านเข้ามาทางอายตนะ คำว่าอายตนะผมหมายถึงอวัยวะรับรู้สิ่งเร้าเช่นตาหูจมูกลิ้นผิวหนังและใจ
FC
"ธรรมะ" คืออะไรคะ
หมอสันต์
ธรรมะก็คืออะไรก็ตามที่ปรากฎต่ออายตนะของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ปรากฎต่อใจของเรา
แล้วที่ว่า "ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา" หมายความว่าอย่างไรคะ
หมอสันต์
ก็หมายความว่าสิ่งทั้งหลายที่ปรากฎต่ออายตนะของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ปรากฎต่อใจของเรา ล้วนเป็นสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของเราทั้งสิ้น
แล้ว "สมาธิ" คืออะไรคะ
หมอสันต์
สมาธิก็คือสถานะที่จิตของเราตั้งมั่นอยู่โดยไม่ไปมีความคิด หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าสมาธิคือใจของเราในยามที่ปลอดความคิด ดังนั้นคำว่าสมาธิกับความรู้ตัวจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องเดียวกัน ประมาณว่าความรู้ตัวเป็นประธาน สมาธิเป็นกริยา
แล้ว "สติ" คืออะไรคะ
หมอสันต์
สติก็คือความสนใจ (attention) ของเรา ถ้ามันไปสนใจอะไรที่ไหน ใจของเราก็จะไปอยู่ที่ตรงนั้น ที่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นความคิด คือเราไปสนใจอะไร ความคิดเรื่องสิ่งนั้นก็เกิดขึ้น แต่ถ้าเราถอยความสนใจกลับมาอยู่กับความรู้ตัว เราก็มีสมาธิหรือมีความรู้ตัวโดยไม่มีความคิด
แล้วในภาวะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ตัวสติไปอยู่เสียที่ไหนละคะ
หมอสันต์
ในภาวะที่จิตปลอดความคิด สติก็จะจอดนิ่งอยู่ในอู่จอดของมันโดยไม่ไปเที่ยวเพ่นพ่านที่ไหน อู่จอดของมันก็อยู่ประมาณตรงที่จิตอยู่นั่นแหละ เพราะจริงๆแล้วมันเป็นส่วนของกัน เปรียบเหมือนถ้าจิตเป็นลำตัวสติก็เป็นแขน
FC
ที่หมอชอบพูดว่า "ความรู้ตัว" ก็คือจิตที่ตั้งมั่น หรือจิตที่เป็นสมาธิ ใช่ไหมคะ
หมอสันต์
ใช่ครับ
FC ที่หมอชอบพูดว่า "ความรู้ตัว" ก็คือจิตที่ตั้งมั่น หรือจิตที่เป็นสมาธิ ใช่ไหมคะ
หมอสันต์
ใช่ครับ
แล้วถ้าหนูตายไป ทุกอย่างมันจะเป็นอย่างไรคะ
หมอสันต์
ร่างกายนั้นคุณก็รู้อยู่แล้วนี่ ว่าถ้าร่างกายตายไปก็ต้องกลายเป็นปุ๋ย แน่นอนอยู่แล้ว ถูกแมะ
ส่วนใจนั้น คำตอบนี้มันขึ้นอยู่กับว่าคุณนิยามคำว่าหนูหรือ "ฉัน" ว่าอย่างไร ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะนิยาม "ฉัน" ว่าก็คือบุคคลคนนี้ ประเด็นก็คือความเป็นบุคคลคนหากไม่นับส่วนที่เป็นร่างกายแล้วส่วนที่เหลือเป็นความคิดนะ
สมมุติว่าผมมีความคิดที่โดดเด่นมากอันหนึ่ง คือผมคิดถึงช้างสีชมพูอ็องต็องตัวบะเร่งขึ้นมาในใจ โอ้โฮ ช้างอะไรจะสีจ๊าบขนาดนั้นสีชมพูร้อนแรงยังกับมีใครเอาลิปสติกไปทามันทั้งตัว คิดเรื่องช้างสีชมพูได้พักใหญ่แล้วผมก็เบื่อแล้วผมก็เลิกคิด หมายความว่าความคิดเรื่องช้างสีชมพูนั้นตายไปเสียแล้ว หากมีใครมาถามผมว่าเอ..สงสัยจริงๆว่าเจ้าช้างสีชมพูนั้นมันตายไปแล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ ผมก็จะตอบว่าช่างมันปะไรเล่า จะไปแคร์มันทำไม Who cares? เพราะมันเป็นแค่ความคิด เกิดขึ้นมาแล้วมันก็ต้องดับ เพราะมันก็เหมือนสิ่งทั้งหลายที่ปรากฎต่อการรับรู้ของจิต คือไม่มีอะไรถาวร ดังนั้นในกรณีที่คุณนิยามว่าฉันคือความเป็นบุคคล ความเป็นบุคคลของคุณตายแล้วจะไปไหน ตอบว่าตายแล้วก็ดับหายจ้อยไปง่ายๆแค่นั้นเอง เพราะมันเป็นแค่ความคิด
แต่บางคนซึ่งอาจเป็นคนส่วนน้อยไม่กี่คน "ฉัน" ของเขาหมายถึงความรู้ตัวหรือจิตเดิมแท้ที่ปลอดความคิด ผมขอซักซ้อมความเข้าใจกับคุณก่อนนะว่าจิตเดิมแท้หรือความรู้ตัวนี้มันไม่ใช่ "ของคุณ" ด้วยนะ เพราะ "คุณ" เป็นบุคคลซึ่งเป็นความคิด ที่ความรู้ตัวไม่มีความคิดนะ..อย่าลืม "ของ" ก็เป็นคอนเซ็พท์ของการเป็นเจ้าของ ซึ่งคอนเซ็พท์ก็คือความคิด แต่ว่าที่ความรู้ตัวไม่มีความคิดนะ..อย่าลืมอีกครั้ง ดังนั้นความรู้ตัวนี้มันไม่ใช่ของคุณ คุณต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน มันไม่ได้เป็นของใคร บางคนใช้คำพูดว่ามันเป็นเพียง "ธาตุรู้" ซึ่งฟังดูก็เท่ดีเหมือนกัน แต่จะฟังแล้วจะเข้าใจว่าเป็นอย่างไรนั่นตัวใครตัวมันละครับ เพราะสิ่งนี้มันไม่อาจอธิบายได้ด้วยภาษา แต่สามารถรู้ได้โดยการถอยไปเป็นความรู้ตัวเสียเอง
ถามว่าเมื่อร่างกายนี้ตายไปแล้ว จิตเดิมแท้หรือความรู้ตัวนี้จะยังมีอยู่หรือเปล่า หรือจะไปเป็นอะไรอยู่ที่ไหนต่อไป ตอบว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมเองก็ยังไม่เคยตาย..แหะ แหะ
FC
หมอเดาให้หนูหน่อยสิ
แต่บางคนซึ่งอาจเป็นคนส่วนน้อยไม่กี่คน "ฉัน" ของเขาหมายถึงความรู้ตัวหรือจิตเดิมแท้ที่ปลอดความคิด ผมขอซักซ้อมความเข้าใจกับคุณก่อนนะว่าจิตเดิมแท้หรือความรู้ตัวนี้มันไม่ใช่ "ของคุณ" ด้วยนะ เพราะ "คุณ" เป็นบุคคลซึ่งเป็นความคิด ที่ความรู้ตัวไม่มีความคิดนะ..อย่าลืม "ของ" ก็เป็นคอนเซ็พท์ของการเป็นเจ้าของ ซึ่งคอนเซ็พท์ก็คือความคิด แต่ว่าที่ความรู้ตัวไม่มีความคิดนะ..อย่าลืมอีกครั้ง ดังนั้นความรู้ตัวนี้มันไม่ใช่ของคุณ คุณต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน มันไม่ได้เป็นของใคร บางคนใช้คำพูดว่ามันเป็นเพียง "ธาตุรู้" ซึ่งฟังดูก็เท่ดีเหมือนกัน แต่จะฟังแล้วจะเข้าใจว่าเป็นอย่างไรนั่นตัวใครตัวมันละครับ เพราะสิ่งนี้มันไม่อาจอธิบายได้ด้วยภาษา แต่สามารถรู้ได้โดยการถอยไปเป็นความรู้ตัวเสียเอง
ถามว่าเมื่อร่างกายนี้ตายไปแล้ว จิตเดิมแท้หรือความรู้ตัวนี้จะยังมีอยู่หรือเปล่า หรือจะไปเป็นอะไรอยู่ที่ไหนต่อไป ตอบว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมเองก็ยังไม่เคยตาย..แหะ แหะ
FC
หมอเดาให้หนูหน่อยสิ
หมอสันต์
ผมเดาว่ามันก็อยู่ที่ที่เดิมของมันน้่นแหละ อยู่อย่างนั้นแหละ
ผมเดาว่ามันก็อยู่ที่ที่เดิมของมันน้่นแหละ อยู่อย่างนั้นแหละ
FC
หมอเดาจากอะไรหรือคะ
หมอสันต์
หนี่ง เวลาผมนั่งสมาธิจนไม่รับรู้ร่างกาย ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้รับสัมผัสอะไรแล้ว แต่ความรู้ตัวมันก็ยังอยู่ของมันได้ไม่เดือดร้อนอะไรแม้จะไม่มีร่างกายไม่มีแขนขาให้ขยับ
สอง เวลาผมฝันว่าผมออกไปนอกตัวแล้วหันมามองตัวเองที่นอนอยู่บนเตียง ความรู้ตัวมันยังคงอยู่ชัดเหลือเกินแม้จะไม่ได้อยู่กับร่างกายที่นอนอยู่บนเตียงแล้วในตอนนั้น ผมก็จึงสรุปเอาเองแบบง่ายๆลุ่นๆว่าความรู้ตัวมันอยู่ได้โดยไม่เกี่ยวกับร่างกาย มันไม่เกิดไม่ตายเหมือนอย่างร่างกายหรือความคิด ร่างกายหรือความคิดต่างหากที่จะปรากฎได้ต้องมีความรู้ตัวมารองรับ
ทั้งหมดนี่เป็นแค่การเดานะ เพราะทั้งสองกรณีร่างกายเป็นๆของผมยังอยู่ ต้องรอให้ผมตายไปจริงๆก่อนผมจึงจะบอกคุณได้ว่าของจริงเป็นอย่างไร
FC
ความหลุดพ้นคืออะไรคะ
หมอสันต์
ความหลุดพ้น นี่ก็เป็นคำเท่อีกคำ ก็สุดแล้วใครจะให้มันหมายความว่าอย่างไรก็นิยามกันเอาเอง ถ้าให้ผมนิยามของผม ความหลุดพ้นก็คือการที่ความสนใจหลุดออกจากความคิดกลับมาอยู่กับความรู้ตัวได้อย่างต่อเนื่อง
FC
หมายความว่าไม่เกี่ยวกับตอนตายไปแล้วหรือชาติหน้า
หมอสันต์
ไม่เกี่ยว ความหลุดพ้นเป็นเรื่องของที่นี่เดี๋ยวนี้ คุณยังเด็กๆแถมยังตัวเป็นๆอุ่นๆอยู่ทำไมคุณไม่สนใจที่นี่เดี๋ยวนี้ว่าคุณจะหลุดพ้นจากความคิดงี่เง่าของคุณได้อย่างไร ไปสนใจอะไรกับความตายหรือชาติหน้าชาติหลังซึ่งเป็นเพียงคอนเซ็พท์เรื่องกาลเวลา
อีกอย่างหนึ่งคุณไม่ต้องมาเซ้าซี้ถามผมถึงชาติหน้าดอก เพราะผมบอกแล้วไงว่าผมเองก็ยังไม่เคยตาย แล้วผมก็ระลึกชาติไม่เป็น ผมจะไปรู้เรื่องชาติหน้าชาติหลังได้อย่างไร แล้วอย่าลืมว่าชาติหน้าเนี่ยเป็นเพียงคอนเซ็พท์นะ แล้วคอนเซ็พท์เนี่ยเป็นความคิดนะ..อย่าลืม ถ้าคุณยังจมอยู่กับชาติหน้าคุณก็ยังจมอยู่ในความคิด แล้วคุณจะหลุดพ้นจากกรงความคิดของคุณได้อย่างไร
FC
ความหลุดพ้นไม่ได้หมายถึงการบรรลุคุณธรรมวิเศษที่จะทำให้เราเป็น super human หรือคะ
หมอสันต์
บ้า..คุณไปเอาไอเดียบ้าๆอย่างนี้มาจากไหน
คุณเคยเห็น super human เดินเหินอยู่ในโลกนี้หรือ มันมีอยู่แต่ในหนังซูเปอร์แมนเท่านั้นแหละ อย่าลืมว่าคุณโตพอที่จะแยกให้ออกว่าอะไรเป็นหนังอะไรเป็นชีวิตจริงแล้ว แยกให้ออกสิ ถ้าแยกไม่ออกคุณเป็นบ้าได้นะ คุณนับถือพุทธใช่ไหม คุณก็รู้นี่ พระพุทธเจ้าสอนอยู่เรื่องเดียว ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ เรื่องอื่นเป็นความบ้าทั้งนั้นคุณอย่าไปสนใจเลย
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
..............................................
จดหมายจากท่านผู้อ่าน
สวัสดีครับ คุณหมอสันต์
ได้ติดตามบล็อกของคุณหมอมาระยะหนึ่ง ได้รับความรู้ทั้งทางโรคกายและเรื่องเกี่ยวกับจิต
เห็นด้วยอย่างยิ่งโดยเฉพาะเรื่องของจิตใน "คุยกับแฟนบล็อกอายุน้อย 29 สิงหาคม 2561"
มีประเด็นเรื่อง "จิตเดิมแท้" ที่ผมอยากจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผมอยากมีประสบการณ์เรื่องการถูกวางยาสลบสักครั้งเพื่อทดสอบเรื่อง จิตเดิมแท้ แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รับโอกาสนี้จากการวางยาเพื่อผ่าตัดกระดูกต้นแขนจากอุบัติเหตุ ก่อนวางยาผมก็นำจิตเข้าอู่จอด แต่ "คงสภาวะรู้ตื่นไว้และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะคงไว้ตลอดการผ่าตัด"
ผมเข้าห้องผ่าตัดประมาณ บ่ายโมง เมื่อการผ่าตัดผ่านพ้นไป มารู้สึกตัวอีกครั้งประมาณ บ่ายห้าโมง ในช่วงระหว่างนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่สามารถที่จิตจะคงสภาวะรู้ตื่นไว้ได้ เหมือน "absolute nothing"
จากประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมมีความคิดว่า จิตเดิมแท้ ก็เป็นเพียงกิจกรรมแบบหนึ่งของสมองเท่านั้น
ขอแสดงความนับถือ
(ชื่อ) ........................