สะเก็ดเงิน กับการไม่ยอมรับ (non-acceptance)
เรียน นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ดิฉันอายุ 43 ปี ได้สนใจปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่คุณหมอแนะนำจริงจังมาเป็นปีแล้ว ความบันดาลใจส่วนหนึ่งดิฉันเป็นโรคสะเก็ดเงิน ไม่สวย บางช่วงถึงกับน่าเกลียด ทั้งคัน ทั้งปวด ทั้งเครียด หมอก็ได้แต่บอกว่ามันเป็นโรคที่ไม่หาย แต่ก็ให้ยาจัง ตอนนี้ได้ Azathioprine และ Neo-Tigason และ Cyclosporine ดิฉันอยากถามคุณหมอสันต์ว่า
1. โรคสะเก็ดเงินนอกจากรักษาด้วยยากินแล้วมีวิธีรักษาอย่างอื่นอีกไหม
2. คนเป็นสะเก็ดเงินควรกินอาหารอย่างไร
3. คนเป็นสะเก็ดเงินควรออกกำลังกายอย่างไร
4. การปฏิบัติธรรมมีผลต่อสะเก็ดเงินอย่างไร
5. เมื่อหันมาปฏิบัติธรรมแล้วทำไมมีความคิดลบมากขึ้น มีความกลัวว่าสะเก็ดเงินจะเป็นมากขึ้นบ้าง กลัวโน่นกลัวนี่บ้าง มีความโกรธ มีความอิจฉา โดยเฉพาะอิจฉาน้องสาวที่เขาสวยกลายเป็นดาวดวงเด่นเป็นขวัญใจทุกคนขณะที่ดิฉันเป็นหญิงตัวลาย และบางครั้งมีความเกลียด เกลียดคนที่ใจแคบและปิดกั้นคนที่ไม่เหมือนตัวเอง สรุปว่ายิ่งปฏิบัติธรรมยิ่งทุกข์ ดิฉันควรจะทำอย่างไร
ขอขอบพระคุณคุณหมอ และขอให้อยู่ตอบคำถามไปนานๆดิฉันจะได้มีที่พึ่งทางใจเมื่อยามทุกข์
.........................................................................
ตอบครับ
ก่อนตอบคำถามขอพูดถึงโรคสะเก็ดเงินสักหน่อยนะว่า โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) นี้ เป็นผื่นผิวหนังที่เกิดจากอะไรไม่รู้ แต่วงการแพทย์เดาเอาว่าคงเกิดจากภูมิคุ้มกันของตัวเองไปแหย่ให้เซลผิวหนังแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นผื่นผิวหนังสีแดงปนเงิน บางครั้งก็เป็นดอกๆ บางครั้งก็เป็นปื้นๆ โรคนี้วงการแพทย์ยังไม่มีวิธีรักษาจำเพาะ
เอาละ ตอบคำถามนะ
1. ถามว่านอกจากกินยาแล้ว โรคสะเก็ดเงินมีวิธีรักษาอย่างอื่นไหม ตอบว่ายังมีอีกสองวิธีครับ ซึ่งได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ได้แก่
1.1 วิธีอบรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตบี. (UVB) แบบว่าเอาคนไข้เข้าไปอยู่ในกล่องคล้ายโลงแก้วที่เปิดไฟไว้เหมือนเตาอบ พอผิวเกรียมได้ที่แล้วก็เอาออกมา
1.2 วิธีย่างด้วยแสงอุลตร้าไวโอเล็ทเอ. (PUVA ย่อมาจาก psoralen – ultraviolet A therapy) คุณเคยเห็นเขาย่างเขียดไหม นั่นแหละ แต่เป็นการย่างในท่ายืน ปิดตาซะก่อน ปิดจู๋ซะด้วยเพื่อป้องกันมะเร็งที่จู๋ โดยก่อนย่างให้กินหรือทายา psoralen ก่อน ยานี้จะเข้าไปอยู่ในยีนที่ศูนย์กลางของเซล พอเซลโดนแสงอุลตร้าไวโอเล็ทเอ.เซลก็จะแตกดังปุ๊ (apoptosis) ตายคาที่ ทำให้เซลผิวหนังที่เป็นโรคหลุดลอกออกไปง่าย
2. ถามว่าคนเป็นสะเก็ดเงินควรกินอาหารอย่างไร ตอบว่ามีหลักฐานวิทยาศาสตร์พอใช้ตอบคำถามนี้ได้อยู่สองชิ้น คือ
งานวิจัยชิ้นที่ 1. เป็นงานวิจัยติดตามดูผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน 3,557 คนที่ได้รับการรักษาด้วยการให้กินอาหารแบบเมดิเตอเรเนียน (ซึ่งเป็นอาหารที่กินผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีท ปลา ถั่ว นัท น้ำมันมะกอก มาก) เมื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มงวดกับการกินในแนวทางอาหารเมดิเตอเรเนียนกับความรุนแรงของการเกิดผื่น พบว่ายิ่งผู้ป่วยเข้มงวดกับแนวทางอาหารเมดิเตอเรเนียนมาก (กินพืชผักมาก) ความรุนแรงของการเกิดผื่นยิ่งน้อยลง
งานวิจัยชิ้นที่ 2. เป็นงานวิจัยดั้งเดิมที่ทำมานานแล้ว เอาคนไข้โรคผิวหนังต่างๆมาทดลองอดอาหารแล้วตามด้วยให้เริ่มอาหารแบบใหม่เป็นมังสะวิรัติร้อยเปอร์เซ็นต์ (vegan) คือมังแบบ ไม่เนื้อ + ไม่ไข่ + ไม่นม แล้วพบว่าคนไข้โรคผิวหนังทุกชนิดผื่นยุบลงช่วงอดอาหาร แต่พอเริ่มกินอาหารใหม่ (อาหาร vegan นะ) โรคผิวหนังชนิดอื่นผื่นกลับเห่อขึ้นมาใหม่ แต่คนไข้โรคสะเก็ดเงินผื่นหายแล้วหายเลยไม่กลับเป็นใหม่
ดังนั้น จากงานวิจัยทั้งสองนี้ผมแนะนำว่าคนเป็นสะเก็ดเงินหากทำได้ควรกินอาหารเจแบบไขมันต่ำไม่กินเนื้อสัตว์ใดๆทั้งสิ้น แต่ถ้าทำไม่ได้ก็กินอาหารพืชเป็นหลัก มีเนื้อสัตว์ให้น้อยที่สุด
3. ถามว่าคนเป็นสะเก็ดเงินควรออกกำลังกายอย่างไร ตอบว่าควรออกกำลังกายตามแบบมาตรฐานสำหรับคนทั่วไปนั่นแหละ กล่าวคือให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกให้ถึงระดับหนักพอควร (หอบแฮ่กๆ ร้องเพลงไม่ได้) วันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 ครั้ง ควบกับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (เล่นกล้าม) อีกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
4. ถามว่าการปฏิบัติธรรมมีผลต่อสะเก็ดเงินอย่างไร ตอบว่ามีงานวิจัยระดับสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบซึ่งเป็นงานวิจัยระดับสูงสุดเสียด้วย ทำวิจัยกันที่แมสซาจูเส็ท เอาผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) ที่ต้องรักษาด้วยการย่างแบบ PUVA จำนวน 37 คนมาสุ่มตัวอย่างแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้ฝึกสติ (MBSR) ควบไปด้วย อีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้ฝึกสติ แล้วใช้การประเมินผิวหนังหรือภาพถ่ายผิวหนังโดยแพทย์โรคผิวหนังที่ถูกปิดบังข้อมูลวิจัยเป็นตัวชี้วัด พบว่ากลุ่มที่ฝึกสติไปด้วยมีอัตราการหายของผื่นผิวหนังมากกว่าและเร็วกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นผมจึงตอบคุณได้เต็มปากเต็มคำว่าการปฏิบัติธรรมหากทำถูกต้องจะทำให้โรคสะเก็ดเงินดีขึ้นนะ
5. ถามว่าทำไมเมื่อหันมาปฏิบัติธรรมแล้วมีความคิดลบมากขึ้น ตอบว่าเพราะคุณกำลังปฏิบัติอยู่ในสนามเบื้องต้น คือสนามของความคิด ถ้าเปรียบเหมือนการเตะบอลกันในอังกฤษก็เท่ากับว่าคุณนึกว่าคุณเตะมาถึงระดับชาติแล้ว แต่ว่าความจริงถึงจะเป็นการเตะระดับชาติแต่คุณยังอยู่โน่น ดิวิชั่น 5 อยู่เลย ชาตินี้จะได้ขึ้นไปเตะในพรีเมียร์ลีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เมื่อคุณปฏิบัติอยู่ในสนามของความคิด มันจึงเป็นธรรมดาที่คุณจะรับรู้ความคิดได้มากขึ้น
แต่สนามนี้ก็ใช่ว่าจะพัฒนาคุณไม่ได้ ในสนามความคิด หากคุณรู้จักเลือกความคิด คุณก็พัฒนาขึ้นไปเตะในดิวิชั่นสูงๆขึ้นไปได้ ในสนามนี้ผมสอนให้คุณเอาชนะอุปสรรคตัวเดียวคือการไม่ยอมรับ (non-acceptance) ทุกอย่างที่คุณมีอยู่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ให้ได้เสียก่อน เพราะการไม่ยอมรับเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้คุณขึ้นไปเตะลีกสูงขึ้นไปไม่ได้ ได้แต่วนเวียนอยู่กับความคิด กลัว อิจฉา โกรธ เกลียด อยู่นั่นแหละ ในสนามระดับนี้แค่คุณรู้จักมองรู้จักคิด คุณก็พลิกเกมได้แล้ว ตรงนี้ผมขอยกกวีของรูมี (Rumi) มาให้คุณอ่านแทนคำพูดของผมนะ รูมีสอนว่า
"..แล้วอะไรหรือที่เป็น "ความกลัว" ในชีวิตเรานี้
ก็การไม่ยอมรับว่าทุกอย่างในชีวิตนี้มันล้วนไม่แน่นอนนั่นแหละคือความกลัวในชีวิต หากเรายอมรับความไม่แน่นอนในชีวิตได้ ชีวิตก็เป็นเรื่องของการผจญภัยไม่ใช่เรื่องของความกลัวอีกต่อไป
แล้วอะไรหรือที่เป็น "ความอิจฉา" ในชีวิตเรา
ก็การไม่ยอมรับความดีงามของคนอื่นนั่นแหละคือความอิจฉา ถ้าเรายอมรับความดีงามของคนอื่น สิ่งเหล่านั้นก็จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เรามุ่งหามุ่งทำสิ่งดีๆต่อไป
แล้วอะไรหรือที่เป็น "ความโกรธ" ในชีวิตเรา
ก็การที่ไม่ยอมรับว่าสิ่งทั้งหลายในชีวิตเรานี้มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรานั่นแหละคือความโกรธ หากเรายอมรับความจริงอันนี้ได้มันก็จะกลายเป็นความเอื้ออาทรโอนอ่อนผ่อนปรนไป
แล้วอะไรหรือที่เป็น "ความเกลียด" ในชีวิตเรา
ก็การไม่ยอมรับคนอื่นอย่างที่เขาเป็นนั่นแหละคือความเกลียดในชีวิตเรา หากเรายอมรับคนอื่นอย่างที่เขาเป็นได้ มันก็จะกลายเป็นความรักหรือเมตตาธรรมไป.."
แต่ว่าถึงบรมครูรูมีจะสอนให้คิดดีอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดอย่างไรเสียคุณก็ต้องขึ้นมาเล่นในสนามที่สูงขึ้นมาจากสนามของความคิด ผมแนะนำให้คุณถอยความสนใจออกมาจากความคิดมาเป็นผู้สังเกตมองดูความคิด aware of a thought ถ้าคุณทำได้ นั่นก็คือคุณหลุดขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีกได้แล้วนะ เพราะเมื่อหมดความคิดคุณเป็นกลายเป็นความตื่นไปแล้ว สนามลึกสุดระดับนี้มันขึ้นมาถึงยากก็จริง แต่มาถึงแล้วมันกลับเล่นไม่ยาก คุณพยายามขึ้นไปให้ถึงก่อนแล้วจะเห็นจริงตามที่ผมว่า
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Phan C, Touvier M et al. Association Between Mediterranean Anti-inflammatory Dietary Profile and Severity of Psoriasis. Results From the NutriNet-Santé Cohort. JAMA Dermatol. Published online July 25, 2018. doi:10.1001/jamadermatol.2018.2127
2. Lithell H, Bruce A, Gustafsson IB, Höglund NJ, Karlström B, Ljunghall K, Sjölin K, Venge P, Werner I, Vessby B. A fasting and vegetarian diet treatment trial on chronic inflammatory disorders. Acta Derm Venereol. 1983;63(5):397-403.
3. Kabat-Zinn, J., Wheeler, E., Light, T., Skillings, A., Scharf, M. J., Cropley, T. G., et al. (1998). Influence of a mindfulness meditation-based stress reduction intervention on rates of skin clearing in patients with moderate to severe psoriasis undergoing phototherapy (UVB) and photochemotherapy (PUVA). Psychosomatic Medicine, 60(5), 625.
ดิฉันอายุ 43 ปี ได้สนใจปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่คุณหมอแนะนำจริงจังมาเป็นปีแล้ว ความบันดาลใจส่วนหนึ่งดิฉันเป็นโรคสะเก็ดเงิน ไม่สวย บางช่วงถึงกับน่าเกลียด ทั้งคัน ทั้งปวด ทั้งเครียด หมอก็ได้แต่บอกว่ามันเป็นโรคที่ไม่หาย แต่ก็ให้ยาจัง ตอนนี้ได้ Azathioprine และ Neo-Tigason และ Cyclosporine ดิฉันอยากถามคุณหมอสันต์ว่า
1. โรคสะเก็ดเงินนอกจากรักษาด้วยยากินแล้วมีวิธีรักษาอย่างอื่นอีกไหม
2. คนเป็นสะเก็ดเงินควรกินอาหารอย่างไร
3. คนเป็นสะเก็ดเงินควรออกกำลังกายอย่างไร
4. การปฏิบัติธรรมมีผลต่อสะเก็ดเงินอย่างไร
5. เมื่อหันมาปฏิบัติธรรมแล้วทำไมมีความคิดลบมากขึ้น มีความกลัวว่าสะเก็ดเงินจะเป็นมากขึ้นบ้าง กลัวโน่นกลัวนี่บ้าง มีความโกรธ มีความอิจฉา โดยเฉพาะอิจฉาน้องสาวที่เขาสวยกลายเป็นดาวดวงเด่นเป็นขวัญใจทุกคนขณะที่ดิฉันเป็นหญิงตัวลาย และบางครั้งมีความเกลียด เกลียดคนที่ใจแคบและปิดกั้นคนที่ไม่เหมือนตัวเอง สรุปว่ายิ่งปฏิบัติธรรมยิ่งทุกข์ ดิฉันควรจะทำอย่างไร
ขอขอบพระคุณคุณหมอ และขอให้อยู่ตอบคำถามไปนานๆดิฉันจะได้มีที่พึ่งทางใจเมื่อยามทุกข์
.........................................................................
ตอบครับ
ก่อนตอบคำถามขอพูดถึงโรคสะเก็ดเงินสักหน่อยนะว่า โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) นี้ เป็นผื่นผิวหนังที่เกิดจากอะไรไม่รู้ แต่วงการแพทย์เดาเอาว่าคงเกิดจากภูมิคุ้มกันของตัวเองไปแหย่ให้เซลผิวหนังแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นผื่นผิวหนังสีแดงปนเงิน บางครั้งก็เป็นดอกๆ บางครั้งก็เป็นปื้นๆ โรคนี้วงการแพทย์ยังไม่มีวิธีรักษาจำเพาะ
เอาละ ตอบคำถามนะ
1. ถามว่านอกจากกินยาแล้ว โรคสะเก็ดเงินมีวิธีรักษาอย่างอื่นไหม ตอบว่ายังมีอีกสองวิธีครับ ซึ่งได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ได้แก่
1.1 วิธีอบรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตบี. (UVB) แบบว่าเอาคนไข้เข้าไปอยู่ในกล่องคล้ายโลงแก้วที่เปิดไฟไว้เหมือนเตาอบ พอผิวเกรียมได้ที่แล้วก็เอาออกมา
1.2 วิธีย่างด้วยแสงอุลตร้าไวโอเล็ทเอ. (PUVA ย่อมาจาก psoralen – ultraviolet A therapy) คุณเคยเห็นเขาย่างเขียดไหม นั่นแหละ แต่เป็นการย่างในท่ายืน ปิดตาซะก่อน ปิดจู๋ซะด้วยเพื่อป้องกันมะเร็งที่จู๋ โดยก่อนย่างให้กินหรือทายา psoralen ก่อน ยานี้จะเข้าไปอยู่ในยีนที่ศูนย์กลางของเซล พอเซลโดนแสงอุลตร้าไวโอเล็ทเอ.เซลก็จะแตกดังปุ๊ (apoptosis) ตายคาที่ ทำให้เซลผิวหนังที่เป็นโรคหลุดลอกออกไปง่าย
งานวิจัยชิ้นที่ 1. เป็นงานวิจัยติดตามดูผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน 3,557 คนที่ได้รับการรักษาด้วยการให้กินอาหารแบบเมดิเตอเรเนียน (ซึ่งเป็นอาหารที่กินผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีท ปลา ถั่ว นัท น้ำมันมะกอก มาก) เมื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มงวดกับการกินในแนวทางอาหารเมดิเตอเรเนียนกับความรุนแรงของการเกิดผื่น พบว่ายิ่งผู้ป่วยเข้มงวดกับแนวทางอาหารเมดิเตอเรเนียนมาก (กินพืชผักมาก) ความรุนแรงของการเกิดผื่นยิ่งน้อยลง
งานวิจัยชิ้นที่ 2. เป็นงานวิจัยดั้งเดิมที่ทำมานานแล้ว เอาคนไข้โรคผิวหนังต่างๆมาทดลองอดอาหารแล้วตามด้วยให้เริ่มอาหารแบบใหม่เป็นมังสะวิรัติร้อยเปอร์เซ็นต์ (vegan) คือมังแบบ ไม่เนื้อ + ไม่ไข่ + ไม่นม แล้วพบว่าคนไข้โรคผิวหนังทุกชนิดผื่นยุบลงช่วงอดอาหาร แต่พอเริ่มกินอาหารใหม่ (อาหาร vegan นะ) โรคผิวหนังชนิดอื่นผื่นกลับเห่อขึ้นมาใหม่ แต่คนไข้โรคสะเก็ดเงินผื่นหายแล้วหายเลยไม่กลับเป็นใหม่
ดังนั้น จากงานวิจัยทั้งสองนี้ผมแนะนำว่าคนเป็นสะเก็ดเงินหากทำได้ควรกินอาหารเจแบบไขมันต่ำไม่กินเนื้อสัตว์ใดๆทั้งสิ้น แต่ถ้าทำไม่ได้ก็กินอาหารพืชเป็นหลัก มีเนื้อสัตว์ให้น้อยที่สุด
3. ถามว่าคนเป็นสะเก็ดเงินควรออกกำลังกายอย่างไร ตอบว่าควรออกกำลังกายตามแบบมาตรฐานสำหรับคนทั่วไปนั่นแหละ กล่าวคือให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกให้ถึงระดับหนักพอควร (หอบแฮ่กๆ ร้องเพลงไม่ได้) วันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 ครั้ง ควบกับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (เล่นกล้าม) อีกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
4. ถามว่าการปฏิบัติธรรมมีผลต่อสะเก็ดเงินอย่างไร ตอบว่ามีงานวิจัยระดับสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบซึ่งเป็นงานวิจัยระดับสูงสุดเสียด้วย ทำวิจัยกันที่แมสซาจูเส็ท เอาผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) ที่ต้องรักษาด้วยการย่างแบบ PUVA จำนวน 37 คนมาสุ่มตัวอย่างแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้ฝึกสติ (MBSR) ควบไปด้วย อีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้ฝึกสติ แล้วใช้การประเมินผิวหนังหรือภาพถ่ายผิวหนังโดยแพทย์โรคผิวหนังที่ถูกปิดบังข้อมูลวิจัยเป็นตัวชี้วัด พบว่ากลุ่มที่ฝึกสติไปด้วยมีอัตราการหายของผื่นผิวหนังมากกว่าและเร็วกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นผมจึงตอบคุณได้เต็มปากเต็มคำว่าการปฏิบัติธรรมหากทำถูกต้องจะทำให้โรคสะเก็ดเงินดีขึ้นนะ
5. ถามว่าทำไมเมื่อหันมาปฏิบัติธรรมแล้วมีความคิดลบมากขึ้น ตอบว่าเพราะคุณกำลังปฏิบัติอยู่ในสนามเบื้องต้น คือสนามของความคิด ถ้าเปรียบเหมือนการเตะบอลกันในอังกฤษก็เท่ากับว่าคุณนึกว่าคุณเตะมาถึงระดับชาติแล้ว แต่ว่าความจริงถึงจะเป็นการเตะระดับชาติแต่คุณยังอยู่โน่น ดิวิชั่น 5 อยู่เลย ชาตินี้จะได้ขึ้นไปเตะในพรีเมียร์ลีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เมื่อคุณปฏิบัติอยู่ในสนามของความคิด มันจึงเป็นธรรมดาที่คุณจะรับรู้ความคิดได้มากขึ้น
แต่สนามนี้ก็ใช่ว่าจะพัฒนาคุณไม่ได้ ในสนามความคิด หากคุณรู้จักเลือกความคิด คุณก็พัฒนาขึ้นไปเตะในดิวิชั่นสูงๆขึ้นไปได้ ในสนามนี้ผมสอนให้คุณเอาชนะอุปสรรคตัวเดียวคือการไม่ยอมรับ (non-acceptance) ทุกอย่างที่คุณมีอยู่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ให้ได้เสียก่อน เพราะการไม่ยอมรับเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้คุณขึ้นไปเตะลีกสูงขึ้นไปไม่ได้ ได้แต่วนเวียนอยู่กับความคิด กลัว อิจฉา โกรธ เกลียด อยู่นั่นแหละ ในสนามระดับนี้แค่คุณรู้จักมองรู้จักคิด คุณก็พลิกเกมได้แล้ว ตรงนี้ผมขอยกกวีของรูมี (Rumi) มาให้คุณอ่านแทนคำพูดของผมนะ รูมีสอนว่า
"..แล้วอะไรหรือที่เป็น "ความกลัว" ในชีวิตเรานี้
ก็การไม่ยอมรับว่าทุกอย่างในชีวิตนี้มันล้วนไม่แน่นอนนั่นแหละคือความกลัวในชีวิต หากเรายอมรับความไม่แน่นอนในชีวิตได้ ชีวิตก็เป็นเรื่องของการผจญภัยไม่ใช่เรื่องของความกลัวอีกต่อไป
แล้วอะไรหรือที่เป็น "ความอิจฉา" ในชีวิตเรา
ก็การไม่ยอมรับความดีงามของคนอื่นนั่นแหละคือความอิจฉา ถ้าเรายอมรับความดีงามของคนอื่น สิ่งเหล่านั้นก็จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เรามุ่งหามุ่งทำสิ่งดีๆต่อไป
แล้วอะไรหรือที่เป็น "ความโกรธ" ในชีวิตเรา
ก็การที่ไม่ยอมรับว่าสิ่งทั้งหลายในชีวิตเรานี้มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรานั่นแหละคือความโกรธ หากเรายอมรับความจริงอันนี้ได้มันก็จะกลายเป็นความเอื้ออาทรโอนอ่อนผ่อนปรนไป
แล้วอะไรหรือที่เป็น "ความเกลียด" ในชีวิตเรา
ก็การไม่ยอมรับคนอื่นอย่างที่เขาเป็นนั่นแหละคือความเกลียดในชีวิตเรา หากเรายอมรับคนอื่นอย่างที่เขาเป็นได้ มันก็จะกลายเป็นความรักหรือเมตตาธรรมไป.."
แต่ว่าถึงบรมครูรูมีจะสอนให้คิดดีอย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดอย่างไรเสียคุณก็ต้องขึ้นมาเล่นในสนามที่สูงขึ้นมาจากสนามของความคิด ผมแนะนำให้คุณถอยความสนใจออกมาจากความคิดมาเป็นผู้สังเกตมองดูความคิด aware of a thought ถ้าคุณทำได้ นั่นก็คือคุณหลุดขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีกได้แล้วนะ เพราะเมื่อหมดความคิดคุณเป็นกลายเป็นความตื่นไปแล้ว สนามลึกสุดระดับนี้มันขึ้นมาถึงยากก็จริง แต่มาถึงแล้วมันกลับเล่นไม่ยาก คุณพยายามขึ้นไปให้ถึงก่อนแล้วจะเห็นจริงตามที่ผมว่า
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Phan C, Touvier M et al. Association Between Mediterranean Anti-inflammatory Dietary Profile and Severity of Psoriasis. Results From the NutriNet-Santé Cohort. JAMA Dermatol. Published online July 25, 2018. doi:10.1001/jamadermatol.2018.2127
2. Lithell H, Bruce A, Gustafsson IB, Höglund NJ, Karlström B, Ljunghall K, Sjölin K, Venge P, Werner I, Vessby B. A fasting and vegetarian diet treatment trial on chronic inflammatory disorders. Acta Derm Venereol. 1983;63(5):397-403.
3. Kabat-Zinn, J., Wheeler, E., Light, T., Skillings, A., Scharf, M. J., Cropley, T. G., et al. (1998). Influence of a mindfulness meditation-based stress reduction intervention on rates of skin clearing in patients with moderate to severe psoriasis undergoing phototherapy (UVB) and photochemotherapy (PUVA). Psychosomatic Medicine, 60(5), 625.