ความสูงของคุณเป็น destiny แต่น้ำหนักของคุณเป็น free will
คุณลุงหมอสันต์
หนูแคะกระปุกบริจาคเงินช่วยงานวิจัยไป … บาท คุณลุงต้องช่วยตอบคำถามให้หนูด้วยนะคะ คือหนูอ่านคุณลุงหมอแนะนำว่าอย่ามีลูก แสดงว่าเราไม่ควรแต่งงาน ก็ไม่ต้องพะวงว่าเราจะต้องจริงจังยั่งยืนกับใครคนใดคนหนึ่ง คือหนูชอบฟรีเซ็กซ์ แต่ว่าต้องเป็นเซ็กซ์ที่หนูเลือกเองนะ ความคิดของหนูลุงหมอว่าโอเค.ไหม อีกคำถามหนึ่งชีวิตหนูนี้มันถูกลิขิตมาแล้วจริงหรืออย่างที่เขาเรียกว่ากรรมเก่า ถ้าหนูไม่เชื่อแล้วหนูจะเลือกใช้ชีวิตตามที่หนูอยากใช้ของหนูเองจะมีอะไรไหม อีกคำถามหนึ่ง หนูชอบมีเสียงในหัวพูดได้ยินเบาๆแต่ชัดเจนว่า “กลับบ้านกันเถอะ” ทั้งๆที่หนูก็อยู่บ้านกับแม่ (พ่อไปมีแฟนใหม่นานแล้ว) มันหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าเสียงนั้นชวนหนูให้ฆ่าตัวตายใช่ไหม ใหม่ๆหนูไม่คิดอะไร แต่บางโมเมนต์หนูก็ฉุกคิดเหมือนกัน
หนูรักลุงหมอสันต์
………………………………………………………………………….
ตอบครับ
วันนี้ขอตอบจดหมายเด็กๆไร้สาระสักวัน
1.. ถามว่าถ้าหนูจะมีฟรีเซ็กซ์ หมอสันต์ว่าดีไหม ตอบว่าจะลองดูสักพักก็ดีนะครับ ถ้าลองดูแล้วพบว่ามันไม่ดี ก็ค่อยมาประเมินและปรับแผนกันใหม่ก็ได้
ความจริงแนวคิดการจะมีเซ็กซ์กับใครต่อใครก็มีได้แบบเสรีตามใจชอบไม่ต้องคิดมีผัวมีลูกนี้ ได้ถูกทดลองมาอย่างกว้างขวางแล้วนะในสมัยยุคราวปีค.ศ. 1967 หนูอาจจะเกิดไม่ทัน ลุงจะเล่าให้ฟัง สมัยนั้นคนหนุ่มคนสาวจำนวนมากได้ปฏิเสธวิถีชีวิตแบบเดิมๆที่พวกพ่อแม่ดำเนินชีวิตกันมา ซึ่งมีแต่ความขี้งกความโลภอยากได้ไม่รู้จบแล้วมาจบด้วยการต้องทำสงครามฆ่าแกงกันอย่างไร้เหตุผล (ซึ่งก็คือสงครามเวียดนามในตอนนั้น) พวกคนหนุ่มสาวจำนวนมากจึงไม่เอาวิถีชีวิตแบบเดิมๆนั้น พากันทำตัวเป็นฮิปปี้ ไว้ผมยาว เสียบดอกไม้ไว้บนเรือนผม จนคนไทยเรียกว่า “บุปผาชน” แล้วคนหนุ่มสาวจำนวนเป็นล้านเหล่านั้นไปชุมนุมกันครั้งใหญ่ที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นที่มาของเพลงที่ว่า
“..If you are going to San Francisco
be sure to wear some flowers in your hair”
“ถ้าคุณกำลังมุ่งหน้าไปซานฟรานซิสโก
วานแซมบุปผาสองสามดอกไว้บนเรือนผมด้วยนะ”
เอ..ลุงกำลังพูดถึงอะไรนะ อ้อ นึกออกละ ฟรีเซ็กซ์ พวกบุปผาชนเป็นล้านๆคนนี้ได้ทดลองชีวิตไปหลายแบบ ทั้งแบบสูบกัญชายาเมา แบบแสวงหาความหลุดพ้น และแบบฟรีเซ็กซ์ ในการทดลองทั้งสามแบบนี้ แบบฟรีเซ็กซ์ลองกันนานที่สุด คือนานเกินสิบปี แต่ในที่สุดส่วนใหญ่ก็กลับมาสู่วิถีเดิม คือมีผัวมีเมียทีละคนตามระเบียบ ลุงจึงสรุปว่าชีวิตแบบฟรีเซ็กซ์นี้จะลองดูก็ได้ แต่ให้รู้ว่าคนรุ่นก่อนเขาลองกันมาเยอะแล้วและพบว่ามันไม่ยั่งยืน ทั้งนี้คงเป็นเพราะในเซ็กซ์มันไม่ใช่มีแต่เซ็กซ์เท่านั้น แต่มันยังมีความเมตตาปราณีต่อกันสอดแทรกเป็นส่วนผสมสำคัญด้วย ซึ่งส่วนนี้ฟรีเซ็กซ์ไม่มี ลุงคิดว่านั่นเป็นเหตุให้ฟรีเซ็กซ์มันไม่ยั่งยืน
2.. ถามว่าชีวิตคนเรานี้ต้องเป็นไปตามโชคชะตา (destiny) หรือขึ้นกับความอยากที่อิสระเสรี (free will) ของเราเอง ตอบว่ามันเป็นส่วนผสมของทั้งสองอย่างนั่นแหละ ยกตัวอย่างเช่นตัวหนูนี้เป็นลูกผู้หญิงรักสวยรักงาม ความสูงของหนูเป็นฟ้าลิขิต (destiny) ส่วนน้ำหนักของหนูเป็นสิ่งที่หนูทำเอง (free will) ลุงพูดงี้เข้าใจมะ หิ หิ
3.. ถามว่ามีเสียงในหัวชวนให้กลับบ้านอยู่เรื่อยทั้งๆที่ก็นั่งอยู่ในบ้านกับแม่อยู่แล้ว เป็นเสียงชวนให้ฆ่าตัวตายใช่ไหม ตอบว่าไม่ใช่ครับ มันเป็นเสียงปัญญาญาณของหนูเองที่ท้วงติงหรือสะกิดให้หนูมองดูสักนิดว่าชีวิตตอนนี้มันอาจจะกำลังก้าวไปผิดทาง ให้หนูลองคิดสักนิดว่าชีวิตนี้เราคือใคร แท้จริงแล้วเราเป็นอะไร หนูเกิดมาทำไม อะไรควรจะเป็นทิศทางที่หนูควรจะมุ่งไป หากถามลุงซึ่งผ่านชีวิตมาจนกลายเป็นคนแก่สมบูรณ์แบบปูนนี้แล้วลุงก็จะตอบว่าชีวิตมนุษย์เรานี้เกิดมาแล้วควรจะมุ่งไปมีชีวิตอยู่โดยใช้ชีวิตให้สงบเย็นเบิกบานและสร้างสรรค์เต็มศักยภาพที่เรามี ความสงบเย็นเบิกบานก็ดี ศักยภาพที่จะสร้างสรรคก็ดี มันไม่ได้อยู่ที่ข้างนอก แต่มันอยู่ที่ข้างใน ดังนั้นทางไปของชีวิตคือต้องมุ่งเข้าข้างใน
อุปมาอุปไมย แต่ละชีวิตในโลกนี้เป็นเหมือนหลอดไฟฟ้าที่มีสีมีขนาดและมีแรงเทียนต่างๆกัน แต่ทุกหลอดล้วนมีไฟฟ้าเป็นตัวให้พลังงานส่องสว่างทำหน้าที่เป็นหลอดไฟอยู่ได้ ชีวิตของหลอดไฟไม่ใช่ตัวหลอดนะ แต่เป็นไฟฟ้าที่เลี้ยงไส้มันอยู่ ชีวิตคนก็เช่นกัน มันไม่ใช่ร่างกายนี้หรือความคิดที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะนี้นะ แต่มันคือพลังชีวิตที่สงบเย็นและเปี่ยมศักยภาพที่หล่อเลี้ยงเราออกมาจากข้างในและเชื่อมโยงให้ชีวิตเรากับชีวิตอื่นเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนไฟฟ้าที่เชื่อมโยงหลอดไฟทุกดวงให้เปล่งแสงสว่างได้เหมือนกัน
การจะฆ่าตัวตายเป็นความคิด ความคิดไม่ใช่เรานะ และเราสังเกตเห็นความคิดได้ เสียงเรียกให้กลับบ้านนี้เป็นเสียงเตือนให้หนูหันกลับเข้าไปทำความรู้จักตัวเองที่อยู่ข้างใน ทำความรู้จักกับความรู้ตัวซึ่งเป็นบ้านที่แท้จริงของตัวเอง ซึ่งวิธีการในทางปฏิบัติที่จะทำอย่างนั้นได้ก็คือการฝึกวางความคิดหรือฝึกสมาธิ (meditation) ให้หนูลองอ่านเอาจากบล็อกเก่าๆของลุงแล้วลองลงมือทำดู ถ้าทำแล้วทำไม่ได้และยังอยากทำให้ได้ ให้หนูมาเข้า Spiritual Retreat โดยหนูไม่ต้องเสียเงิน เพียงแค่บอกเจ้าหน้าที่ว่าหนูเคยเขียนจดหมายนี้มาหาลุงหมอ แล้วลุงหมอรับปากว่าจะให้หนูมาเรียน SR ฟรี
4.. จบคำถามแล้วนะ ข้อนี้ผมไม่ได้ตอบคำถามของหนู แต่ขอพูดกับคนรุ่นหนุ่มสาวที่มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย หรือกำลังสงสัยว่าตัวเองอยากตายอยู่หรือเปล่า หรือกำลังวางแผนฆ่าตัวตาย ผมไม่ได้จะบอกว่าอย่าฆ่าตัวตายนะ ไม่ได้จะพูดอย่างนั้น แต่ผมจะบอกว่าคุณเกิดมายังไม่ทันรู้จักชีวิตเลย บ้าน โรงเรียน สิ่งแวดล้อมหล่อหลอมให้คุณเข้าใจผิดว่าความคิดของคุณคือตัวชีวิตของคุณซึ่งความจริงมันไม่ใช่ ชีวิตที่แท้จริงนั้นเป็นอะไรที่ตื่นเต้น (exciting) มหัศจรรย์ (wonder) อ่อนโยน (tender) และเปี่ยมด้วยมิตรไมตรี (grace) แต่คุณไปหลงเชื่อความคิดว่าเป็นคุณ แล้วคุณก็ตามความคิดไป โธ่ ความคิดมันจะพาคุณไปไหนรอดเพราะมันล้วนมาจากประสบการณ์ในอดีตอันแสนสั้นและแสนจำกัดของคุณทั้งนั้น คุณเลยพลาดโอกาสที่จะได้รู้จักกับตัวชีวิต ซึ่งก็คือพลังเมตตากรุณาที่หล่อเลี้ยงชีวิตคุณในรูปของความรู้ตัว มันเป็นการพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยนะ เพราะการเกิดมามีชีวิตเป็นคนนี้มันเป็นโอกาสที่หาได้ยาก คือมันเป็นโอกาสที่จะได้ “กลับบ้าน” หรือได้เข้าถึงความรู้ตัวอันเป็นบ้านที่แท้จริงเสียที
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์