ถามเรื่องบิทคอย หมอสันต์ไม่ตอบเพราะไม่รู้
เรียนคุณหมอสันต์
ดิฉันอายุ 64 เพิ่งเสียสามีไป คุณหมอสันต์จำได้ไหมเมื่อราวสองปีก่อน คุณหมอสันต์ตอบคำถามผู้เกษียณที่ภรรยาเสียชีวิตท่านหนึ่งซึ่งถามว่ามีเงินห้าล้านจะเก็บไว้ให้พอใช้ถึงยี่สิบปีจะทำอย่างไร คุณหมอสันต์ตอบว่าไม่ให้เก็บในรูปเงินสด แต่ให้เก็บในรูปที่ดิน หุ้น ทองคำ และบิทคอย ตอนนั้นสามีของดิฉันอ่านแล้วก็จะเอาเงินไปซื้อบิทคอยเหรียญละสามแสนบาทให้ได้แต่ดิฉันไม่ยอมจนทะเลาะกันรุนแรงไม่พูดกันไปหลายวัน ตอนนี้ไม่มีพี่เขาแล้ว ตัวดิฉันต้องมาคิดว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้าจะดูแลตัวเองให้รอดอย่างไรเพราะไม่มีบำนาญมีแต่เงินก้อนอยู่บ้าง จึงกลับไปอ่านคำแนะนำหมอสันต์เรื่องบิทคอยอีก แล้วก็มีข่าวว่าธนาคารไทยพานิชได้เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทบิทคัพซึ่งค้าขายบิทคอย 51% เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จึงเริ่มจะค่อยๆเชื่อเรื่องบิทคอยมากขึ้น จึงสอบถามเพื่อนที่เขาเล่นบิทคอยเขาบอกว่าตอนนี้เหรียญละสองล้านสี่ดิฉันผงะเลย เพราะตอนที่หมอสันต์แนะนำท่านผู้อ่านท่านนั้นมันเหรียญละสามแสนเท่านั้นเอง ดิฉันรบกวนถามหมอสันต์หน่อยว่าถ้าเป็นตัวหมอสันต์เป็นดิฉันตอนนี้ จะเอาเงินส่วนหนึ่งไปซื้อบิทคอยเก็บไว้ขายกินยามแก่ไหม
ขอบคุณมากค่ะ
………………………………………………………………………………
ตอบครับ
แม่เฮย นี่จะให้หมอสันต์ทำผิดกฎหมายซะแล้วไหมเนี่ย การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินถ้าเป็นเมืองนอกเมืองนาเขาต้องมี license นะ เหมือนเป็นหมอต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ผมไม่ทราบว่าเมืองไทยมีกฎหมายแบบเดียวกันหรือเปล่า แต่ถึงจะไม่มีหมอสันต์ก็ไม่แนะนำใครในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน อย่างบิทคอยจะขึ้นจะลง ตอนนี้จะเข้าดีหรือจะออกดีนี้เป็นเรื่องที่หมอสันต์ไม่รู้เรื่องดอก จึงตอบคุณพี่ไม่ได้นะครับคุณพี่ขา ขออนุญาตเคาะ ก๊อก..ก ให้คุณพี่ไปข้างหน้าก่อนเถอะนะคร้าบ..บ
ที่ผมตอบจดหมายแฟนบล็อกในตอนโน้นถ้าจำไม่ผิดมันคนละมู้ดคนละโทนกันนะ ตอนนั้นท่านผู้ถามเขาอยากจะหาวิธีเก็บทรัพย์ไว้ใช้ในอีกยี่สิบปีข้างหน้าเพราะตอนที่ถามคุณพี่เขาอยู่สุขสบายดีมีเงินใช้อยู่ แต่อยากตุนทรัพย์ไว้เผื่ออนาคตว่าจะต้องตุนในรูปแบบไหนทรัพย์เหล่านั้นจึงจะเสื่อมค่าน้อยที่สุด ซึ่งผมก็แนะนำให้ตุนในรูปของที่ดินทำเกษตรกรรม ทองคำ หุ้น และบิทคอย ไม่แนะนำให้ตุนในรูปของการเอาเงินสดไปฝากธนาคาร เพราะตอนที่ตอบคำถามนั้นเป็นยุคต้นของโควิด รัฐบาลอเมริกากำลังพิมพ์เงินเฟียต (ธนบัตร) ออกมาโครมๆด้วยอัตราเร็วกว่าคนจีนพิมพ์แบงค์กงเต็กเสียอีก เด็กอมมือก็เดาได้ว่าในอนาคตเงินเฟียตต้องเสื่อมค่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมไม่แนะนำให้เก็บทรัพย์ส่วนใหญ่ไว้ในรูปของเงินสด
แต่จดหมายของคุณนี้เนื้อหาประมาณว่าตอนนี้บิทคอยราคาเหรียญละสองล้านสี่ ซื้อดีไหม ถูกไปไหม แพงไปไหม โห.. แล้วผมจะรู้ไหมเนี่ย เอาเป็นว่าผมไม่ตอบคุณดีกว่าเพราะผมไม่รู้
แต่ไหนๆคุณถามเรื่องเตรียมตัวเองเพื่ออนาคตยามชรามาแล้ว ผมจะตอบส่วนที่ผมรู้นะ ว่าคนอายุ 60+ วันนี้ หากคำนวณตามอายุคาดเฉลี่ยซึ่งเป็นตัวเลขปัจจุบันขององค์การอนามัยโลกแล้ว จะได้อยู่ดูโลกไปถึงอายุ 90 ปี คน “ปูนนั้น” ทรัพย์ไม่ใช่สิ่งสำคัญแล้ว ทรัพย์ที่คนปูนนั้นต้องการส่วนใหญ่เป็นของฟรี เช่น อากาศบริสุทธิ์ไว้หายใจ น้ำสะอาดไว้ดื่ม อาหารในปริมาณไม่ถึงครึ่งของที่เคยกิน ที่ซุกหัวนอน เสื้อผ้าสองสามชุดที่ไม่ชอบให้ใครมาเอาไปซักอีกต่างหาก ในกรณีที่เป็นคนขี้โรคก็ต้องเพิ่ม “ยา” อีกปี๊บหรือครึ่งปี๊บ ซึ่งก็เป็นของฟรีอยู่ดี
แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนปูนนั้นคือ “คุณภาพชีวิต” ซึ่งมันถูกกำหนดด้วย “สุขภาพ” ที่ผู้สูงวัยได้ดูแลตัวเองมาก่อนหน้านั้น ถ้าจะพูดให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นคุณภาพชีวิตอยู่ที่การสามารถทำกิจจำเป็นห้าอย่างหรือ ADL (กิน เดิน ขับถ่าย อาบน้ำ แต่งตัว) และกิจสำคัญเจ็ดอย่างหรือ IADL (อยู่คนเดียวด้วยตนเอง ไปไหนมาไหนเอง ช็อปปิ้งเอง ทำอาหารเอง ปัดกวาดห้องหับตัวเอง จัดการยาของตัวเอง จัดการการเงินของตัวเอง) ได้จนถึงวันท้ายๆของชีวิต
ดังนั้นเรื่องจะซื้อหรือไม่ซื้อบิทคอยคุณเอาแบบที่ตัวเองชอบเถอะนะ แบบไหนก็ได้ แต่กิจจำเป็นห้าอย่างและกิจสำคัญเจ็ดอย่างนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย คุณต้องพยายามฝึกทำเองให้ได้ และทำให้ได้นานที่สุดจนชนวันสุดท้ายของชีวิตได้ยิ่งดี ตรงนี้สำคัญกว่า
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์