กลุ่มอาการขี้ข้า (Slave's Syndrome)
เรียน อ. สันต์
ขณะนี้ผมกำลังเรียนแพทย์ประจำบ้านสาขาศัลยศาสตร์ทั่วไป
อยู่ชั้นปีที่1 ที่
รร.แพทย์แห่งหนึ่ง ผมรู้สึกว่าตอนก่อนเข้ามาเรียนผมมีความอยาก และกระตือลือร้นมากกว่าตอนที่ได้เข้ามาเรียน
ก่อนจะมาเรียนผมเป็น intern อยู่ รพ อำเภอเล็กๆในต่างจังหวัด
ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบมาก แต่บรรยากาศใน รร.แพทย์ต่างกันมาก ผมรู้สึกกดดัน
ผมเลยไม่รู้ว่าผมตัดสินใจถูกหรื อไม่ ในฐานะที่อาจารย์เคยมี ประสบการณ์ในการ train แพทย์ประจำบ้าน
อาจารย์พอจะมีคำแนะนำบ้างไหมครั บในเรื่องนี้.
ด้วยความเคารพอย่างสูง
จาก แพทย์ประจำบ้านผู้คิดไม่ตก
.......................................................
ตอบครับ
อาการแบบคุณหมอ
คนที่จะมาเป็นศัลยแพทย์เจอกันมาแล้วเป็นส่วนใหญ่ สมัยผมทำงานอยู่เมืองนอกพวกเราที่เป็นเรสิเด้นท์ศัลยกรรมที่มาจากประเทศกะเหรี่ยงทั้งหลายได้ร่วมกันตั้งชื่ออาการป่วยชนิดนี้ว่า
“กลุ่มอาการขี้ข้า” หรือ “ Slave's Syndrome”
มันจะเป็นกับคนที่เคยมีตัวตนเคยเป็นผู้เป็นคนอยู่ในโลกนี้มาก่อน เคยเป็น
some one เคยเป็นคนที่มีคุณค่าและเคยยกมือไหว้ตัวเองในกระจกด้วยความนับถือมาแล้วด้วยซ้ำไป
แต่ต่อมาถูกเปลี่ยนสถานะไปเป็นขี้ข้าเขา จึงไม่ถูกนับว่าเป็นคน ความจริงต้องบอกว่าต่อมาถูกจัดหมวดว่าเป็น
“ควาย” จนกว่าจะพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้ว่าตัวเองนั้นจริงๆไม่ใช่ควาย
แต่เป็นคนกับเขาเหมือนกัน พออยู่ในหมวดควายนี้ไปสักพัก บางวันมองหน้าตัวเองในกระจกก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเจ้าคนนี้มันคนหรือควายกันแน่วะ
ที่จะยกมือไหว้ตัวเองได้อย่างที่เคยทำนั้นลืมไปได้เลย ภาษาจิตเวชเขาเรียกว่าเกิดการสูญเสียความนับถือตัวเอง
(self esteem) ซึ่งเป็นปฐมเหตุของการมีอาการแบบคุณนี้
คำแนะนำของผมก็คือ
คำแนะนำของผมก็คือ
1..เดินหน้าลูกเดียว อย่าชักเข้าชักออก
คำพูดของคุณหมอที่ว่า “ไม่รู้ว่าผมตัดสินใจถูกหรือไม่” นั่นเป็นการเล่นลิเกผิดวิกแล้ว
ศัลยกรรมคือใช้ ดุลพินิจ – ตัดสินใจ - แล้วลงมือทำแบบม้วนเดียวจบ ถ้าม้วนเดียวไม่จบก็ตาย หมายความว่าคนไข้นะครับที่ตาย
ดังนั้นสำหรับศัลยกรรม ที่จะมาผ่าตัดมากันได้ครึ่งแผลแล้วลังเลว่าจะถอยกลับดีไหมนั้น
ไม่มี คุณได้ผ่านขั้นตอนใช้ดุลพินิจ ขั้นตอนตัดสินใจ
มาจนถึงขั้นตอนลงมือทำได้ครึ่งลำแล้ว มาถึงจุดนี้ทางเลือกอื่นไม่มี ไม่ต้องไปมองหา
มีแต่เดินหน้าลูกเดียวแบบม้วนเดียวจบ
2.. โฟกัสที่ชัยชนะระยะสั้น (short term win)
คือคนเราเนี่ย ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ควาย แต่พอมีคนนินทาว่าเราเป็นควายบ่อยๆเข้า
เราก็จะเผลอเชื่อว่าเราเป็นควายจริงๆด้วย ความนับถือตัวเองเนี่ย แม้จะเป็นเรื่องระหว่างเรากับเรา
ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย แต่ปัญหาก็คือบางทีแม้แต่ตัวเราเองยังก็ต้องการหลักฐานหรือพยานแวดล้อมมายืนยันให้ตัวเองเชื่อว่าเอ็งไม่ใช่ควาย
วิธีแก้ปัญหานี้ที่ดีที่สุดคือทำเรื่องเล็กๆสั้นๆตรงหน้าให้สำเร็จแบบเจ๋งๆซักหนึ่งเรื่องก่อน
เช่นตั้งใจดูคนไข้คนใดคนหนึ่งให้ดีสุดชีวิต หรือตั้งใจทำคอนเฟอเรนซ์ครั้งหน้าให้ดีแบบทำเอาสต๊าฟอ้าปากค้าง
หรือถ้ามันยากไป เอาง่ายกว่านั้นก็ได้ อ่านโรคอะไรซักโรคหนึ่งให้เข้าใจทะลุปรุโปร่ง
แล้วจับน้องนศพ.มาอบรมให้มันหายโง่ไปเลย คือการได้ประสบความสำเร็จกับเรื่องเล็กๆ สั้นๆ
บ่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นการบ่มเพาะ self esteem ให้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
3..เสริมพลังได้ แต่อย่าลี้ภัย
เสริมพลังหมายความว่าเซ็งนักก็แว่บไปเที่ยวดูหนังฟังเพลง หรือขับรถเที่ยวสองสามวัน
หรือไปอ้อนสาว พอมีแรงแล้วก็กลับมาสู้ใหม่ แต่ลี้ภัยคือการถอยเข้ามุม แยกตัว กลับไปหาถิ่นเก่า
บ้านเก่าสมัยที่เรายังเป็นที่นับหน้าถือตา การลี้ภัยทำให้เกิดความท้อถอยรุนแรง
และมักจบลงด้วยการถอยไปอย่างถาวร ซึ่งไม่ดี
4..บ่มเพาะความปลื้มในตัวเอง
หมั่นนึกย้อนหลังถึงเรื่องเจ๋งๆที่ตัวเองทำได้ เรื่องอะไรก็ได้
นึกถึงมันบ่อยๆทุกวัน อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆเช่นสอบได้ที่หนึ่งตอนอยู่ชั้นประถม เรื่องที่เราทำเซ่อทำเปิ่นจนน่าโดนสักป้าบอย่าไปคิดถึง
ประเด็นอยู่ที่เรากำลังสอนให้ตัวเองคิดบวกในเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีสร้าง
self
esteem ที่ดีนัก
5..ปลุกปลอบตัวเองให้เป็นคนกล้าหาญทุกวัน
ความกล้าหาญเป็นคุณธรรมที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่จะเป็นศัลยแพทย์ ลุย ลุย ลุย รุนตัวเองให้ออกไปที่หน้าแถว
สู้..สู้ มั่นใจในทุกอย่างที่ทำ อย่ากลัวการเปรียบเทียบ คนอื่นก็ใช่ว่าจะมีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก
สูตรห้าประการนี้จะพาคุณข้ามอุปสรรคที่ขวางทางการเป็นศัลยแพทย์ไปได้
ขยันทำตามสูตรนี้ไป เชื่อผม วันหนึ่งคุณจะเป็นศัลยแพทย์ที่ดี
มีความภาคภูมิใจในตัวเอง และมีคุณค่าต่อผู้คนอีกเป็นจำนวนมาก
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
.......................................
1 สค. 55 (จากผู้อ่าน)
บทความคุณหมอ มาถูกเวลา (สำหรับคนอ่านคนนี้) พอดี อีกแล้วค่ะ
ขอบคุณค่ะ
.......................................
1 สค. 55 (จากผู้อ่าน)
บทความคุณหมอ มาถูกเวลา (สำหรับคนอ่านคนนี้) พอดี อีกแล้วค่ะ