คุยกันเรื่องสถิติเพื่อการอ่านงานวิจัยและตำราแพทย์

ถึง อาจารย์สันต์ ใจยอดศิลป์
     สวัสดีครับ ผมนศพ. ... เป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครับ ผมได้อ่านบทความเรื่อง “เรื่องสถิติการแพทย์ คนที่ไม่อยากให้ชีวิตลำบากโปรดอย่าอ่าน” ที่โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2555 เพราะด้วยความที่อยากทบทวนความเข้าใจอีกรอบ เพราะไม่ได้ใช้นานแล้ว ทำให้ผมเข้าใจได้ง่ายขึ้นมาก สร้างวิธีจำของตัวเองง่ายขึ้น แต่ในช่วงท้ายของบทความ ที่เขียนอธิบายยกตัวอย่างว่า Specificity กับ PPV มีความหมายต่างกันนั้น PPV ไม่น่าจะมีค่าเท่ากับ 1 หรือ 100% แต่น่าจะมีค่าเท่ากับ 10,000 หารด้วย 3 + 10,000 เท่ากับ 0.9997 หรือ 99.97% นะครับ
ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าบทความที่เคยเขียนไปแล้วจะแก้ไขใหม่ได้หรือไม่ หรือผมเองที่เข้าใจผิด รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ
ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
นศพ. ...

..............................................................

ตอบครับ

     แฮ้..ดีใจ มีคนอ่านบทความของผมจริงจังจนจับผิดที่ผมเขียนได้ โห บทความเก่าตั้งแปดปียังมีคุณอ่านอยู่นะ คุณหมอไม่ได้เข้าใจอะไรผิดดอกครับ ผมเขียนผิดเอง ผมได้แก้ให้แล้ว ขอบพระคุณที่เขียนมาทักท้วงทันเวลา เพราะถ้ามาช้ากว่านี้อีกแปดปีผมคงหมดปัญญาวิเคราะห์เพราะเป็นอัลไซเมอร์ไปแล้ว

ไหนคุณก็เขียนมาเรื่องสถิติแล้ว ผมขอถือโอกาสนี้เอาบทความที่เพิ่งแก้ไขไปมาลงให้ท่านผู้อ่านทั่วไปที่สนใจได้อ่านอีกครั้ง

..........................................................
      ผมชอบอ่านบล็อกของอาจารย์ แต่ในบทความวันที่ 19 สค. 55 อาจารย์อธิบาย specificity 99.97% แปลว่าถ้าเอาคนไม่เป็นโรคมา 10,000 คน จะตรวจได้ผลลบ 9,997 คน อีก 3 คน (0.03%) ตรวจได้ผลบวก หรือมีผลบวกเทียม 0.03% แล้วอาจารย์ถามว่าอ่านแล้วงงไหม ผมว่าคนอ่านงงนะครับ ผมว่าถ้าเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ว่า
     “..ถ้าตรวจได้ผลบวกในคน 10,000 คน หมายความว่า 9,997 คนติดเชื้อ แต่มีอยู่ 3 คนไม่ติดเชื้อ (แต่ผลทดสอบบอกผิด)..”
พูดแบบนี้อาจารย์ว่าจะเข้าใจง่ายกว่าไหมครับ
ขอบคุณครับ

..............................................................
ตอบครับ

     ขอบคุณมากๆครับที่อ่านแล้วช่วยเขียนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ผมคิดว่าไม่มีใครสนใจ แต่คุณสนใจ ผมรู้สึกดีมากที่จะมีคนคุยเรื่องสถิติด้วย ก็เลยขอถือโอกาสนี้สัมมนากับคุณถึงเรื่องหลักสถิติที่เราใช้กันในทางการแพทย์เสียเลย สำหรับท่านผู้อ่านท่านอื่นที่ไม่อยากหาเรื่องให้ชีวิตตัวเองต้องประสบกับความลำบากโดยใช่เหตุ ผมแนะนำให้ข้ามบทความนี้ไปเสีย ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน

     คำว่า “ความจำเพาะ” หรือ specificity มีคำนิยามในภาษาสถิติว่า “คือโอกาสที่คนไม่เป็นโรค จะตรวจได้ผลลบ (ส่วนที่เหลือนั้นก็ตรวจได้ผลบวก ซึ่งเป็นผลบวกเทียม เพราะไม่ได้เป็นโรค)

     ขณะเดียวกันก็มีคำที่คู่กันคือคำว่า “ความไว” หรือ sensitivity ซึ่งมีคำนิยามในภาษาสถิติว่า “คือโอกาสที่คนที่เป็นโรคแล้ว จะตรวจได้ผลบวก (ส่วนที่เหลือนั้นก็ตรวจได้ผลลบ (ซึ่งเป็นผลลบเทียม เพราะเป็นโรคอยู่แล้วยังตรวจได้ผลลบ)

     ในการตรวจเอดส์ด้วยวิธี ECLIA นั้นมีความไว 100% และมีความจำเพาะ 99.97% หมายความว่าผลลบเทียมไม่มี แต่มีผลบวกเทียม 0.03% แต่ระวังนะครับ การจะเปลี่ยนคำพูดจาก แบบที่ 1 ว่า

       “..ถ้าเอาคนไม่เป็นโรคมา 10,000 คน จะตรวจได้ผลลบ 9,997 คน อีก 3 คน ตรวจได้ผลบวก (ทั้งๆที่ไม่ติดเชื้อ)..”

ไปเป็นพูดแบบที่ 2 ว่า

     “..ถ้าตรวจได้ผลบวกในคน 10,000 คน หมายความว่า 9,997 คนติดเชื้อ แต่มีอยู่ 3 คนไม่ติดเชื้อ..”

     มองเผินก็น่าจะเป็นเรื่องเดียวกันนะครับ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะความจำเพาะ (specificity) เป็นการพูดถึงโอกาสที่คนที่ไม่เป็นโรคจะตรวจได้ผลลบ คือเป็นการพูดถึงฐานที่เป็นจำนวนคน หรือจำนวนผู้ป่วย หรือจำนวนผู้ไม่ป่วย

     ส่วนการพูดในแบบที่สองนั้นเป็นการพูดถึงฐานที่เป็นจำนวนครั้งของการตรวจ (test) ว่าในการตรวจที่ได้ผลบวก 10,000 ครั้งนั้น จะมีกี่ครั้งที่เจ้าของเลือดเป็นโรคจริงๆ ซึ่งการพูดแบบที่ 2 นี้ทางสถิติเรียกว่าเป็นการพูดถึง โอกาสเป็นโรคจริงเมื่อตรวจได้ผลบวก (positive predictive value)

     คุณอาจจะฉุนกึกว่าแล้ว positive predictive value กับ specificity มันต่างกันตรงไหนวะ

     แฮ่..แฮ่ ตัวเลขมันอาจจะเท่ากันหรือเกือบเท่ากันนะครับ แต่มันต่างกันที่ความหมายเวลาเราพูดถึง เพื่อที่เราจะได้ไม่ทะเลาะกัน ผมขอเปลี่ยนวิธีอธิบายใหม่ โดยใช้ตารางที่ในวิชาสถิติเรียกว่า 2 x 2 Contingency Table ซึ่งเขียนเป็นตารางดังนี้



+ve ของจริง
คนเป็นโรค
-ve ของจริง
คนไม่เป็นโรค
Test +ve
ตรวจได้ผลบวก
A
B
Test –ve
ตรวจได้ผลลบ
C
D

     จากตารางข้างบนนี้ ผมจะเขียนนิยามคำทั้งสี่คำเสียใหม่ดังนี้

1.      ความไวของการทดสอบ (Sensitivity) =  a / (a+c)

หมายควายว่าในบรรดาคนที่เป็นโรคจริงๆทั้งหมด (a+c) มีกี่คนที่ตรวจได้ผลบวก (a)

2.       ความจำเพาะของการทดสอบ (Specificity) =  d / (b+d)

หมายควายว่าในบรรดาคนที่ไม่เป็นโรคทั้งหมด (b+d) มีกี่คนที่ตรวจได้ผลลบ (d)

3.      โอกาสเป็นโรคของผลบวก (Positive predictive value) =  a / (a+b)

หมายควายว่าในบรรดาคนที่ตรวจได้ผลบวกทั้งหมด (a+b) มีกี่คนที่เป็นโรคจริง (a)

4.      โอกาสไม่เป็นโรคของผลลบ (Negative predictive value) =  d / (c+d)

หมายควายว่าในบรรดาคนที่ตรวจได้ผลลบทั้งหมด (c+d) มีกี่คนที่ไม่เป็นโรคจริงๆ (d)

     ค่าทั้งสี่ค่าความหมายไม่เหมือนกันสักค่า แต่ผลการคิดตัวเลขอาจจะอนุโลมได้ว่าเท่ากัน ผมจะลองใส่ค่าจริงของการตรวจเอดส์ด้วยวิธี ACLIA ให้ดูนะครับ




+ve ของจริง
คนเป็นโรค
-ve ของจริง
คนไม่เป็นโรค
Test +ve
ตรวจได้ผลบวก
10,000
3
Test –ve
ตรวจได้ผลลบ
0
9,997

     จะเห็นว่าขณะที่ความจำเพาะของการตรวจ (specificity) เท่ากับ =  d / (b+d) หรือ 99.97%

     แต่โอกาสเป็นโรคของผู้ตรวจได้ผลบวก (positive predictive value) เท่ากับ =   a / (a+b) =  0.99970009 หรือคร่าวๆ 99.97%

     คือตัวเลขเท่ากัน แต่เป็นการมองความหมายมาจากคนละมุมมอง คนละความหมาย

    ท่านผู้อ่านท่านอื่นงงมากใช่ไหมครับ ผมบอกแล้ว ถ้าไม่อยากทำชีวิตให้ลำบากอย่าอ่าน ตัวใครตัวมันละครับ ส่วนผมขอตัวไปนอนก่อนแล่ว เพราะเพิ่งกลับมาจากสอน Health Camp มาสามวันสามคืนรวด ยังไม่หายมึน บ๊าย..บาย

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

ทะเลาะกันเรื่องฝุ่น PM 2.5 บ้าจี้ เพ้อเจ้อ หรือว่าไม่รับผิดชอบ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

แจ้งข่าวด่วน หมอสันต์ตัวปลอมกำลังระบาดหนัก

เลิกเสียทีได้ไหม ชีวิตที่ต้องมีอะไรมาจ่อคิวต่อรอให้ทำอยู่ตลอดเวลา

ไปเที่ยวเมืองจีนขึ้นที่สูงแล้วกลับมาป่วยยาว (โรค HAPE)

หมอสันต์สวัสดีปีใหม่ 2568 / 2025

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

"ลู่ความสุข" กับ "ลู่เงิน"