คำพูดใดที่ออกนอกแนวทั้ง 6 ประการนี้ ไม่ใช่ของหมอสันต์แน่นอน
อาจารย์ครับ
รบกวนสอบถามอาจารย์ว่า ตาบทความใน line นี้ อาจารย์เป็นคนเขียนจริงหรือไม่ครับ
……………………………………………………..
ตอบครับ
เป็นบทความของผม แล้วมีผู้เอาไปเขียนใส่สีตีไข่ต่อท้าย (ในกรณีนี้คือ ด่าผู้นิยมอเมริกา) แล้วร่อนต่อๆกันไปว่าโดยมีชื่อนามสกุลผมจั่วหัวเป็นบรรทัดแรก
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และมีแฟนบล็อกที่หวังดีเขียนเข้ามาฟ้องแยะมาก บ้างเอาบทความของผมไปเขียนต่อเพื่อใส่ส่วนที่ตัวเองต้องการแพร่กระจายแล้วอ้างว่าผมเขียน บ้างเอาบทความของผมไปเขียนขยายเพื่อขายสินค้าแล้วอ้างว่าหมอสันต์ว่าสินค้านี้ดี บ้างเอาชื่อนามสกุลและรูปถ่ายของผมไปขายของเช่นยาสีฟันแปรงสีฟันดื้อๆโดยไม่มีบทความ บ้างเอาแต่ชื่อไปไม่ใส่นามสกุลแล้วเขียนอะไรให้คนเข้าใจผิดว่าหมอสันต์เป็นคนเขียน ฯลฯ ผมได้รับฟังคำฟ้องแล้วก็ได้แต่นั่งฟังและทำตาปริบ ปริบ เพราะผมไม่มีแรงที่จะไปตามล้างตามเช็ดความเข้าใจผิดใดๆดอก ยิ่งจะไปปกป้องชื่อเสียงเกียรติยศตัวเองยิ่งไม่ใช่วิสัยเพราะผมแก่จวนจะเข้าโลงอย่างนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องปกป้องอีกแล้ว จึงได้แต่ทิ้งให้เป็นวิจารณญาณของท่านผู้อ่านเอาเองว่าส่วนไหนหมอสันต์เขียนจริง หรือส่วนไหนคนเอาไปใส่สีตีไข่เพิ่มเข้ามา หรือจะให้ดีกว่านั้นก็หากอยากอ่านบทความของหมอสันต์ก็มาอ่านที่เฟซบุ้ค (นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์) หรือเว็บของหมอสันต์ (drsant.com) สิครับ รับประกันว่าจะได้อ่านของแท้ออริจิน่อนรวมทั้งสิ้นกว่าสองพันบทความ ไม่ต้องเสียเวลาเขียนจดหมายมาถามว่านี่ของแท้หรือเปล่า
ไหนๆก็พูดถึงเรื่องการปลอมบทความแล้ว ผมขอถือโอกาสนี้ให้แนวทาง..แบบว่า guidelines ในการวินิจฉัยไว้เสียเลย ว่าคำบอกเล่าใดๆที่ออกนอกแนวดังต่อไปนี้ ไม่ใช่ของหมอสันต์แน่นอน กล่าวคือ
หมอสันต์ไม่ด่ารัฐบาล เพราะหมอสันต์โปรรัฐบาลทุกสมัย ไม่ว่าจะมาจากการลากตั้งหรือเลือกตั้งเนื่องจากต้องการนวดแข้งนวดขาทุกรัฐบาลให้เปลี่ยนนโยบายการสาธารณสุขของชาติให้ลดการเน้นการรักษามาเน้นการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเสียที และจะทำอย่างนี้ไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง หากไปด่ารัฐบาลเสียแล้วจะญาติดีให้รัฐบาลเปลี่ยนนโยบายมาทำอย่างใจตัวเองอยากได้ได้อย่างไร อย่างดีนานๆก็จะแค่เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกบ้างถึงรัฐมนตรีบ้างเป็นการเตือนกลัวท่านลืม แต่ไม่มีด่าหรือตำหนิรัฐบาลเด็ดขาด
หมอสันต์ไม่ด่านักการเมือง เพราะนักการเมืองและผู้ใหญ่ผู้โตจำนวนมากเป็นคนไข้ของหมอสันต์เอง ไปด่าเขาเข้าตัวเองก็จะเสียลูกค้าสิครับ
หมอสันต์ไม่ด่าประเทศโน้นประเทศนี้ สมัยเป็นนักศึกษาหมอสันต์อาจไฮด์ปาร์คด่าจักรวรรดินิยม แต่พอแก่แล้วหมอสันต์มองการไฮไลท์ identity ไม่ว่าจะเป็นเพศ ผิวพรรณ ประเทศ ชาติ ศาสนา ว่าล้วนเป็นการเสี้ยมให้มนุษย์ทำสงครามกันตลอดมาและจะทำให้ลูกหลานต้องทำสงครามกันตลอดไปตราบใดที่ยังไม่เลิกจำแนกเพศ ผิวพรรณ ประเทศ ชาติ ศาสนา ดังนั้นหมอสันต์ ณ ปูนนี้แล้วจึงไม่ด่าประเทศไหนหรือชาติไหนทั้งสิ้น ถือว่าทุกคนเป็นพลเมืองของโลกเหมียนกัลล์หมด
หมอสันต์ไม่ค่อนแคะแนะแหนแพทย์คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นแพทย์โปรรัฐบาล แพทย์ต้านรัฐบาล เพราะการทำอย่างนั้นเป็นการทำผิดข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งบังคับไว้ว่า แพทย์พึงยกย่องให้เกียรติเคารพในศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน ต้องไม่ทับถมให้ร้ายหรือกลั่นแกล้งกัน ต้องไม่ชักจูงผู้ป่วยของผู้อื่นมาเป็นของตน ซึ่งทั้งสามประเด็นนี้หมอสันต์ยึดถือเคร่งครัดเช่นเดียวกับแพทย์แผนปัจจุบันรุ่นโบราณท่านอื่นๆทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นสุดท้ายที่ว่าแพทย์ต้องไม่ “แฮ็บ” ผู้ป่วยของผู้อื่นมาเป็นของตนนั้นหมอสันต์เคร่งครัดมากจนถูกผู้ป่วยพูดใส่หน้าว่าเป็น “หมอใจดำ” หิ หิ เออ..ดำก็ดำละครับ ทำไงได้ล่ะ เพราะแพทยสภาเขาห้ามไว้
หมอสันต์ไม่พูดว่าสินค้านั้นดี สินค้านี้ไม่ดี เพราะหมอสันต์มีเพื่อนเป็นคนค้าขายอยู่หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องวิตามินและอาหารเสริมซึ่งมีผู้ชอบเขียนถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่หมอสันต์มีเพื่อนซี้ทำวิตามินและอาหารเสริมขาย จะไปพูดได้อย่างไรว่ายี่ห้อนี้ดี ยี่ห้อนั้นไม่ดี พูดไปก็เสียเพื่อนหมด
หมอสันต์ไม่ขายของ ยกเว้นการขายคอร์สวิธีดูแลและฟื้นฟูสุขภาพด้วยตนเองและขายอาหารพืชเป็นหลักให้คนหัดลดการกินเนื้อสัตว์มาหัดกินพืชอยู่ที่เวลเนสวีแคร์ที่มวกเหล็ก ซึ่งเป็นการค้าขายเดียวที่หมอสันต์ทำอยู่ด้วยเห็นว่ามันเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ต่อผู้คน ส่วนสินค้าอื่นๆเช่นสบู่ ยาสีฟัน วิตามิน อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สมุนไพร ยา นม โปรตีนผง เครื่องดื่ม เครื่องกรองน้ำ เครื่องทำน้ำกรดน้ำด่าง หมอสันต์ไม่เคยขายเลยแม้ว่าจะมีคนสำเนาบทความหรือคำพูดของหมอสันต์ไปประกอบการขายเป็นจำนวนมากก็ไม่ได้หมายความว่าหมอสันต์เป็นคนขายสินค้าเหล่านั้น
คำพูดเหล่าใดที่ออกนอกแนวทั้ง 6 ประการข้างต้นนี้ ท่านวินิจฉัยได้เองเลยนะครับ ว่าไม่ใช่ของหมอสันต์แน่นอน
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์