เมตตาธรรม definition

เรียนคุณหมอสันต์

ช่วยนิยามคำว่าเมตตาธรรมหน่อยได้ไหมคับ เพราะพออ่านของหมอสันต์ไปอ่านไปก็เริ่มจะงงว่าเมตตาธรรมของหมอสันต์หมายความถึงอะไร แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่าผมมีเมตตาธรรมหรือเปล่า เพราะเวลาผมลงโทษลูกน้องที่ทำผิดคนก็ว่าผมว่าไม่มีเมตตาธรรม

………………………………………………..

ตอบครับ

1.. ถามว่าเมตตาธรรมนิยามว่าอย่างไร ตอบว่าคำว่าเมตตาธรรมนี้ภาษาอังกฤษคนส่วนใหญ่ใช้คำว่า compassion แต่ผมขอใช้คำว่า Grace แทน มันเป็นพลังงานนะ พูดถึงพลังงาน เรารับรู้พลังงานได้ในหลายรูปแบบ เช่น แสงแดด สายลม แรงโน้มถ่วง และ..เมตตาธรรม

แสงแดดคือพลังงานที่ดวงอาทิตย์คอยให้ความอบอุ่นแก่เรา

สายลมคือพลังานที่กำลังเป่าลดความร้อนให้เราสบาย

แรงโน้มถ่วงคือพลังงานที่โลกนี้ใช้กอดเราไว้ไม่ให้เราปลิวหายไปไหน

เมตตาธรรมคือพลังงานที่ธรรมชาติคอยช่วยให้ชีวิตเราแผ่ขยายเติบโตออกไปได้ไม่สิ้นสุด หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง เมตตาธรรมคือพลังงานที่ช่วย “ถอดปลั๊ก” ให้เราหลุดจากข้อจำกัดที่เราติดหนึบอยู่ขณะนี้ เพื่อให้เราหลุดไปสู่อิสระเสรี

2.. ถามว่าจะรู้ได้อย่างไรว่ามีพลังเมตตาธรรมอยู่ข้างใน ตอบว่าเวลาคุณนั่งอยู่ในบ้าน คุณไม่รู้หรอกว่าเสียงตู้เย็นมันครางหึ่งอยู่ แต่ตอนเปิดประตูเข้าบ้านมาใหม่ๆคุณจะรู้ได้ เวลาคุณกำลังนั่งดูจอคอมพิวเตอร์ คุณไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังหายใจอยู่ แต่ว่าในความเป็นจริงคุณกำลังหายใจและออกซิเจนกำลังวิ่งไปหล่อเลี้ยงทุกเซลของคุณอยู่ เมตตาธรรมเป็นพลังงานพื้นฐานของชีวิตที่ “เปิดเครื่อง” อยู่ตลอดเวลา และเชื่อมโยงชีวิตทุกชีวิตและสรรพสิ่งทุกสรรพสิ่งเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดเวลา ถ้าเราเพิกเฉย หมายความว่าเราไปวุ่นอยู่ในความคิด เราก็ไม่รับรู้ว่ามีพลังงานที่ผมเรียกว่าเมตตาธรรมเป็นแบ็คกราวด์ของชีวิตอยู่ แต่ถ้าเราวางความคิดไปก่อน วางคอนเซ็ทพ์ที่ผูกหรือก่อเป็นตัวตนหรือ identity ของเราลงไปก่อน เลิกมองหาอะไรที่ข้างนอกเสีย นิ่งและรับรู้จากข้างใน เราก็จะรับรู้ความสงบเย็นและเบิกบานของพลังเมตตาธรรมได้

3.. ถามว่าถ้าเมตตาธรรมมีอยู่ข้างใน แล้วจะเข้าถึงเมตตาธรรมนี้ได้อย่างไร ตอบว่า ก็..ออกจากความคิด มาอยู่กับปัจจุบัน หมายความว่าไม่คิด แต่รู้ตัวอยู่

มีนิทานเซ็นพูดถึงหลวงพ่อตอบคำถามเด็กวัด

เด็กวัด ” หลวงพ่อฮะ ถ้าผมบรรลุธรรมแล้ว ผมต้องทำอะไรบ้าง”

หลวงพ่อ “เอ็งก็กวาดลาน ผ่าฟืน หุงข้าว”

เด็กวัด “อ้าว.. งั้นผมจะมาอยู่วัดทำไมละ ทั้งหมดนี้ผมทำที่บ้านก็ได้”

หลวงพ่อ “ไม่ได้ เพราะมันเป็นลานบ้านของเอ็ง ฟืนของเอ็ง ข้าวของเอ็ง”

ตรงนี้ไงที่เป็นข้อแตกต่างระหว่างการทำอะไรด้วยความยึดติดกับการทำอะไรอย่างอิสรเสรี คอนเซ็พท์เรื่องตัวตนหรืออีโก้ชักนำให้เราติดกับดักความยึดติด แต่เมตตาธรรมปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระเสรีจากความยึดติดนั้น

คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนดีหน่อย จะทำอะไรก็ต่อเมื่อมันเป็นหน้าที่ แต่คนที่มีความรักหรือรู้สึกอยากให้แก่ชีวิตอื่นอย่างแท้จริงจะเพลิดเพลินกับการทำอะไรก็ตามในทุกโมเมนต์ของชีวิตเพื่อให้ชีวิตอื่นจะได้ประโยชน์ นั่นแหละ เมตตาธรรม

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหลุดจากคำถามว่า

“แล้วผมจะได้อะไรหงะ”

เมื่อนั้นคุณก็เข้าถึงเมตตาธรรมแล้ว

อีกอย่างหนึ่งเมตตาธรรมมันตรงกันข้ามกับความใหญ่หรือความสำคัญ ยิ่งจิ๊บจ๊อย ยิ่งกระจอก ยิ่งเล็ก ยิ่งเป็นเมตตาธรรม

อีกอย่างหนึ่งจากมุมมองของเมตตาธรรม คุณจะไม่เห็นการแบ่งแยกเป็นเราเป็นเขา แต่คุณจะเห็นทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันหมด

ผมไม่รู้ว่าผมได้ตอบคำถามคุณหรือเปล่านะ แต่นี่เป็นการให้คำนิยามเมตตาธรรมที่ผมพยายามให้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดเท่าที่ความสามารถในการใช้ภาษาของผมจะอำนวย

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี