ทุกประเด็นเกี่ยวกับหัวใจเต้นเร็วแบบ Sinus Tachycardia

(ภาพวันนี้ : ดอกเสลา ยามใกล้จะโรย)

เรียน คุณหมอสันต์
          หนูชื่อ … มีอาการเต้นของหัวใจค่อนข้างเร็วมาก แม้แต่เวลานั่งเฉยๆ อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 90BPM ขึ้นลงถึง 94BPM เมื่อทำงานกวาดบ้านเพียงเล็กน้อยอัตราการเต้นสูงขึ้นถึง 106BPM พอใจเต้นแรงหนูก็หยุดกวาดบ้าน อัตราการเต้นก็ลดลง แต่ก็ไม่ต่ำกว่า 90BPM เมื่อหนูออกกำลังกายโดยการเดินประมาณ 40 นาที อัตราการเต้นขณะเดินอยู่ที่ 116 BPM ช่วงนี้อัตราการเต้นของหัวใจขณะนั่งเฉยๆจะสูงตลอด 90BPM ขึ้นไป เป็นแบบนี้ตลอดเวลา
          หลังจากที่หนูออกจากแค้มป์ หนูจะทานพืชผักผลไม้เป็นส่วนใหญ่ ทานข้าวกล้องมื้อเที่ยง หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ ของผัดของทอด ออกกำลังกายตอนเช้าด้วยการเดินทุกวันประมาณ 40 นาที โดนแดดเช้า เข้านอนประมาณสามทุ่มโดยนั่งสมาธิทุกคืนประมาณ 10 นาที จะปวดฉี่เวลาตีสองกว่าๆ นอนไม่หลับจึงนั่งสมาธิตามที่คุณหมอแนะนำ นั่งอยู่เกือบครึ่ง-1ชม.ก็นอนหลับได้อีก ตื่นนอนประมาณ 6.30 น. พอตื่นนอนกินน้ำสักไม่เกิน 10 นาที ก็ขับถ่ายได้เลย ระบบขับถ่ายดีกว่าแต่ก่อนมากค่ะ
          เมื่อหัวใจเต้นแรง หนูลองทดลองนั่งหายใจลึกๆแล้วกลั้นหายใจนับ 1-30 จะรู้สึกว่าขณะกลั้นหายใจนั้นหัวใจเต้นแรงมากดูที่นาฬิกาวัดอัตราอยู่ที่ 104BPM ทดลองทำครั้งที่สอง อยู่ที่ 109BPM ขณะกลั้นหายใจรับรู้ได้ว่าหัวใจจะเต้นตุ๊บๆๆๆตลอดจนผ่อนลมหายใจออก ช้าๆ อัตราการเต้นจะผ่อนลงนิดหน่อยแต่ไม่ต่ำกว่า 90BPM ขึ้นไป มีความรู้สึกเหมือนมือสั่นเล็กน้อย
         หนูรบกวนคุณหมอด้วยค่ะ ว่าอาการเหล่านี้เกิดจากอะไร และหนูควรปฏิบัติตนอย่างไร
ด้วยความเคารพอย่างสูง

………………………………………………………………

ตอบครับ

คุณไม่ได้มีความผิดปกติอะไรเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ และคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็แสดงว่าการเต้นของหัวใจก็ไม่ได้เต้นผิดจังหวะ เพียงแต่มันเต้นเร็ว (sinus tachycardia) ซึ่งเวลาผู้ป่วยแบบนี้มาหา แพทย์ก็จะไล่เรียงหาสาเหตุไปตามลำดับ คือ

(1) เลือดออกจากหัวใจน้อยเกินไปจนไม่พอเลี้ยงเซลล์ร่างกาย เช่น หัวใจล้มเหลวด้วยเหตุใดก็ตาม

(2) ปริมาตรเลือดลดลงจะด้วยร่างกายขาดน้ำหรือเสียเลือดหรือหลอดเลือดขยายจากการเป็นไข้ก็ตาม

(3) หัวใจเองป้อแป้ปั๊มเลือดไม่ออกแบบที่เรียกว่าหัวใจล้มเหลว จะล้มเหลวด้วยเหตุขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อพิการ หรือลิ้นหัวใจพิการก็ตาม

(4) เลือดขนส่งออกซิเจนได้น้อยกว่าปกติ เช่นเป็นโรคโลหิตจาง

(5) มีเหตุที่ปอดทำให้ปอดฟอกเลือดได้ไม่ดี เช่นเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดในปอด หรือขึ้นไปอยู่บนที่สูงจนอากาศบางกว่าปกติ

(6) การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ (ANS) เสียดุล คือเอียงข้างไปทางขาเร่ง (sympathetic) ทั้งนี้อาจเกิดจากสารหรือยากระตุ้นระบบประสาทเช่น กาแฟอีน นิโคติน หรือการลงแดง (withdrawal) จากการได้สิ่งที่เคยได้เช่น อาการลงแดงจากการขาดแอลกอฮอล์ หรือขาดยายาเบต้าบล็อกเกอร์ที่เคยใช้อยู่ประจำ หรือการติดนิสัยขี้คิด ขี้เครียด หรือมีอาการปวดใดๆในร่างกายอยู่ทำให้ร่างกายเครียด เป็นต้น

(7) ระบบต่อมไร้ท่อผลิตฮอร์โมนกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติขาเร่งมากผิดปกติ เช่นเป็นโรคไฮเปอร์ไทรอยด์ทำให้ต่อมผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มาก หรือมีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไตที่ผลิตฮอร์โมนขาเร่งมาก

ในกรณีของคุณ ผมมีข้อมูลอยู่แล้วว่าคุณไม่ได้เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ไม่ได้เป็นโรคลิ้นหัวใจ ไม่มีภาวะหัวใจล้มเหลว การวินิจฉัยแยกสาเหตุที่ทำให้หัวใจของคุณเต้นเร็วก็จะเหลือแต่เหตุต่อไปนี้คือ (1) อาจมีโลหิตจาง (2) ต่อมไทรอยด์อาจทำงานผิดปกติไปทางไฮเปอร์ (3) อาจมีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต (4) อาจไม่มีอะไรที่ร่างกายเลย เป็นแค่ ปสด. ประสาทแด๊กซ์ ธรรมดา

ผมแนะนำว่าให้คุณสืบค้นสาเหตุไปตามลำดับดังนี้

  1. ไปโรงพยาบาลหรือแล็บเอกชน ขอตรวจภาวะโลหิตจาง (CBC) ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ (FT4 และ TSH) ดูก่อน
  2. ถ้า CBC ไม่พบโลหิตจาง และระดับ FT4/TSH ปกติซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีเหตุจากต่อมไทรอยด์ ผมแนะนำให้เดินหน้าหาหมอขอตรวจ CT ช่องท้องเพื่อวินิจฉัยแยกเนื้องอกของต่อมหมวกไตเลย
  3. ถ้า CT ช่องท้องไม่พบเนื้องอกของต่อมหมวกไต ให้วินิจฉัยตัวเองว่ามีภาวะระบบประสาทอัตโนมัติขาเร่งทำงานมากเกินไป (sympathetic over activity) ให้รักษาตัวเองโดยการฝึกผ่อนคลายร่างกาย วางความคิด อยู่กับปัจจุบัน ยอมรับสิ่งต่างๆในชีวิตที่มีอยู่เป็นอยู่ที่เดี๋ยวนี้ รวมทั้งยอมรับอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วกว่าปกตินี้เสียด้วย โดยเลิกนับเลิกวัดชีพจรมันเสียเลย ไม่ต้องไปจินตนาการว่ามันจะเป็นยังไงต่อไปในอนาคต มีคนจำนวนมากที่เป็น sinus tachycardia โดยหมอหาสาเหตุอะไรไม่ได้แต่เขาก็อยู่ของเขาไปอย่างคนปกติได้และมีความยืนยาวของชีวิตเท่าคนปกติ

ส่วนการไปหาหมอเพื่อเอายากั้นเบต้ามากินให้หัวใจเต้นช้าลงนั้นมีประโยชน์เพียงแค่การบรรเทาอาการให้หัวใจเต้นช้าชั่วคราว เลิกยาเมื่อไหร่ก็เต้นเร็วกว่าเดิมเมื่อนั้น แต่หากคุณอยากจะกินก็อาจจะกินได้เป็นช่วงสั้นๆไม่ใช่กินตลอดชีวิต เพราะยากั้นเบต้าก็มีข้อเสียของมันเองตรงที่ทำให้เกิดความรู้สึกล้า เซ็ง นอนไม่หลับ เซ็กซ์เสื่อม และขี้ลืม ผมจึงไม่แนะนำให้ใช้ยา

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี