กลัววัคซีน กลัวตายทิ้งลูก ฉีดดีไม่ฉีดดี

สวัสดีค่ะคุณหมอสันต์
ขอเรียนถามคุณหมอในฐานะที่เป็นแพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน ที่ได้เคยให้ความเห็นว่าควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไว้ตามlink ด้านล่าง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ขณะนี้ เดือนกันยายน 2564 ปรากฎข่าวการตายหลังฉีดวัคซีนแทบทุกวัน ทั้งแบบเชื้อเป็น แบบเชื้อตาย และแบบไขว้ แม้ทางรัฐจะปัดว่าไม่เกี่ยวกับวัคซีนแต่ทุกเคสเหตุเกิดหลังฉีดวัคซีนช้าบ้างเร็วบ้าง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าแม้จะเป็นโรคประจำตัว ก็ต้องเกิดจากการที่วัคซีนไปกระตุ้นให้เกิดภาวะรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต
ดิฉันไม่อยากฉีด แต่เหมือนโดนกระแสสังคมกดดันกลายๆ เนื่องจากในที่ทำงานฉีดกันหมดแล้วและมีอาการหนักเข้า ICU  หลังฉีด 1ราย รัฐก็เตรียมออกมาตรการกดดันผู้ไม่ฉีดวัคซีนโดยงดให้บริการร้านค้าร้านอาหาร ดิฉันจึงไปจองวัคซีนเชื้อตายไว้จะฉีดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ขอรบกวนขอความเห็นคุณหมอด่วนค่ะว่า เรายังควรเสี่ยงไปฉีดวัคซีนหรือไม่ ในเมื่อวัคซีนตอนนี้ตามหลังเชื้อกลายพันธ์ป้องกันการติดได้น้อย และมีความเสี่ยงถึงชีวิต แม้ทางการจะบอกว่ามี%เกิดขึ้นได้น้อยแต่ก็เห็นข่าวทุกวัน อีกทั้งยังเป็นวัคซีนที่ไม่ทราบผลระยะยาว และดูเหมือนต้องฉีดเติมเข้าร่างกายทุก6เดือนไม่ทีที่สิ้นสุด 
ดิฉันไม่มั่นใจในสุขภาพของตนเองเนื่องด้วยเคยเข้า icuด้วยเหตุเลือดซึมในสมอง ( ไม่หนัก นอน icu คืนเดียว  และไม่ได้ผ่าตัด) และมีประวัติเป็นเบาหวานตอนท้อง และความดันมักสูงผิดปกติเวลาไปวัดที่รพ.(140-180) ต่างจากเมื่อวัดที่บ้านทุกวันด้วยเครื่องomron จะอยู่ไม่เกิน125ปกติดิฉันไม่ใช่พวกแอนตี้วัคซีนที่ผ่านมาก็ฉีดมาเยอะแยะทั้งสุกใส ไข้หวัดใหญ่ บาดทะยัก มะเร็งปากมดลูก ฯลฯ แต่คราวนี้ขอเรียนว่าหวั่นใจมากค่ะ
ดิฉันลูกเล็ก หากเป็นอะไรไปห่วงลูกจะลำบาก แต่ข้อมูลมีสองทางทำให้ยากจะพิจารณา จึงรบกวนคุณหมอเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการให้ความเห็นและข้อแนะนำค่ะ linkด้านล่างเป็นบทความที่เผอิญเจอก่อนจะไปฉีดวัคซีนพอดี ไม่ทราบการอ้างอิงต่างๆในบทความมีประเด็นที่เราควรหยุดพิจารณาหากต้องไปฉีดวัคซีนแม้จะเป็นประเภทเชื้อตายรึเปล่าคะ 
ขอบพระคุณมากค่ะและหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นคุณหมอตอบจดหมายนี้ลงเพจก่อนวัน พุธที่29 กันยายน2564 ค่ะ
………………………………………………………

ตอบครับ

สรุปประเด็นของคุณ (1) ฟังข่าวคนฉีดวัคซีนแล้วตายทุกวัน (2) กลัวตัวเองฉีดวัคซีนแล้วตายกับเขาบ้าง (3) เป็นห่วงลูกกลัวมาตายทิ้งลูก (4) ลังเลใจ ฉีดดีไม่ฉีดดี

ประเด็นที่ 1. คนฉีดวัคซีนแล้วตายทุกวันจริงไหม ตอบว่าไม่จริงหรอกครับ สถิติของจริงคือนับตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนมาถึงวันที่ 8 กย. 64 ตามรายงานของกรมควบคุมโรค ได้ทำการฉีดวัคซีนให้คนไทยไปแล้ว 35.9 ล้านโด้ส มีการตายหลังการฉีดวัคซีนช้าบ้างเร็วบ้าง 628 ราย ทั้งหมดนี้ต้องเอาศพเข้ากระบวนการพิสูจน์รายงานไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีนซึ่งมีขั้นตอนยืดยาดแต่เชื่อถือได้ คือต้องรอคิวผ่าศพหรือตรวจขั้นละเอียด ที่ผ่าศพหรือตรวจขั้นละเอียดไปแล้วสรุปการวินิจฉัยได้เด็ดขาดแล้ว 262 ราย พบว่าตายเพราะเหตุอื่น (เช่นมะเร็ง หัวใจ สมอง) 249 ราย ตายเพราะอะไรไม่รู้จริงๆ 12 ราย ตายเพราะวัคซีน 1 ราย ย้ำอีกครั้งว่ากระบวนการพิสูจน์นี้เชื่อถือได้แน่นอนนะครับ เพราะทำโดยพยาธิแพทย์ (pathologist) ซึ่งโดยความเป็นมืออาชีพท่านไม่ต้องอวยใครอยู่แล้ว ที่เหลือยังรอคิวผ่าศพหรือตรวจขั้นละเอียดพิสูจน์อยู่ ดังนั้นถ้ามองในภาพรวมจะเห็นว่าผ่าศพคนฉีดวัคซีนมา 249 คนตายเพราะวัคซีนจริงๆ 1 คน ตอนนี้มีคนตายหลังการฉีดวัคซีนทั้งหมด 628 คน คิดคร่าวๆก็น่าจะมีคนตายเพราะวัคซีนราว 3 คน จากการฉีด 35 ล้านครั้ง หรือราว 1 คน จากการฉีด 10 ล้านครั้ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงตายจากวัคซีนคือ 0.00001% มีเลขศูนย์หลังจุดทศนิยมสี่ตัวนะ นี่คือตัวเลขจริงของวงการแพทย์ครับ ส่วนที่ตีข่าวกันว่าตายกันทุกวันนั้นมันเป็นเรื่องของวงการข่าว มันเป็นไปตามภาษิตเมืองเหนือที่ว่า

“ฮ่อมหนู หนูไต่ ฮ่อมไหน่ ไหน่เตียว” แปลว่า

“ทางหนู หนูก็ไต่ ทางกระรอก กระรอกก็เดิน”

คือทางทำมาหากินของใครก็ทางใครทางมัน ย่อมจะไม่เหมือนกัน ส่วนคุณจะศรัทธาและเชื่อหนูหรือกระรอก หิ หิ ก็ย่อมแล้วแต่คุณละครับ

ประเด็นที่ 2. กลัวตัวเองฉีดวัคซีนแล้วตายกับเขาบ้าง แหม คุณอยู่ในยุควิทยาศาสตร์นะครับ หากจะกลัวอะไรก็ให้มันสมดุลกับโอกาสที่มันจะเกิดขึ้นบ้างสิ สมัยก่อนฝรั่งคนหนึ่งมาหัวหินแล้วเขียนไปเล่าในหนังสือไทม์ว่ามีตาลุงคนหนึ่งที่หัวหินกลัวอุกาบาตจะหล่นใส่หัว จนต้องสวมถุงเท้าตอนนอนกลางคืนทุกคืนเพื่อป้องกันอุกาบาตหล่นใส่หัว (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย) แล้วคุณว่าความกลัวของตาลุงคนนั้น make sense ในเชิงวิทยาศาสตร์ไหม โอกาสที่อุกาบาตจะหล่นใส่หัวคนมีกี่เปอร์เซ็นต์

ประเด็นที่ 3. เป็นห่วงลูก กลัวตายทิ้งลูก อ้าว อันนี้มันไปเข้าประเด็นความหลุดพ้นซะแล้วนะครับ ไม่เกี่ยวกับวัคซีนแล้ว คือตราบใดที่คุณยังปล่อยวางความยึดถือเกี่ยวพันไม่ได้ คุณก็ไม่หลุดพ้น แล้วตรงนี้หมอสันต์ก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้เสียด้วย

ประเด็นที่ 4. ลังเลใจ จะฉีดดี หรือไม่ฉีดดี อันนี้ผมเข้าใจนะ ความลังเลสงสัยเป็นเหตุแห่งทุกข์มาทุกยุคทุกสมัย มีบันทึกไว้ตั้งแต่ยุคเริ่มเขียนพระไตรปิฎกโน่นเลยนะคุณ ประเด็นที่ผมจะชี้ให้เห็นก็คือ ข้อมูลสถิติความเสี่ยงและประโยชน์นั้นมีความชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ใช่เหตุของทุกข์ แต่ความลังเลสงสัยซึ่งเป็น “ความคิด” นี่แหละที่เป็นเหตุของทุกข์ แค่คุณเลิกคิดซะ คุณก็บรรลุธรรมเลย (หิ หิ คนอย่างคุณนี่ ว่างๆหาเวลามาเข้า Spiritual Retreat บ้างก็ดีนะ)

กล่าวโดยสรุป ประโยชน์ของวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงชัดเจน ผู้ใหญ่ทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีน วัคซีนอะไรก็ได้ที่เขามีให้คุณฉีด เพราะจริงๆแล้วมันยังไม่มีผลวิจัยเปรียบเทียบ (RCT) หรอกว่าชนิดไหนดีกว่าชนิดไหน มีแต่ “มโน” กันไปเองว่าฉีดชนิดนั้นชนิดนี้อนาคตจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คุณอย่าไปเสียเวลาใส่ใจเรื่องในจินตนาการเลย เอาเฉพาะที่เป็นหลักฐานข้อมูลจริงๆก็พอแล้ว

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี