การฟื้นฟูหลังจากเป็นอัมพาตสมองเล็ก (cerebellar rehabilitation)

เรียนคุณหมอสันต์
ดิฉันอายุ 69 ปีมีอาการมึนงงวิงเวียนจนยืนทรงตัวแทบไม่ได้ ได้ไปรักษากับหมอหูคอจมูกว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ได้ยามากินก็ยังโงนเงนทั้งวัน ไปทำ MRI มาแล้วหาหมอคลินิกประสาทวิทยาว่าเป็นโรคอัมพาตสมองเล็กชนิดที่ MRI มองไม่เห็นความผิดปกติของหลอดเลือด ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพสี่วันซึ่งนักกายภาพก็จับยืนและเดินเป็นหลัก ตอนนี้กลับบ้านแล้วหมอบอกแค่ว่าให้ไปหัดเดินต่อเองเพราะไม่มีวิธีรักษาอย่างอื่นแล้ว ตอนนี้พอจะเดินได้โดยเกาะไป แต่ยังไม่กล้าออกนอกบ้าน ไม่รู้ว่าเป็นโรคนี้จริงไหม โรคนี้เป็นแล้วมันจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป การดูแลตัวเองควรสำหรับคนเป็นโรคอัมพาตสมองเล็กนี้ต้องทำอย่างไร
ขอบพระคุณคุณหมอด้วยนะคะ

.................................................................

     ก่อนตอบคำถาม ขอพูดถึงโรคอัมพาตของสมองเล็กหรือ vertebro basillar stroke หรือ cerebellar stroke นิดหนึ่ง ว่ามันคือภาวะที่มีลิ่มเลือดไปอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยง หรือมีเลือดออกในสมองส่วนหลัง (cerebrum) และหรือก้านสมอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เลี้ยงโดยชุดหลอดเลือดที่เรียกว่า vertebro basilar arteries ทำให้สูญเสียการทำงานของสมองส่วนนี้ คือหากเป็นที่ตัวสมองเล็กอาการหลักก็จะเป็นการสูญเสียการทรงตัว ตาเห็นภาพซ้อนหรือสูญเสียการมองเห็น อาจมีอาการสมองบวมร่วมด้วยเช่น เวียนหัว ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ถ้ากินพื้นที่มาถึงก้านสมองก็จะมีอาการสูญเสียการทำงานของประสาทสมอง เช่น ภาพกลืนลำบาก พูดลำบาก พูดไม่ชัด เปล่งเสียงไม่ออก กล้ามเนื้อลิ้นและหน้าอ่อนแรง ประสาทรับรู้บนใบหน้าและหนังศีรษะอ่อนแรง เสียความรู้สึกอุณหภูมิและการรับรู้การปวด กลั้นอุจจาระไม่อยู่ หรือถ้ามากก็มีอาการสูญเสียสติสัมปชัญญะ

     คราวนี้มาตอบคำถาม

     1. ถามว่าคุณเป็นโรคนี้จริงไหม ตอบว่าอ้าว ก็คุณไปหาหมอประสาทวิทยามาแล้วเขาตรวจและวินิจฉัยเรียบร้อยแล้วมันก็ควรจะเป็นโรคนี้จริงตามนั้นสิครับ จะมาถามผมอีกทำไมละ เพราะผมจะไปรู้ดีกว่าหมอประสาทวิทยาที่เป็นผู้ตรวจได้อย่างไร แต่จากการฟังเอาตามที่คุณเล่าอย่างน้อยผมก็บอกให้คุณอุ่นใจได้ว่าอาการที่เป็นนั้นมันยังเป็นน้อย เป็นจิ๊บจ๊อย ไม่ได้มากถึงขึ้นทำให้เสียการทำงานของก้านสมอง เพราะคุณไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงของระดับสติการรู้ตัว ไม่มีความเสียหายต่อการทำงานของเส้นประสาทสมอง (cranial nerve) มีแค่ทรงตัวลำบาก เดินลำบาก

     ในแง่ของการวินิจฉัยตัวเอง คุณสามารถตรวจการทำงานของสมองเล็กด้วยตัวคุณเองได้สองวิธี คือ

    1.1 วัดช่วงกว้างของการโงกส่ายเมื่อยืนหลับตา (Swaying amplitude) วิธีตรวจคือให้หาคนมายืนประกบคอยรับกรณีล้ม แล้วให้คุณยืนกางขาเสมอหัวไหล่ กอดอก ลืมตา 20 วินาที แล้ว หลับตา 20 วินาที แล้วให้คนที่ยืนประกบวัดองศาการส่ายโงกไปมา โดยตีความสองประเด็น

     (1) ถ้าองศาของการส่ายโงกไปโงกมามายิ่งมาก ก็ยิ่งแสดงสมองเล็กเสียการทำงานมาก

     (2) ถ้าขณะหลับตาไปได้สั1กพัก การโงกไปมาค่อยๆน้อยลง ก็แสดงว่าการทำงานประสานกันของเนื้อสมองเล็กยังดีอยู่ แต่ถ้าหลับตาไปสักพักแลวค่อยๆโงกมากขึ้นๆจนล้มลงก็แสดงว่าสมองเล็กเสียการทำงานไปมาก จนเมื่อตัดตัวช่วยหลักคือการมองเห็นออกไป สมองเล็กไม่สามารถประสานกันเองให้ยืนอยู่ได้เลย

     1.2 วัดความเร็วของการเดิน (Walking speed) โดยวิธีให้คุณเดินเปรี้ยว คุณรู้จักวิ่งเปรี้ยวสมัยเป็นเด็กนักเรียนไหมละ นั่นแหละ ให้คุณปักหลักสองหลักห่างกัน 12 เมตรแล้วให้เดินวนอ้อมรอบสองหลักนี้ 6 รอบแล้วจับเวลาที่ใช้ หากยิ่งเดินไปยิ่งใช้เวลาน้อยลง ก็แสดงว่าสมองเล็กยังประสานงานกันได้ดีอยู่ แต่หากยิ่งเดินไปแต่ละรอบยิ่งเดินด้วยเวลามากขึ้นๆแสดงว่าสมองเล็กยิ่งเสียการทำงานมาก

    2. ถามว่าการจะออกกำลังกายฟื้นฟูการทำงานของสมองเล็ก (cerebellar exercise) ต้องทำอย่างไร ตอบว่าต้องมุ่งออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อร่างกายประสานงานการทรงตัวได้ ดังนี้
     
     2.1 ฝึกในท่านั่งบนพื้นนิ่ง (Sitting on still floor) เช่นพื้นเก้าอี้ไม่มีพนัก แล้ว

2.1.1 โยกตัวไปทางซ้ายสลับกับไปข้างขวา
2.1.2 โน้มตัวไปข้างหน้าสลับกับไปข้างหลัง
2.1.3 กางแขนเหยียดออกข้างลำตัวเสมอหัวไหล่ แล้วแกว่งในแนวราบให้มือซ้ายชี้ไปข้างหน้าสลับกับแกว่งกลับให้มีซ้ายชี้ไปข้างหลัง
2.1.4 ยกเท้าสองข้างชี้ไปข้างหน้ากลางอากาศ แล้วยื่นสองมือออกไปแตะปลายเท้า
2.1.5 แกว่งเท้าเป็นวงกลมทีละข้าง
2.1.6 ยื่นมือซ้ายและเท้าขวา (คนละข้าง) ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วชี้ไปข้างหน้า แล้วสลับทำอีกข้างหนึ่ง

     2.2 ฝึกในท่านั่งบนพื้นที่ขยับได้ (Sitting on dynamic floor) เช่นลูกบอลขนาดใหญ่ หรือพื้นกระดานหก (กระดานที่วางบนลูกบอลเล็กๆ) หรือพื้นที่ติดเครื่องสั่น

2.2.1 โยกตัวไปทางซ้ายสลับกับไปข้างขวา
2.2.2 โน้มตัวไปข้างหน้าสลับกับไปข้างหลัง
2.2.3 กางแขนเหยียดออกข้างลำตัวเสมอหัวไหล่ แล้วแกว่งในแนวราบให้มือซ้ายชี้ไปข้างหน้าสลับกับแกว่งกลับให้มีซ้ายชี้ไปข้างหลัง
2.2.4 ยกเท้าสองข้างชี้ไปข้างหน้ากลางอากาศ แล้วยื่นสองมือออกไปแตะปลายเท้า
2.2.5 แกว่งเท้าเป็นวงกลมทีละข้าง
2.2.6 ยื่นมือซ้ายและเท้าขวา (คนละข้าง) ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วชี้ไปข้างหน้า แล้วสลับทำอีกข้างหนึ่ง

     2.3 ฝึกในท่ายืนสี่แบบ คือ (1) ยืนพื้นนิ่ง+ลืมตา (2) ยืนพื้นนิ่ง + หลับตา (3) ยืนพื้นขยับได้ + ลืมตา  (4) ยืนพื้นขยับได้ + หลับตา ทั้งนี้ในแต่ละแบบให้ทำท่าต่อไปนี้

2.3.1 โยกตัวไปทางซ้ายสลับกับไปข้างขวา
2.3.2 โน้มตัวไปข้างหน้าสลับกับไปข้างหลัง
2.3.3 กางแขนเหยียดออกข้างลำตัวเสมอหัวไหล่ แล้วแกว่งในแนวราบให้มือซ้ายชี้ไปข้างหน้าสลับกับแกว่งกลับให้มีซ้ายชี้ไปข้างหลัง
2.3.4 ยกเท้าสองข้างชี้ไปข้างหน้ากลางอากาศ แล้วยื่นสองมือออกไปแตะปลายเท้า
2.3.5 แกว่งเท้าเป็นวงกลมทีละข้าง
2.3.6 ยื่นมือซ้ายและเท้าขวา (คนละข้าง) ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วชี้ไปข้างหน้า แล้วสลับทำอีกข้างหนึ่ง
2.3.7 ยืนเขย่งบนปลายเท้าสองข้าง
2.3.8 ยืนขาเดียว แล้วสลับข้าง
2.3.9 เดินยกขาก้าวข้ามสิ่งกีดขวาง เช่นหนังสือหรือก้อนอิฐที่ก่อสูงตั้งไว้เป็นระยะๆ
2.3.10 ก้าวขาขวาไปข้างหน้ายาวๆแล้วย่อเข่าลง แล้วสปริงตัวขึ้นลงๆช้าๆ (lunges) แล้วสลับขา
2.3.11 ก้าวขึ้นลงบันได step up/down ladders
2.3.12 กางมือซ้ายพร้อมกับกางเท้าขวาในอากาศ แล้วสลับทำอีกข้างหนึ่ง

     3. ถามว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ตอบว่าอนาคตอยู่ในมือของคุณแล้ว จะเป็นอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับคุณขยันและเอาจริงเอาจังกับการฟื้นฟูตัวเองมากแค่ไหน ไม่มีใครจะทำนายอนาคตของคุณได้นอกจากตัวคุณเอง ในแง่ของโรคนั้น เนื้อสมองแม้จะเสียไปแล้วแต่ก็ฟื้นฟูตัวเองกลับมาใหม่ได้เสมอ เพียงแค่ให้คุณขยันฝึกทำไปทุกวัน แต่ละวันต้องฝึกจนครบทุกท่า ซึ่งต้องอุทิศเวลาและเอาจริงเอาจังพอสมควร ทั้งหมดนี้คุณต้องทำเอง อย่าไปเอาแต่หวังพึ่งการไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล เพราะกว่าจะเดินทางไป นั่งรอคิว ได้คิวทำครั้งละชั่วโมง แล้วเดินทางกลับ มันได้ประโยชน์น้อยมาก สู้คุณทำเองที่บ้านทุกวันทุกที่ทุกเวลา แบบสู้ สู้ สู้ ด้วยตัวเอง มันเห็นผลทันอกทันใจเร็วกว่ากันแยะ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

ทะเลาะกันเรื่องฝุ่น PM 2.5 บ้าจี้ เพ้อเจ้อ หรือว่าไม่รับผิดชอบ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

หมอสันต์สวัสดีปีใหม่ 2568 / 2025

ประกาศเลิกเดินสายบรรยาย และตอบคำถามโยเกิรตกับไขมันในเลือดสูงและเบาหวาน

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

"ลู่ความสุข" กับ "ลู่เงิน"

หมอสันต์กราบขออภัย และขอเปิดรับสมัคร์แค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเอง (RDBY 33) ใหม่

ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ (simply) ใส่ใจลงมือทำจริงจัง (deliberately) ทำแบบมีศิลปะ (artfully)