พาแม่หนีเนอร์ซิ่งโฮม แต่ไปต่อไม่ถูก

เรียนนพ.สันต์ที่เคารพ

ดิฉันอายุ 69 ปี เป็นพยาบาลอยู่อเมริกา อยู่ทางนี้ถาวรแล้ว แต่มีปัญหาคือแม่ (89 ปี) ที่กรุงเทพ เดิมอยู่เนอร์สซิ่งโฮม (…) แล้วแม่ไม่ปลื้มเพราะอยู่กันแน่น ผู้ดูแลมีน้อย ถูกจับนั่งจุมปุกอยู่แต่บนเตียง แม่จึงรบกลับบ้านทุกวัน ประกอบกับโควิดมาแล้วมีคนในเนอร์สซิ่งโฮมเป็นโควิด น้องสาวจึงเอาแม่กลับมาอยู่บ้านแต่ก็ลำบากเพราะน้องสาวทำงานด้วย จ้างบริบาลผู้สูงอายุมาก็ต้องเปลี่ยนตัวเดือนละหลายคน เราเปลี่ยนเองบ้าง เด็กไม่มาเองบ้าง จนน้องสาวบอกไม่ไหวแล้ว ส่วนแม่ก็บอกว่าฉันอยู่ได้ ฉันอยู่ได้ โดยใช้วิธีคลานไปมาบนพื้นเอาเพราะเจ็บขาเจ็บเข่าเดินไม่ไหว ดิฉันฟังน้องบ่นและดูแม่ตัวเองคลานอยู่ในวิดิโอก็ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ไปต่อไม่ถูก อยากถามคุณหมอสันต์ว่าจะขอเอาแม่มาอยู่กับคุณหมอส้นต์ที่มวกเหล็กได้ไหม แบบอยู่ตลอดชีพ จะต้องมีค่าใช้จ่ายสักเท่าไร เพราะเห็นวิดิโอที่น้องส่งมาให้ดิฉันมั่นใจว่าแม่จะฟื้นฟูร่างกายของท่านได้และมีความสุขมากที่สุดดีกว่ากลับไปอยู่เนอร์สซิ่งโฮม หากคุณหมอไม่รับ คุณหมอมีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะ

ขอบพระคุณค่ะ ขอให้คุณหมอหายวันหายคืนนะคะ

…………………………………………………

ตอบครับ

1.. ถามว่าจะเอาคุณแม่มาแหมะไว้ที่เวลเนสวีแคร์ให้หมอสันต์ดูแลตลอดไปได้ไหม ตอบว่าไม่ได้ครับ เพราะที่เวลเนสวีแคร์ผมรับดูแลในรูปแบบการฟื้นฟูสมรรถนะ (rehabilitation) เท่านั้น คุณเป็นพยาบาลอยู่อเมริกา ถ้าผมอธิบายว่าผมทำ sub-acute care ไม่ได้ทำ long term care พูดอย่างนี้คุณคงเข้าใจง่ายกว่า การฟื้นฟูก็ต้องเจาะลึกเป็นรายคนว่าจะมาฟื้นฟูเรื่องอะไร เป้าหมายจะเอาแค่ไหน จะใช้เวลานานเท่าใด ซึ่งนับกันเป็นสัปดาห์หรืออย่างมากก็เป็นเดือนๆหรืออย่างมากก็อาจจะหลายเดือน แต่ไม่ได้นับกันเป็นปี ฟื้นฟูจบแล้วก็ต้องกลับบ้าน

ผมทำแค่การฟื้นฟูสมรรถนะ ไม่ทำมากกว่านั้น ที่รับทำฟื้นฟูนี้ด้วยเหตุผลอย่างเดียว คือเมื่อตัวผมเองป่วยหนักและต้องการการฟื้นฟูแบบจริงจัง ผมหาที่ฟื้นฟูตัวเองไม่ได้ หมอฟื้นฟูที่ดีมากๆในกรุงเทพผมสามารถหาได้ แต่เธอบอกผมว่าต้องมาหาเธอแบบเช้ามาเย็นกลับ ส่วนกลางคืนให้ไปหาคอนโดนอนเอาเองแถวใกล้ๆ โถ ผมกระดิกมือกระดิกเท้ายังยากเย็นจะขึ้นๆลงๆคอนโดไปหาเธอได้อย่างไร ผมจึงต้องมาฟื้นฟูที่มวกเหล็กซึ่งเป็นที่ของผมเองทำไว้จัดคอร์สฝึกอบรมการดูแลสุขภาพด้วยตนเองให้ลูกค้า เผอิญจังหวะเหมาะโควิด19 ทำให้จัดคอร์สดูแลสุขภาพไม่ได้สถานที่ก็ว่างพอดี พอผมฟื้นฟูตัวเองจบก็เห็นประโยชน์ของการมีสถานที่ฟื้นฟูที่ดีเพื่อให้คนที่จำเป็นต้องใช้ได้มาใช้ เช่นคนเพิ่งเป็นอัมพาตเฉียบพลันมา หรือเพิ่งฮาร์ทแอทแทคมา หรือเพิ่งผ่านการผ่าตัดใหญ่มา หรือแค่สะง็อกสะแง็กแต่ไม่สามารถลุกขึ้นมาใช้ชีวิตที่แอคทีฟได้เอง คนเหล่านี้น่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูแบบจริงจังนี้ จึงเปิดรับเป็นที่ฟื้นฟูอย่างที่เห็น แต่ว่าไม่ได้มีกำลังที่จะทำได้มากมายเพราะพยาบาลและผู้ดูแลมีจำกัด นักออกกำลังกายนักกายภาพก็ต้องไปจ้างมาจากข้างนอก จึงรับได้เต็มที่คราวละไม่เกินสี่คน (ตอนนี้มีรอคิวเข้าอยู่สี่สิบกว่าคน!)

2.. ถามว่าคุณแม่ไม่ยอมอยู่เนอร์สซิ่งโฮม อยู่บ้านน้องก็ดูแลไม่ไหว จ้างคนมาดูแลก็หาจ้างได้ยาก จะไปทางไหนต่อดี ตอบว่านี่เป็นคำถามระดับโลกแตก แม้ในอเมริกาเองก็ยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ รู้แน่แต่ว่าเมื่อโควิด19มาทำให้รู้ว่ารูปแบบเนอร์สซิ่งโฮมซึ่งมีปัญหาเดิมสาระพัดอยู่แล้วยิ่งมีปัญหาหนักขึ้นในเรื่องการควบคุมโรคได้ยาก ผมทราบว่าตอนนี้มีการทดลองรูปแบบใหม่ๆอยู่หลายแห่ง ผมเคยอ่านผลวิจัยที่จอห์น ฮอพคินส์ลองทำโครงการชื่อ CAPABLE ย่อมาจากอะไรผมจำไม่ได้แล้ว แต่คอนเซ็พท์คือโครงการดูแลคนแก่ที่ช่วยตัวเองไม่ได้แล้วที่ในบ้านคนแก่นั่นเอง รูปแบบคือเป็นบริษัทเอกชน รับดูแลคนแก่ตามบ้านโดยมีวิธีดูแลแบบผสมผสานปัญหาทุกด้าน คือบริษัทส่งทีมดูแลเข้าไปบ้านละ 5 เดือน (หมายความว่าบริษัทรับดูแลทีเดียวหลายๆบ้าน) เข้าไปฝึกสอนทั้งแง่อาชีวะบำบัด กายภาพบำบัด การพยาบาล และสาระพัดช่างเพื่อช่วยซ่อมและปรับปรุงบ้านให้คนแก่พิการอยู่ได้ เข้าไปก็เริ่มสัมภาษณ์รับฟังอย่างตั้งใจแล้วใช้หลักโค้ชสอนให้คนแก่ค่อยๆกลับมาทำอะไรเองในบ้านตัวเองด้วยตัวเองได้ให้มากที่สุดนานที่สุด ที่เหลือจึงจะอาศัยความช่วยเหลือจากภายนอกแบบน้อยที่สุด ผลวิจัยนั้นรายงานว่าผู้ที่ใช้บริการแบบนี้ได้ห้าเดือนต้นทุนค่าดูแลลดลง 3,000 เหรียญ แต่ที่แน่ยิ่งกว่านั้นคือต้นทุนการบริโภคยาและการรักษาลดลง 22,000 เหรียญ และบรรดาคนแก่ที่เป็นลูกค้าก็แฮ้ปปี้ดี้ด๊ากันมากเพราะได้ทำอะไรด้วยตัวเองและได้อยู่ในบ้านของตัวเองไม่ต้องไปนั่งล้อเข็นนิ่งบื้อรอเวลาอาหารเย็นอยู่ในเนอร์สซิ่งโฮม นี่ก็เป็นตัวอย่างของทางไปอีกทางหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นทั่วโลกในอนาคต

กลับมาสู่ชีวิตจริงที่เมืองไทย ผมเองก็เคยมีความคิดจะทำอะไรคล้ายๆ CAPABLE โดยคิดว่าจะทดลองเปิดบริการให้ลูกค้าคนแก่ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ในมวกเหล็กวาลเลย์ แต่ก็ได้แต่คิดยังไม่ถึงเวลาทำ (คงต้องรอให้ตัวหมอสันต์เองต้องคลานไปคลานมาในบ้านของตัวเองก่อนกระมังจึงจะเริ่มได้ หิ หิ) ในกรณีของคุณแม่ของคุณเนื่องจากยังไม่มีบริการแบบนี้ ผมแนะนำว่าให้น้องของคุณนั่นแหละทำตัวเป็นบริษัท CAPABLE ปรึกษากูเกิ้ลดูว่าเรื่องโน้นเรื่องนี้เขาทำกันยังไง แล้วจ้างนักกายภาพบ้างนักอาชีวบำบัดบ้างมาสอนแม่แค่เท่าที่จำเป็นแล้วตัวเองก็ครูพักลักจำเพื่อทำให้แม่เองต่อ ส่วนการปรับปรุงบ้านตรงไหนต้องทำอะไรก็จ้างสาระพัดช่างเข้ามาทำโดยคุมเอง กายอุปกรณ์เพื่อการดูแลคนแก่ในบ้านที่ดีๆและทันสมัยก็หาซื้อได้ไม่ยาก เป้าหมายสุดท้ายคือให้คุณแม่ลุกขึ้นมาช่วยตัวเองได้มากที่สุด นานที่สุด ถ้าทำไปสักห้าหกเดือนแล้วไม่สำเร็จหรือสู่ไม่ไหวก็คงจะหลือทางเดียวแล้วหละครับ คือ…กลับเข้าเนอร์สซิ่งโฮม

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี