"ศรีทนได้" ติดดี คอยตัดสินคนอื่น ชีวิตตรึงเครียดมากเลยค่ะ
(ภาพวันนี้: เหลืองอินเดีย ที่รั้วบ้านทาร์ซาน)
สวัสดี อ.สันต์ ที่เคารพรักค่ะ
เป็นคนฟัง อ่าน พวก mindset ที่ดี มีความสุข ต้องทำอย่างไร มามากมายค่ะ ทฤษฎีแน่นปึ๊ก ลงมือทำกระปริดกระปอย จากการติดความคิดเยอะ…
คราวนี้ ปัญหาที่เผชิญตอนนี้คือ….ได้รับเลือกขึ้นเป็นหัวหน้าห้องจ่ายยาหลัก เดิมลูกน้องมีแค่พนักงานเภสัชกรรม ตอนนี้รวมเภสัชกรเพิ่มเข้ามา ก็ไม่กล้ารับตำแหน่งค่ะ เพราะ
1.กลัวทำได้ไม่ดีพอ ความสามารถไม่ถึง (ทั้งที่ทุกคนก็บอกว่า ทุกวันนี้ก็ทำอยู่แล้วนะ 555 แต่ตัวเองไม่เชื่อแบบนั้นค่ะ)
2.ตัดสินทุกคนไปหมด มองแต่ข้อไม่ดี เห็นแก่ตัวบ้าง ทำงานไม่จริงจังบ้าง ชอบว่าเหน็บแนมคนอื่น บลาๆๆ ของปุถุชน ทั่วไป
ติดดี เป็นแบบศรีทนได้ แต่ถ้าเหนื่อยมากจะมักมีสายตาต่อว่าคนอื่น แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร
3.รู้สึกแปลกแยก ไม่อยากเอาตัวเองไปอยู่กับคนพลังงานลบๆ Fake , โดยส่วนตัวไม่ชอบโกหก ก็จะไม่ชอบคนชอบโกหกเพื่อผลประโยชน์ตัวเองมากๆ ค่ะ
สรุป ประเด็นที่จะปรึกษา อ.สันต์คือ
1.รู้สึกแปลกแยก ไม่สนใจเรื่องลบเลย มันควรปรับปรุงแก้ไขมั้ยคะ หรือก็อยู่อย่าง introvert แบบของเราไป เลือกทางที่ทำแล้วมีความสุขที่อื่นไป
2.อยากมีความสุขค่ะ ควรเริ่มจากตรงไหนดี อ.สันต์แนะนำให้ ฝึกวางความคิด แต่หนู อ. เคยแนะนำให้เริ่มจากสังเกตความคิดให้ได้ก่อนเถอะ 555…ทำได้บ้างไม่ได้บ้างค่ะ ขอสารภาพ ส่วนใหญ่ที่ทำไม่ได้เพราะเหนื่อยจาก ศรีทนได้ หลังเลิกงาน แล้วก็เอามาครุ่นคิดว่าจะลาออกดีมั้ย มาเสี่ยงเป็น Part time อะไรไปน่าจะมีความสุขกว่า ไม่ต้องวุ่นเรื่องคนอื่นรับผิดชอบแต่ตัวเองพอค่ะ
รบกวน อ.สันต์ด้วยค่ะ อยากเป็นคนดีที่มีประโยชน์จริงๆ และสุข สงบ และทรงพลังค่า
ด้วยความเคารพอย่างสูง
……………………………………………………………………………
ตอบครับ
1.. ถามว่าการเป็นคนเก็บกดแบบ “ศรีทนได้” เห็นคนโกหกตอแหล เห็นแก่ตัว ทำงานเหยาะๆแหยะๆ แล้วไม่ชอบเลย แต่ก็ทน บางครั้งก็ตำหนิด้วยสายตาไปบ้าง นิสัยตัวเองแบบนี้มันควรจะปรับปรุงแก้ไขไหม หรือว่าอยู่แบบ introvert คือไม่ยุ่งกับใครอย่างนี้ดีแล้ว
ตอบว่า การดำเนินชีวิตอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันทำให้คุณเป็นทุกข์ มันก็ต้องปรับปรุงแก้ไขสิครับ จะทู่ซี้ทำแบบเดิมให้มันเป็นทุกข์ซ้ำซากอยู่ทำไม เหตุแห่งทุกข์ของคุณก็คือความคิดของคุณนั่นแหละ คือความคิดที่ “อยาก” จะให้คนรอบตัวคุณเป็นอย่างที่คุณอยากให้พวกเขาเป็น หรือพูดจากอีกมุมหนึ่ง คุณ “ไม่ยอมรับ” ผู้คนรอบตัวคุณ หรือบรรยากาศรอบๆตัวคุณ
ผมไม่รู้ว่า “ศรีทนได้” ที่คุณพูดถึงนี้รากศัพท์มันมาจากไหนนะ แต่ผมเดาเอาจากจดหมายคุณว่ามันคงหมายถึงอาการเก็บกดความไม่พอใจคนรอบตัว ซึ่งกลไกของมันก็คือ “ไม่ยอมรับ” ก่อน แล้วก็นำไปสู่ “อยากเปลี่ยน” เขา เปลี่ยนไม่ได้ก็นำไปสู่ “อยากหนี”
แต่วิธีแก้ด้วยการหนีมันไม่เวอร์คดอก เพราะคุณหนีความคิดของตัวเองคุณจะหนีไปไหนพ้น พูดถึงตอนนี้ขอนอกเรื่องหน่อยนะ สมัยหนึ่งประมาณ 20 ปีมาแล้ว ผมเป็นผู้อำนวยการรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง วันหนึ่งก็มีหัวหน้าห้องไอซียู.ของรพ.เอกชนอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันมาสมัครงาน ผมถามเธอว่าคุณอยากทำอะไร เธอตอบว่า
“ให้หนูทำอะไรก็ได้ ที่ไม่ต้องยุ่งกับคน” ผมถามเธอกลับว่า
“มีอยู่จ๊อบเดียว คือไปปั้นสำลีอยู่หลังโรงพยาบาล คุณจะเอาไหม”
ฮะ ฮะ ฮ่า ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น
กลับมาเรื่องของเรา วิธีแก้มันต้องทำสองอย่างพร้อมกัน อย่างแรก คือปรับจูนความเข้าใจชีวิตของคุณเสียใหม่ อย่างที่สอง คือ ฝึกทักษะการวางความคิด
คอนเซ็พท์ที่ต้องจูนก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แค่นั้น คุณต้องเข้าใจว่าในชีวิตนี้นอกจากความรู้ตัวของเราแล้วอย่างอื่นมันเป็นแค่สิ่งที่อัตตาของเราอุปโลกน์ขึ้น เราอุปโลกน์ว่าให้มันเป็นอย่างนี้ แต่มันรู้เรื่องด้วยกับเราซะที่ไหนละ มันจึงไพล่ไปเป็นอย่างนั้น คุณต้องนั่งสัมนากับตัวเองให้เข้าใจคอนเซ็พท์อนิจจัง ทุกขังอนัตตาให้ถ่องแท้ก่อน นั่นเป็นงานชิ้นแรก ว่าที่คุณทุกข์เป็นบ้าอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะคุณไปพยายามบังคับสิ่งต่างๆนอกตัวให้เป็นไปตามที่ใจคุณอุปโลกน์จะให้มันเป็น
ส่วนเรื่องการฝึกทักษะวางความคิดผมก็พูดบ่อยจนเป็นแผ่นเสียงตกร่องแล้ว คุณย้อนอ่านดูแล้วก็เอามาทดลองปฏิบัติ ถ้าเครื่องมือทั้งหมดที่ผมแนะนำไปอันได้แก่ สติ, ลมหายใจ, การผ่อนคลายร่างกาย, การรับรู้ความรู้สึกบนร่างกาย, การสังเกตความคิด, การกระตุ้นตัวเองให้ตื่น, การจดจ่อสมาธิ ถ้าทั้งหมดนี้คุณพยายามแล้วไม่เวอร์คเลย คุณลองวิธีของโยคีตนหนึ่งชื่อ รามานา มหารชี วิธีของเขาสั้นๆตรงไปตรงมาคือ
“ฆ่าทุกความคิดทันทีที่มันโผล่ขึ้นมา”
เช่น พอความคิดว่า “เจ้าคนนี้มันโกหกตอแหล” โผล่ขึ้นมา คุณก็ เปรี้ยง..ง เลย ฆ่ามันเลย ไม่ใช่ฆ่าเจ้าคนโกหกตอแหลนะ นั่นมันอยู่นอกตัวคุณคุณไปทำอะไรไม่ได้ แต่ฆ่าความคิดที่พิพากษาคนอื่นว่าเขาเลว เพราะความคิดนี้มันอยู่ในหัวคุณเอง คุณฆ่ามันได้ เป็นต้น
2.. ถามว่าอยากมีความสุขควรเริ่มจากตรงไหนดี ตอบว่าเริ่มตรงลมหายใจนี้สิครับ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ เริ่มได้เลย เพราะความสุขเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต ไม่เกี่ยวอะไรกับสถานะการณ์ในชีวิต สถานะการณ์ในชีวิตเช่นเจ้าคนนี้ขี้เกียจชอบเอาเปรียบ เจ้าคนนั้นชอบโกหกตอแหล นั่นเป็นสถานะการณในชีวิต นั่นไม่เกี่ยวกับความสุข นั่นเป็นเรื่องนอกตัว แต่การใช้ชีวิตคือการมีชีวิตอยู่ด้วยการหายใจเข้าออกทีละลม ทีละลม ตราบใดที่คุณยังหายใจเข้าออกอย่างผ่อนคลายร่างกายได้ได้โดยไม่มีความคิดลบที่อัตตาของคุณอุปโลกน์ขึ้นมาครอบ ตราบนั้นคุณก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ การใส่ใจฟูมฟักร่างกาย ฟูมฟักพลังชีวิต และบ่มความคิดให้มุ่งไปทางบวกและ “ยอมรับ” สิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่รอบๆตัว ก็ยิ่งจะทำให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ง่ายขึ้น
ส่วนที่อยากจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นนั้นก็ไม่ต้องห่วง เมื่อคุณมีความสุขแล้ว คุณจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นเองโดยอัตโนมัติ เพราะอย่างน้อยคุณเดินผ่านคนอื่นคุณยิ้มให้เขาก่อนได้ คนอื่นก็ได้ประโยชน์จากการมีคุณอยู่ใกล้ๆแล้วทันที
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์