กินยา Albendazole แล้วกลัวตัวตืดขึ้นสมอง
สวัสดีค่ะคุณหมอ
หนูมีเรื่องสอบถามค่ะ คือ แม่หนูให้กินยาถ่ายพยาธิ Albendazole 400 mg. 1 เม็ดค่ะ แต่หลังจากนั้นเพื่อนหนูที่เป็นคุณหมอบอกว่าไม่ควรซื้อมากินเอง ควรไปตรวจอุจจาระก่อนว่าเป็นพยาธิตัวใด เพราะถ้าหากเป็นพยาธิตัวตืด จะทำให้มันตายแต่ปลองแก่ของมันจะหลุดแล้วถูกขย้อนเข้าไปในกระเพาะอาหารแล้วขึ้นสู่สมองได้ แต่หนูกินยาเข้าไปแล้วค่ะ 1 เม็ด ไม่ทราบว่าเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ
ขอบคุณค่ะ
………………………………….
ตอบครับ
1. เอาประเด็นที่คุณกังวลก่อนนะ ว่าการกินยา albendazole จะไปทำให้ปล้องพยาธิตัวตืดหมู (taenia solium) ซึ่งอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ หลุดจากตัวแม่ แล้วถูกขย้อนขึ้นไปถึงกระเพาะอาหาร แล้วกลายเป็นตัวอ่อน (cysticercus)วิ่งขึ้นไปฝังในสมอง มันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ตอบว่ามันเป็นแค่ความเสี่ยงในจินตนาการ (theoretical risk) ยังไม่เคยมีเรื่องจริงเกิดขึ้นในโลกนี้แม้แต่เพียงรายเดียว ดังนั้นอย่าไปกังวลสติแตกกับจินตนาการเลยครับ
เพื่อให้คุณเข้าใจเรื่องนี้ถ่องแท้ยิ่งขึ้น ผมขอขยายความเรื่องพยาธิตัวตืดหมูให้ฟังนิดหนึ่ง คือพยาธิตัวตืด (cystodes) เป็นพยาธิที่ต้องมีผู้ให้ที่พักพิง (host) สองเจ้า คือผู้ให้ที่พักพิงชั่วคราว อันได้แก่สัตว์ เช่น หมู วัว สุนัข ปลา เป็นต้น กับผู้ให้ที่พักพิงถาวร คือคน วงจรชีวิตของพยาธิตัวตืดเริ่มจากตัวแม่ที่อยู่ในลำไส้ของผู้ให้ที่พักพิงถาวร (คือคน) แตกตัวเป็นปล้องๆแต่ละปล้องมีไข่อยู่เต็มแล้วปล้องแก่ๆก็จะหลุดออกมาพร้อมกับอุจจาระของคน แล้วผู้ให้ที่พักพิงชั่วคราวเช่นหมู วัว สุนัข ปลา มากินอุจจาระของคนเข้าไป เมื่อไข่ไปถึงกระเพาะอาหารของหมูวัวสุนัขปลาก็จะกลายเป็นตัวอ่อนไชเข้าไปทางผนังสำไส้ ไปตามกระแสเลือด แล้วไปสิงสถิตอยู่ตามเนื้อเยื่อต่างๆของผู้ให้ที่พักพิงชั่วคราว เช่นเป็นเม็ดสาคู (cysticercus) ในเนื้อหมูเนื้อวัวหรือเนื้อปลา เมื่อคนซึ่งเป็นผู้ให้ที่พักพิงถาวรมากินเนื้อหมูหรือเนื้อวัวหรือเนื้อปลาที่ดิบๆเข้าไปในกระเพาะอาหาร เม็ดสาคูนี้ก็จะถูกย่อยออกมาเป็นพยาธิตัวแม่ ซึ่งจะเลื้อยลงไปเอาหัวฝังเกาะอยู่ที่ผนังลำไส้แย่งอาหารผู้ให้ที่พักพิงแล้วแตกปล้องออกไข่ต่อไปอีกนานชั่วกัลปาวสาน นี่เป็นวงจรชีวิตแบบคลาสสิกสำหรับพยาธิตัวตืดทุกชนิด แต่พยาธิตืดหมูมันมีความพิเศษตรงที่นอกจากจะใช้คนเป็นที่พักพิงแบบถาวรได้แล้ว มันยังสามารถใช้คนเป็นที่พักพิงแบบชั่วคราวได้ด้วย ดังนั้นสำหรับตืดหมูจึงมีวิธีติดต่ออีกแบบหนึ่งคือแบบ autoinfection พูดง่ายๆว่าแบบ “คนกินอึคน” หมายความว่าอุจจาระของคนที่มีไข่พยาธิปนเปื้อนอยู่ในอาหารเช่นผักผลไม้บ้าง หรือปนเปื้อนอยู่ตามมือไม้ของคนบ้าง แล้วคนกินไข่พวกนี้เข้าไป มันก็จะไปกลายเป็นตัวอ่อนในกระเพาะแล้วไชเข้าไปสิงสถิตย์อยู่ตามเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อเยื่อสมอง ทำให้ชักแด๊กๆเป็นครั้งคราวได้ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเกิดขึ้นแล้วมีแล้วจริงๆ แต่เพื่อให้เรื่องราวมันพิสดารน่าติดตามยิ่งขึ้น หมอส่วนหนึ่งจึงจินตนาการต่อไปว่าการติดต่อแบบกินอึตัวเองนี้มันอาจจะเกิดขึ้นได้ภายในตัวคนโดยไม่ต้องอึออกมาแล้วกินอึเข้าไปอีกหรอก แต่มันอาจจะเกิดขึ้นโดยไข่พยาธิในลำไส้ใหญ่ถูกขย้อนย้อนทางไปถึงกระเพาะอาหาร แล้วก็มีผลเหมือนกินอึตัวเองเข้าไป เรียกว่าเป็นการติดต่อแบบ internal autoinfection แต่นี่เป็นเพียงจินตนาการเฉยๆนะ ยังไม่เคยมีใครพิสูจน์ได้ว่ามีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นจริงๆ ยิ่งการผูกเรื่องว่ากินยา albendazole แล้วทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้ยิ่งเป็นจินตนาการสองเด้ง เพราะยังไม่เคยมีรายงานทางการแพทย์แม้แต่เพียงรายเดียวว่ามีใครที่มีพยาธิตืดหมูอยู่มากินยา albendazole แล้วจะทำให้เกิด internal autoinfection ขึ้น
2. ประเด็นที่เพื่อนเขาแนะนำเรื่องการจะถ่ายพยาธิว่าควรตรวจอุจจาระก่อนให้รู้ว่ามีพยาธิอะไรอยู่บ้าง เมื่อรู้แล้วจะได้เลือกยาถ่ายได้ตรง ผมเห็นว่าเป็นคำแนะนำที่ดีและควรทำตาม แต่คนส่วนใหญ่สมัยนี้มักขี้อายไม่ชอบเอาอึตัวเองไปให้หมอดู จึงมักตัดสินใจกินยาถ่ายพยาธิไปเลย อันนี้ผมก็เข้าใจ และผมก็ยังสนับสนุนว่าเป็นทางเลือกดีเป็นอันดับสองรองจากการตรวจอุจจาระก่อน ดีกว่าวิธีที่ตรวจอุจจาระก็ไม่ตรวจ ถ่ายยาก็ไม่ถ่าย เอาแต่เลี้ยงพยาธิไว้อย่างเดียว
3. ประเด็นขนาดของยา คือยา albendazole ที่คุณกินไปขนาด 400 มก.ครั้งเดียวนั้น จะถ่ายได้แต่พยาธิกระจอกๆเช่นพยาธิเส้นด้าย พยาธิไส้เดือน พยาธิปากขอ พยาธิแส้ม้า เท่านั้น ตอนหลังๆนี้พยาธิแส้ม้าก็ชักดื้อๆเสียแล้ว หากจะกินให้ถ่ายพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวแสบที่เรียกว่า strongyloides ได้ด้วย ต้องกินวันละ 400 มก. นาน 3 วัน และถ้าจะกินให้ถ่ายพยาธิใบไม้ในตับได้ด้วยก็ต้องกิน 400 มก. วันละ 2 ครั้งนานสามวัน ดังนั้นถ้าใครคิดจะทาน albendazole ถ่ายพยาธิแบบยกเล้าก็ควรทาน 400 มก. วันละสองเม็ด นาน 3 วัน
4. ประเด็นการป้องกัน สำหรับท่านผู้อ่านทั่วไป โรคพยาธิในลำไส้นี้ การป้องกันดีกว่าการรักษา พยาธิที่น่ากลัวที่สุดก็คือพยาธิตืดหมู (taenia solium) ซึ่งมาสู่เราได้สองรูปแบบ คือแบบที่หนึ่ง เราไปทานเนื้อหมูดิบ เช่นลาบดิบ แหนมแบบชาวเหนือ (หมูส้ม) ก็จะได้เม็ดสาคูจากเนื้อหมูดิบมาเติบโตเป็นพยาธิตัวแม่ในลำไส้ให้เราเลี้ยงไว้เป็นภาระ แบบที่สองคือเราไปกินอึของชาวบ้านคนอื่น ซึ่งปนเปื้อนมากับอาหารโดยเฉพาะผักและผลม้าสกปรกที่เราทานสดๆ เราก็จะได้ตัวอ่อนที่ชอนไชไปสิงสถิตในสมองของเราแบบที่เรียกว่าเป็นโรค neurocysicercosis ซึ่งจะมีอาการทางสมองเช่นชักไม่รู้จบรู้สิ้น ดังนั้นการป้องกันพยาธิตัวตืดหมูจึงต้องทานเนื้อหมูที่สุกแล้วเสมอ และต้องล้างผักผลไม้ที่จะทานสดๆให้สะอาดปราศจากอึของชาวบ้านทุกครั้งก่อนที่จะเอามาทาน
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Keiser J, Utzinger J. Efficacy of current drugs against soil-transmitted helminth infections: systematic review and meta-aounalysis. JAMA. 2008 Apr 23;299(16):1937-48.
หนูมีเรื่องสอบถามค่ะ คือ แม่หนูให้กินยาถ่ายพยาธิ Albendazole 400 mg. 1 เม็ดค่ะ แต่หลังจากนั้นเพื่อนหนูที่เป็นคุณหมอบอกว่าไม่ควรซื้อมากินเอง ควรไปตรวจอุจจาระก่อนว่าเป็นพยาธิตัวใด เพราะถ้าหากเป็นพยาธิตัวตืด จะทำให้มันตายแต่ปลองแก่ของมันจะหลุดแล้วถูกขย้อนเข้าไปในกระเพาะอาหารแล้วขึ้นสู่สมองได้ แต่หนูกินยาเข้าไปแล้วค่ะ 1 เม็ด ไม่ทราบว่าเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ
ขอบคุณค่ะ
………………………………….
ตอบครับ
1. เอาประเด็นที่คุณกังวลก่อนนะ ว่าการกินยา albendazole จะไปทำให้ปล้องพยาธิตัวตืดหมู (taenia solium) ซึ่งอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ หลุดจากตัวแม่ แล้วถูกขย้อนขึ้นไปถึงกระเพาะอาหาร แล้วกลายเป็นตัวอ่อน (cysticercus)วิ่งขึ้นไปฝังในสมอง มันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ตอบว่ามันเป็นแค่ความเสี่ยงในจินตนาการ (theoretical risk) ยังไม่เคยมีเรื่องจริงเกิดขึ้นในโลกนี้แม้แต่เพียงรายเดียว ดังนั้นอย่าไปกังวลสติแตกกับจินตนาการเลยครับ
เพื่อให้คุณเข้าใจเรื่องนี้ถ่องแท้ยิ่งขึ้น ผมขอขยายความเรื่องพยาธิตัวตืดหมูให้ฟังนิดหนึ่ง คือพยาธิตัวตืด (cystodes) เป็นพยาธิที่ต้องมีผู้ให้ที่พักพิง (host) สองเจ้า คือผู้ให้ที่พักพิงชั่วคราว อันได้แก่สัตว์ เช่น หมู วัว สุนัข ปลา เป็นต้น กับผู้ให้ที่พักพิงถาวร คือคน วงจรชีวิตของพยาธิตัวตืดเริ่มจากตัวแม่ที่อยู่ในลำไส้ของผู้ให้ที่พักพิงถาวร (คือคน) แตกตัวเป็นปล้องๆแต่ละปล้องมีไข่อยู่เต็มแล้วปล้องแก่ๆก็จะหลุดออกมาพร้อมกับอุจจาระของคน แล้วผู้ให้ที่พักพิงชั่วคราวเช่นหมู วัว สุนัข ปลา มากินอุจจาระของคนเข้าไป เมื่อไข่ไปถึงกระเพาะอาหารของหมูวัวสุนัขปลาก็จะกลายเป็นตัวอ่อนไชเข้าไปทางผนังสำไส้ ไปตามกระแสเลือด แล้วไปสิงสถิตอยู่ตามเนื้อเยื่อต่างๆของผู้ให้ที่พักพิงชั่วคราว เช่นเป็นเม็ดสาคู (cysticercus) ในเนื้อหมูเนื้อวัวหรือเนื้อปลา เมื่อคนซึ่งเป็นผู้ให้ที่พักพิงถาวรมากินเนื้อหมูหรือเนื้อวัวหรือเนื้อปลาที่ดิบๆเข้าไปในกระเพาะอาหาร เม็ดสาคูนี้ก็จะถูกย่อยออกมาเป็นพยาธิตัวแม่ ซึ่งจะเลื้อยลงไปเอาหัวฝังเกาะอยู่ที่ผนังลำไส้แย่งอาหารผู้ให้ที่พักพิงแล้วแตกปล้องออกไข่ต่อไปอีกนานชั่วกัลปาวสาน นี่เป็นวงจรชีวิตแบบคลาสสิกสำหรับพยาธิตัวตืดทุกชนิด แต่พยาธิตืดหมูมันมีความพิเศษตรงที่นอกจากจะใช้คนเป็นที่พักพิงแบบถาวรได้แล้ว มันยังสามารถใช้คนเป็นที่พักพิงแบบชั่วคราวได้ด้วย ดังนั้นสำหรับตืดหมูจึงมีวิธีติดต่ออีกแบบหนึ่งคือแบบ autoinfection พูดง่ายๆว่าแบบ “คนกินอึคน” หมายความว่าอุจจาระของคนที่มีไข่พยาธิปนเปื้อนอยู่ในอาหารเช่นผักผลไม้บ้าง หรือปนเปื้อนอยู่ตามมือไม้ของคนบ้าง แล้วคนกินไข่พวกนี้เข้าไป มันก็จะไปกลายเป็นตัวอ่อนในกระเพาะแล้วไชเข้าไปสิงสถิตย์อยู่ตามเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อเยื่อสมอง ทำให้ชักแด๊กๆเป็นครั้งคราวได้ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเกิดขึ้นแล้วมีแล้วจริงๆ แต่เพื่อให้เรื่องราวมันพิสดารน่าติดตามยิ่งขึ้น หมอส่วนหนึ่งจึงจินตนาการต่อไปว่าการติดต่อแบบกินอึตัวเองนี้มันอาจจะเกิดขึ้นได้ภายในตัวคนโดยไม่ต้องอึออกมาแล้วกินอึเข้าไปอีกหรอก แต่มันอาจจะเกิดขึ้นโดยไข่พยาธิในลำไส้ใหญ่ถูกขย้อนย้อนทางไปถึงกระเพาะอาหาร แล้วก็มีผลเหมือนกินอึตัวเองเข้าไป เรียกว่าเป็นการติดต่อแบบ internal autoinfection แต่นี่เป็นเพียงจินตนาการเฉยๆนะ ยังไม่เคยมีใครพิสูจน์ได้ว่ามีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นจริงๆ ยิ่งการผูกเรื่องว่ากินยา albendazole แล้วทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้ยิ่งเป็นจินตนาการสองเด้ง เพราะยังไม่เคยมีรายงานทางการแพทย์แม้แต่เพียงรายเดียวว่ามีใครที่มีพยาธิตืดหมูอยู่มากินยา albendazole แล้วจะทำให้เกิด internal autoinfection ขึ้น
2. ประเด็นที่เพื่อนเขาแนะนำเรื่องการจะถ่ายพยาธิว่าควรตรวจอุจจาระก่อนให้รู้ว่ามีพยาธิอะไรอยู่บ้าง เมื่อรู้แล้วจะได้เลือกยาถ่ายได้ตรง ผมเห็นว่าเป็นคำแนะนำที่ดีและควรทำตาม แต่คนส่วนใหญ่สมัยนี้มักขี้อายไม่ชอบเอาอึตัวเองไปให้หมอดู จึงมักตัดสินใจกินยาถ่ายพยาธิไปเลย อันนี้ผมก็เข้าใจ และผมก็ยังสนับสนุนว่าเป็นทางเลือกดีเป็นอันดับสองรองจากการตรวจอุจจาระก่อน ดีกว่าวิธีที่ตรวจอุจจาระก็ไม่ตรวจ ถ่ายยาก็ไม่ถ่าย เอาแต่เลี้ยงพยาธิไว้อย่างเดียว
3. ประเด็นขนาดของยา คือยา albendazole ที่คุณกินไปขนาด 400 มก.ครั้งเดียวนั้น จะถ่ายได้แต่พยาธิกระจอกๆเช่นพยาธิเส้นด้าย พยาธิไส้เดือน พยาธิปากขอ พยาธิแส้ม้า เท่านั้น ตอนหลังๆนี้พยาธิแส้ม้าก็ชักดื้อๆเสียแล้ว หากจะกินให้ถ่ายพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวแสบที่เรียกว่า strongyloides ได้ด้วย ต้องกินวันละ 400 มก. นาน 3 วัน และถ้าจะกินให้ถ่ายพยาธิใบไม้ในตับได้ด้วยก็ต้องกิน 400 มก. วันละ 2 ครั้งนานสามวัน ดังนั้นถ้าใครคิดจะทาน albendazole ถ่ายพยาธิแบบยกเล้าก็ควรทาน 400 มก. วันละสองเม็ด นาน 3 วัน
4. ประเด็นการป้องกัน สำหรับท่านผู้อ่านทั่วไป โรคพยาธิในลำไส้นี้ การป้องกันดีกว่าการรักษา พยาธิที่น่ากลัวที่สุดก็คือพยาธิตืดหมู (taenia solium) ซึ่งมาสู่เราได้สองรูปแบบ คือแบบที่หนึ่ง เราไปทานเนื้อหมูดิบ เช่นลาบดิบ แหนมแบบชาวเหนือ (หมูส้ม) ก็จะได้เม็ดสาคูจากเนื้อหมูดิบมาเติบโตเป็นพยาธิตัวแม่ในลำไส้ให้เราเลี้ยงไว้เป็นภาระ แบบที่สองคือเราไปกินอึของชาวบ้านคนอื่น ซึ่งปนเปื้อนมากับอาหารโดยเฉพาะผักและผลม้าสกปรกที่เราทานสดๆ เราก็จะได้ตัวอ่อนที่ชอนไชไปสิงสถิตในสมองของเราแบบที่เรียกว่าเป็นโรค neurocysicercosis ซึ่งจะมีอาการทางสมองเช่นชักไม่รู้จบรู้สิ้น ดังนั้นการป้องกันพยาธิตัวตืดหมูจึงต้องทานเนื้อหมูที่สุกแล้วเสมอ และต้องล้างผักผลไม้ที่จะทานสดๆให้สะอาดปราศจากอึของชาวบ้านทุกครั้งก่อนที่จะเอามาทาน
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Keiser J, Utzinger J. Efficacy of current drugs against soil-transmitted helminth infections: systematic review and meta-aounalysis. JAMA. 2008 Apr 23;299(16):1937-48.