ทำไมหมอไม่ออกกำลังกาย
อาจารย์สันต์ที่นับถือ
หนูเป็น resident อยู่ที่...... ค่ะ ติดตามอาจารย์มาตั้งแต่ The Symptom ชอบใจที่อาจารย์บอกคนไข้ว่า
“หมอไม่ออกกำลังกายเพราะเขาวางหลักสูตรไว้ไม่ให้ออกกำลังกาย คือให้เรียน 6 ปี แต่ให้อ่านหนังสือ 12 ปี คืออ่านมันทั้งกลางวันกลางคืน”
ถูกใจหนูจริงๆ หนูมองเพื่อน resident ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ มีน้อยมากที่จะได้ออกกำลังกายกันเป็นกิจจะลักษณะ แสดงว่าเป็นเพราะระบบการสอนการอบรมใช่ไหมคะ แล้วอย่างนี้จะแก้ไขอย่างไรละคะอาจารย์
....................................................
ตอบครับ
อ้าว.. นี่คุณจะเสี้ยมให้ผมมีเรื่องกับครูของคุณเสียแล้วเรอะนี่ อย่าน่า อย่าลืมว่าผมเองก็จบมาจากโรงเรียนแพทย์เหมือนกันนะจะไปต่อว่าสถาบันที่อบรมสั่งสอนตัวเองมาได้อย่างไร แต่ว่าไหนๆคุณก็เขียนมาแล้ว ผมขออนุญาตคัดลอกจดหมายของสมเด็จพระราชบิดา ลงวันที่ 4 กพ. 2471 ซึ่งที่มีไปถึงสมาชิกสโมสรแพทย์จุฬาฯ ดังนี้
“...ท่านไม่ควรเรียนวิชานี้ขึ้นใจแล้วใช้เป็นเครื่องมือหากินเท่านั้น ควรเก็บคำสอนใส่ใจและประพฤติตาม ผู้ที่จะบำบัดทุกข์ต้องเป็นตัวอย่างความประพฤติซึ่งจะนำมาแห่งสุขภาพ แพทย์ที่ไม่ประพฤติตามวิธีที่ตัวสอนแก่คนไข้แล้ว จะหาความไว้วางใจจากคนไข้ได้อย่างไร
แพทย์ผู้ที่ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนทำ และพูดหลอกให้คนไข้เชื่อนั้น คือแพทย์ทุจริตที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “แคว๊ค” ถึงแม้ผู้นั้นจะได้รับการศึกษาวิทยาศาสตร์
ท่านนายแพทย์บุนเดสเซนได้กล่าวว่านักสุขวิทยาทุกคนจะต้องอยู่กินเป็นตัวอย่างสุขภาพ จึงจะเป็นพ่อค้าความสุขดี ในขณะที่ท่านประกอบกิจแพทย์ อย่านึกว่าท่านตัวคนเดียว จงนึกว่าท่านเป็นสมาชิกของ “สงฆ์” คณะหนึ่ง คือคณะแพทย์ ท่านทำดีหรือร้าย ได้ความเชื่อถือหรือความดูถูก เพื่อนแพทย์อื่นๆจะพลอยยินดีเจ็บร้อนอับอายด้วย...”
เนื้อหา คม ชัด ลึก ดีไหมครับ ผมจบแค่นี้ มิอาจคอมเมนท์เพิ่มเติม
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล. ประมวลลายพระหัตถ์ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จัดพิมพ์เนื่องในวันมหิดล 24 กันยายน 2508.
หนูเป็น resident อยู่ที่...... ค่ะ ติดตามอาจารย์มาตั้งแต่ The Symptom ชอบใจที่อาจารย์บอกคนไข้ว่า
“หมอไม่ออกกำลังกายเพราะเขาวางหลักสูตรไว้ไม่ให้ออกกำลังกาย คือให้เรียน 6 ปี แต่ให้อ่านหนังสือ 12 ปี คืออ่านมันทั้งกลางวันกลางคืน”
ถูกใจหนูจริงๆ หนูมองเพื่อน resident ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ มีน้อยมากที่จะได้ออกกำลังกายกันเป็นกิจจะลักษณะ แสดงว่าเป็นเพราะระบบการสอนการอบรมใช่ไหมคะ แล้วอย่างนี้จะแก้ไขอย่างไรละคะอาจารย์
....................................................
ตอบครับ
อ้าว.. นี่คุณจะเสี้ยมให้ผมมีเรื่องกับครูของคุณเสียแล้วเรอะนี่ อย่าน่า อย่าลืมว่าผมเองก็จบมาจากโรงเรียนแพทย์เหมือนกันนะจะไปต่อว่าสถาบันที่อบรมสั่งสอนตัวเองมาได้อย่างไร แต่ว่าไหนๆคุณก็เขียนมาแล้ว ผมขออนุญาตคัดลอกจดหมายของสมเด็จพระราชบิดา ลงวันที่ 4 กพ. 2471 ซึ่งที่มีไปถึงสมาชิกสโมสรแพทย์จุฬาฯ ดังนี้
“...ท่านไม่ควรเรียนวิชานี้ขึ้นใจแล้วใช้เป็นเครื่องมือหากินเท่านั้น ควรเก็บคำสอนใส่ใจและประพฤติตาม ผู้ที่จะบำบัดทุกข์ต้องเป็นตัวอย่างความประพฤติซึ่งจะนำมาแห่งสุขภาพ แพทย์ที่ไม่ประพฤติตามวิธีที่ตัวสอนแก่คนไข้แล้ว จะหาความไว้วางใจจากคนไข้ได้อย่างไร
แพทย์ผู้ที่ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนทำ และพูดหลอกให้คนไข้เชื่อนั้น คือแพทย์ทุจริตที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “แคว๊ค” ถึงแม้ผู้นั้นจะได้รับการศึกษาวิทยาศาสตร์
ท่านนายแพทย์บุนเดสเซนได้กล่าวว่านักสุขวิทยาทุกคนจะต้องอยู่กินเป็นตัวอย่างสุขภาพ จึงจะเป็นพ่อค้าความสุขดี ในขณะที่ท่านประกอบกิจแพทย์ อย่านึกว่าท่านตัวคนเดียว จงนึกว่าท่านเป็นสมาชิกของ “สงฆ์” คณะหนึ่ง คือคณะแพทย์ ท่านทำดีหรือร้าย ได้ความเชื่อถือหรือความดูถูก เพื่อนแพทย์อื่นๆจะพลอยยินดีเจ็บร้อนอับอายด้วย...”
เนื้อหา คม ชัด ลึก ดีไหมครับ ผมจบแค่นี้ มิอาจคอมเมนท์เพิ่มเติม
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล. ประมวลลายพระหัตถ์ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จัดพิมพ์เนื่องในวันมหิดล 24 กันยายน 2508.