เรื่องไร้สาระ(22): โครเก้ (Croquet) สอนขับรถยนต์
ช่วงนี้มีผู้ป่วยท่านหนึ่งมาอยู่ฟื้นฟูสุขภาพที่เวลเนสวีแคร์หลังเกิดอัมพาตเฉียบพลันมาแล้วหลายเดือน วันหนึ่งพอเสร็จจากการหัดเดิน ผมถามเขาว่าหากชีวิตนี้เนรมิตทุกอย่างได้อย่างใจ เขาอยากทำอะไรมากที่สุด เขาตอบว่า
“..ผมอยากกลับไปขับรถได้ จะได้ขับรถเที่ยวไปตามชนบทเมืองไทย
แต่ว่าผมคงไม่มีโอกาสแล้วใช่ไหมครับหมอ..”
ผมฟังแล้วก็รำพึงในใจว่าสิ่งที่ดูธรรมดาไร้ค่าเมื่อมันอยู่กับเรา พอมันไม่อยู่แล้ว เราถึงเห็นว่าสิ่งนั้นมันมีค่าเหลือเกิน ผมมองดวงตาเขาแล้วจึงตอบเขาไปอย่างหนักแน่นว่า
“คุณกลับไปขับรถได้แน่ ถ้าคุณตั้งใจฟื้นฟูร่างกายจริงจังในสามเดือนนี้”
รับปากคนไข้แล้วแต่ยังไม่มีเวลาคิดหาวิธีการ วันหนึ่งลูกชายมาขับรถพาผมเข้ามาตรวจติดตามหลังการผ่าตัดกับหมอกระดูกที่กรุงเทพ อยู่ในรถว่างๆผมก็คิดถามตัวเองว่าอะไรเป็นอุปสรรคแรกที่จะทำให้คนไข้รายนี้ขับรถไม่ได้ คำตอบก็คือสมองของเขาได้สูญเสียการประสานการเคลื่อนไหวระหว่างมือ เท้า และสายตาไปมากเกินไปเสียแล้ว ถ้าจะกลับไปขับรถ จะต้องฝึกสอนสมองส่วนนั้นหรือส่วนใกล้เคียงให้ทำงานแทนใหม่ แล้วก็คิดว่าการที่คนไข้ให้ความสำคัญการขับรถแสดงว่าเขาเป็นคนที่มีความสุขกับการขับรถ เห็นแววตาเขาแล้วผมเข้าใจเขาดี เพราะผมก็เป็นคนชอบขับรถ แล้วก็คิดล่องลอยไปถึงวันเก่าๆ อากาศเย็นๆ ได้ขับรถเที่ยวไปตามชนบทของประเทศอังกฤษ มันเป็นความสุขทีเดียว แล้วก็นึกถึงภาพหนึ่งขึ้นได้จึงถามลูกชายว่า
“..กีฬาอะไรน้า ที่คนแก่ตามชนบทอังกฤษเล่นกัน สนามหญ้าเขียวๆ แต่งตัวด้วยชุดขาวๆ เอาฆ้อนไม้ด้ามยาวๆตีลูกกลมทำด้วยไม้สีเหลืองสีแดงให้วิ่งไปบนสนามหญ้า..” ลูกชายตอบว่า
“..โครเก้ (Croquet)” ผมว่า
“..ในเมืองไทยตามบ้านนอกทางเหนือเมื่อพ่อกลับไปเยี่ยมคุณย่าเมื่อปีก่อนก็เห็นคนแก่บ้านนอกเขาเล่นกันนะ” ลูกชายตอบว่า
“..ไม่เหมือนกัน แบบนั้นเป็นกีฬาจากใต้หวันเรียกว่าวู้ดบอล (Wood ball) คล้ายกันแต่ไม่เหมือน เข้าใจว่าคนใต้หวันเลียนแบบเอามาจากคนอังกฤษ เพราะคนอังกฤษเล่นกันมาหลายร้อยปีแล้ว” ผมบอกลูกชายว่า
“..พ่อกำลังคิดจะเอากีฬาแบบนี้มาสอนให้คนไข้หลังเป็นสโตร๊คฝึกประสานมือเท้าเข้ากับสายตา”
พอถึงบ้านผมก็เปิดเน็ท อ่านดูเรื่องโครเก้ อุปกรณ์ที่ใช้ กฎกติกา และวิธีเล่น แล้วก็คิดจะหาซื้ออุปกรณ์กีฬาชนิดนี้ทางลาซาดา ซึ่งก็หาเจอจนได้ เกมแบบนี้ต้องเล่นกันทีละสี่คน วิธีเล่นก็คล้ายๆตีสนุกเก้อร์หรือกอลฟ์ แบบง่ายที่สุดก็คือผลัดกันตีลูกลอดประตูซึ่งมีอยู่ 6 ประตู ใครตีครบก่อนก็ชนะ อุปกรณ์การเล่นสำหรับหนึ่งคนซึ่งประกอบด้วยลูกบอล ฆ้อนตี และกระเป๋าใส่ ตกคนละสี่พันบาท ในคำโฆณษณาเขียนด้วยว่าได้มาตรฐานสำหรับแข่งขันและผลิตโดยได้ลิขสิทธิ์ เล่นเอาผมอึ้งกิมกี่ไปพักหนึ่ง อะไรกัน แค่ฆ้อนไม้และลูกบอลไม้กลมๆนี่ต้องมีลิขสิทธิ์ด้วยหรือ ขายกันแพงขนาดนี้ผมไม่ซื้อหรอก ทำเองดีกว่า
พอเสร็จจากพบหมอที่คลินิกกระดูกก็จึงชวนภรรยาไปเที่ยวถนนไม้ คือซอยประชานฤมิตร ซึ่งผมคุ้นเคยเป็นอันดีเพราะเป็นคนชอบสร้างบ้าน สองคนตายายเดินหาซื้อไม้สักทั้งแบบท่อนกลมๆยาวๆขนาดต่างๆ และแบบที่เขากลึงเป็นลูกกลมมาแล้วเรียบร้อย หมดไปเกือบสามพันบาท พอกลับมาถึงมวกเหล็กก็ลงมือใช้เครื่องตัดที่มีอยู่แล้วตัดไม้ทำฆ้อนไม้ด้ามยาวขนาดหนึ่งเมตรขึ้นมาได้สิบอัน ผมเพิ่มความยาวด้ามให้มากกว่าไม้โครเก้มาตรฐานเพราะไม่อยากให้คนไข้ก้มหลัง ผมใช้สว่านใบพายเจาะรูหัวฆ้อน เอาด้ามเสียบ อัดกาวให้แน่นแล้วยิงสกรูยาวยึดไว้อีกชั้นหนึ่ง ขัดกระดาษทราย ทาเคลือบเงา พ่นสีลูกกลมเสียหน่อยเป็นสีดำ ฟ้า แดง เหลือง เขียว และน้ำตาล แล้วเอาเศษเหล็กเส้นขนาดหกมิลมาดัดเป็นประตูหกประตู ต้นทุนรวมราวสี่พัน แต่ได้ชุดตีโครเก้มาสำหรับคนเล่นสิบคน มอบให้เวลเนสไปสี่ชุด โห..ถูกกว่ากันสิบเท่า และกล่าวอย่างไม่ลำเอียงเลยนะ ชุดที่ผมทำขึ้นมานี้ดูคลาสสิกกว่าที่เขาทำขายตามลิขสิทธิ์ของใต้หวันตั้งแยะ
เมื่อทดลองเอาไปให้ผู้ป่วยที่กำลังฟื้นฟูอยู่หัดตีโครเก้ก็ดูท่าจะเวอร์คดี อย่างน้อยเขาก็ขมีขมันที่จะเดินจะโยกจะเล็งจะตีลูกบอลให้เข้าประตูมากกว่าการฝึกเดินมือเปล่าดุ่ยๆไปโดยไม่มีเป้าหมายอะไรที่ตื่นเต้นในแต่ละวัน ได้การแล้ว นี่ผมได้เครื่องมือช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยมาอีกหนึ่งอย่าง ผมแอบดูแล้วตั้งใจว่าจะรอให้ผ่านไปสักสองสัปดาห์จนเขาประสานงานมือเท้าและสายตาได้ดีแล้วจึงค่อยให้เรียนขับรถ
ส่วนชุดที่เก็บเอาไว้ใช้เองที่บ้านนั้น ผมก็เอาไว้ตีเล่นเองตอนเช้า ตีคนเดียวบ้าง เล่นกับหมอสมวงศ์บ้าง ตีโครเก้มีความสุขดีนะ วันหนึ่งเพื่อนๆผู้สูงวัยด้วยกันมากินข้าวเย็นกันหลายคนจึงชวนกันตีโครเก้ที่สนามหน้าบ้านเป็นที่สนุกสนาน เพราะโครเก้เป็นกีฬาง่ายๆที่ใครๆก็เล่นได้ กติกาข้อที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือใครหวดลูกแรงจนหล่นลงไปจากเขาต้องวิ่งตามไปเก็บลูกเอาเอง ดังนั้น พอลูกของใครทำท่าจะวิ่งเร็วถึงขอบสนามเจ้าตัวก็ต้องตาลีตาเหลือกรีบวิ่งตามไปดูว่าลูกของตัวเองจะหล่นไปถึงไหน เพราะมีโอกาสที่มันจะกลิ้งหลุนๆไปจนถึงตีนเขาโน่นเลย หรือถ้าไม่ตามไปดูก็อาจจะวิ่งเข้าพงไปจนหาไม่เจอ
โครเก้จะสอนให้คนไข้ของหมอสันต์กลับไปขับรถได้หรือไม่ อีกสามเดือนจะกลับมาเล่าให้ฟังนะครับ แต่ที่แน่ๆคือโครเก้บังคับให้คนแก่หลายคนวิ่งขึ้นเขาลงเขาเพื่อตามเก็บลูกบอลของตัวเองได้ ฮิ..ฺฺฮิ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์