ผมอ่านพบในสื่อ Hfocus.org ว่าเมื่อวันที่ 26 กย. 67 รมต.สธ.ได้จัดแถลงข่าวที่สถาบันบำราศนราดูร และได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้คนทั่วไปตั้งใจดูแลสุขภาพตนเอง โดยท่านรัฐมนตรีได้ตอบว่า
"อาจมีรางวัล หรือมาตรการลดหย่อนภาษี เพราะสถาบันพระบรมราชชนกได้คำนวณวิจัยว่าในคน 50,000 คน มีคนป่วยเป็น NCDs ราว 800 คน จะลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 153 ล้านบาท ถ้าห้าแสนคนก็ลดไป 1,530 ล้านบาท"
และได้พูดว่า
"ถ้าจะลดความเจ็บป่วยและเสียชีวิตของคน ต้องมีทั้งทางเป็นคุณและทางลบ อย่างเช่นคนที่ปฏิบัติตัวตนที่ดีแล้ว จะมีแรงจูงใจอะไรให้บ้าง ได้ฝากให้คณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นเป็นทางการในวันที่ 30 กย. 2657 จะต้องไปพิจารณาว่าจะให้อะไรบ้าง"
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินจากปากของรัฐมนตรีสาธารณสุข ถึงการจะนำแนวคิด Tax Incentive หรือมาตรการจูงใจทางภาษีมาใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แค่ท่านพูดออกมาได้นี่ผมก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องสรรเสริญกันแล้ว
บรรทัดนี้ผมจึงขอประกาศยกย่องท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อย่างออกนอกหน้า เพราะบ้านเมืองของเราหลังการประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในการสร้างระบบสามสิบบาทรักษาทุกโรคมาแล้ว หมอสันต์ต้องคอยมาอกหักกับรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรีซ้ำซากเรื่อยมาทุกยุค ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือเป็นทหาร เขียนจดหมายไปหาก็แล้ว พูดกันแบบตัวต่อตัวก็แล้ว ฝากญาติสนิทมิตรสหายไปบอกก็แล้ว เงียบ..สุน ขอโทษ เงียบสูญไปหมดทุกราย แต่คราวนี้ตัวท่านรัฐมนตรีพูดออกมาเอง ผมจึงเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว
ท่านผู้อ่านอาจจะแปลกใจว่าทำไมหมอสันต์ต้องมาอะไรนักหนากับพวกนักการเมืองด้วย คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ในการจะแก้ปัญหาให้คนหายป่วยจากโรคเรื้อรังนั้น มันต้องเปลี่ยนนิสัยการกินการใช้ชีวิตของคนให้ได้ ซึ่งงานวิจัยทางการแพทย์ในหลายสิบปีที่ผ่านมามันมีวิธีที่ใช้ได้ดีที่สุดประมาณสองวิธีเท่านั้น วิธีแรกคือการเปิดให้คนเห็นแรงบันดาลใจของตัวเองจนมีแรงลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองได้ (Motivational Interview - MI) กับวิธีที่สองคือการสร้างระบบใหญ่ในระดับประเทศหรือระดับสังคมบังคับเอา (Social Ecology Model - SCM) ในระหว่างสองวิธีนี้วิธีที่สองเวอร์คในชีวิตจริงดีที่สุด พิสูจน์มาแล้วในประเทศที่ผู้คนเขาสุขภาพดีกว่าบ้านเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงคโปร์และญี่ปุ่น ในเมืองไทยเราก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในบางเรื่องเช่นการออกกฎหมายห้ามใช้ไขมันทรานส์ทำอาหารสำเร็จรูปขาย ซึ่งได้ผลลดการใช้ไขมันทรานส์อันเป็นต้นเหตุตัวเอ้ของโรคหลอดเลือดไปได้แบบปึ๊ด..ดเดียวจบเลย แล้วกฎหมาย Tax incentive นี่มันเป็นเครื่องมือหลักของทฤษฎี SEM ในแง่ที่จะเปลี่ยนนิสัยการกินการใช้ชีวิตของผู้คนได้สำเร็จ หมอสันต์ก็เลยต้องคอยร้องแรกแหกกะเฌอด้วยเหตุนี้
ก่อนจบ โปรดอย่าลืมเลือก เอ๊ย..ไม่ใช่ โปรดอย่าลืมช่วยกันเชียร์ ช่วยกันสรรเสริญ ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน ให้เข็นกฎหมาย Tax incentive ด้านสุขภาพออกมาใช้ให้เสร็จทันในสมัยของท่าน เพราะผู้จะได้ประโยชน์คือคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งตอนนี้หากถือตามสถิติสาธารณสุขล่าสุด (พ.ศ.2564) คนไทยตายด้วยโรคเรื้อรังเสีย 40.6% ของการตายทั้งหมด และมีอัตราป่วยและตายด้วยโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (ยกตัวอย่างเช่นโรคเบาหวานตายเพิ่ม 20.5% ใน 5 ปี เป็นต้น)
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์