นั่งยองๆแล้วลุกขึ้นปวดหลังเดินต่อไม่ได้ ต้องยืดอยู่พักใหญ่

เรียนคุณหมอสันต์

ดิฉันมีสามีแล้ว บุตร 2 คน น.น 51.5 ก.ก. สูง 150 ซ.ม. ความดันโลหิตปกติ ร่างกายแข็งแรงตามแบบฉบับเด็กเกษตร ดิฉันเรียนจบที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ รุ่นที่ 52 ปัจจุบันดิฉันทำงานด้านการปรับปรุงพันธุ์พืช เน้นหนักด้านแตงกวา บวบ มะระ พริกเผ็ด การงานก็หนักค่ะยกของหนักก็บ่อย งานส่วนตัวก็ทำสวนมะม่วง,ลำใย งานบ้านก็หนักค่ะ ขอเข้าคำถาม ดิฉันเวลานั่งยองนานๆแล้วลุกขึ้นจะปวดบริเวณใต้เอวมาก ไม่รู้ว่าเรียกกระเบนเหน็บไหม จะเดินต่อไปไม่ได้ต้องยืดตัวสักพักแล้วจึงค่อยเดินไป ถ้าฝืนเดินต่อไปก็ต้องทำหลังค่อมคล้ายคนแก่เลยค่ะ อาการจะปวดมากก่อนมีประจำเดือน การรักษาก็ทานยาแก้ปวด+คลายกล้ามเนื้อบ้าง แต่ก็แค่หายปวดได้สัก 3 สัปดาห์ก็กลับมาเป็นอีก บางครั้งก็ไปนวดแผนไทยเขาก็จะเน้นตรงกระเบนเหน็บ ก็ไม่หายค่ะ ถ้านวดบ่อบๆจะหายไหมค่ะหมอ หรือมีการทำกายภาพไหมค้นหาได้ที่ไหน แต่ถ้าเป็นยาฉีดไม่รับนะค่ะกลัวมาก
ขอขอบพระคุณ คุณหมอมากค่ะ
..............................................

ตอบครับ

1. นน. 51.5 สูง 150 ซม. คำนวณดัชนีมวลกายได้ 22.9 จัดว่ามีน้ำหนักตัวกำลังดีไม่มากเกินไป ขอชมว่าดูแลตัวเองได้ดีแม้จะมีลูกสองคนแล้ว

2. ฮั่นแน่ เป็นศิษย์เก่าแม้โจ้ด้วย “..แหม่โจ้..แม่โจ้ของเร้า สิ่งที่เราหมายมั่นคือการประลอง” น่าดีใจนะครับที่น้องๆรุ่นหลังเอาถ่านกันดีกว่ารุ่นพี่ รุ่นน้องๆเรียนกันแบบมหาวิทยาลัยจบมาแล้วมาทำสวนปลูกต้นไม้ได้จริงๆ ดีกว่ารุ่นผมตอนเรียนก็เอาแต่เรื่องตะลุบตุ๊บตั๊บ จบมาแล้วก็หาคนปลูกผักปลูกต้นไม้เป็นจริงๆแทบนับตัวได้ ส่วนใหญ่พากันไปเป็นชาวไร่ประเภทนั่งเก้าอี้ แบบที่ฝรั่งเรียกว่า “Armchair Farmers” กันเสียหมด รวมทั้งด๊อกเตอร์ที่เป็นครูใหญ่ของคุณตอนนี้ด้วย อ้าว..เผลอปากเสียแซวท่านอธิการบดีเสียแล้วแฮะ.. ไม่เป็นไรน่า รุ่นเดียวกัน

3. อาการนั่งยองนานๆลุกขึ้นแล้วปวดกระเบนเหน็บจนต้องค่อยๆยืดตัวก่อนจึงจะเดินได้ เกิดจากความล้า (fatique) ของกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง (low back) ผมแนะนำดังนี้

3.1 ปรับท่าร่างในการทำงานเสียใหม่ การนั่งยองๆไม่ใช่ท่าร่างที่ดีในการทำงาน เรื่องแบบนี้ควรเอาอย่างเกษตรกรฝรั่งที่เขานิยมทำแท่นยกงาน (เช่นงานใส่วัสดุปลูกลงกระถาง) ขึ้นมาวางบนพื้นโต๊ะสูงให้ทำงานในท่านั่งเก้าอี้หลังตรงหรือยืนหลังตรงทำได้

3.2 ออกกำลังแบบฝึกกล้ามเนื้อ (muscle training) โดยเลือกใช้ท่าออกกำลังกายสำหรับกล้ามเนื้อหลังทุกวัน วิธีที่ง่ายที่สุดคือการรำกระบองตามแบบของป้าบุญมี ซึ่งผมเอามาลงในบล็อกนี้ถัดจากบทความนี้ไป คุณลองเข้าไปอ่านและทำตามได้เลย

3.3 ฝึกท่าร่างเสียใหม่ (posturing) คือไม่ว่าจะนั่งหรือยืน ต้องอยู่ในท่าหลังตรง ยืดอก แขม่วพุง เสมอ การแขม่วพุงนี้จุดประสงค์เพื่อให้กล้ามเนื้อ rectus abdominis ที่หน้าท้องมีความแข็งแรงพอที่จะช่วยรับน้ำหนักกระดูกสันหลังได้มากขึ้น ถ้าอยากรู้ว่าเราแขม่วพุงได้ที่หรือยังก็ลองเอานิ้วชิ้จิ้มพุงตัวเองดู ถ้ากล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งโป๊กแบบไม้กระดานก็ถือว่าแขม่วพุงได้มากพอใช้ได้

3.4 เลิกทานยาแก้ปวดหลังและยาคลายกล้ามเนื้อเสียทันที การทานยาแก้ปวดโดยเฉพาะยาในกลุ่ม NSAID มีผลเสียมากกว่าผลดี

3.5 การบีบนวดช่วยบรรเทาอาการปวดล้าของกล้ามเนื้อได้แน่นอนครับ ข้อเสียคือมันเป็นการคลายกล้ามเนื้อแบบ passive เทียบกับเอาเวลานั้นไปรำกระบองแบบป้าบุญมีมันเป็นการฝึกกล้ามเนื้อทั้งหดและคลายแบบ active มันดีกว่ากันแยะ อีกอย่างหนึ่งถ้าคุณมั่วแต่เอาเวลาไปให้เขานวด จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแตงกวา บวบ มะระ พริก ละครับ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี