เพิ่งออกจากรพ.ตจว. เป็นหลอดเลือดหัวใจตีบ
เพิ่งออกจาก รพ ตจว.ครับ เนื่องจากอาการหนักหน้าอก หมอให้พักอยู่ 5วัน ตรวจเบื้องต้นพบว่า เป็นอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ และกล้ามเนื้อเสียบางส่วน ตอนนี้ทานยาอยู่ อาการทุเลามากแล้ว ออกกำลังกายได้ ถ้าไปตรวจหัวใจแบบละเอียดจะเจอความผิดปกติได้อย่างไรครับ กลัวว่าจะเสียเที่ยว
ตอบครับ
ฟังตามเรื่องที่เล่า คุณเป็นโรคหัวใจขาดเลือด จริงแท้แน่นอน และเป็นถึงระดับกล้ามเนื้อหัวใจตาย (acute nyocardial infarction) แต่ยังรอดชีวิตมาได้ การรักษาโรคหัวใจสำหรับคนที่เป็นโรคแล้ว มีหลักดังนี้
1. ส่วนที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันไม่ให้โรคหัวใจที่เป็นแล้ว เป็นมากขึ้นไปอีก หรือให้มันเป็นน้อยลง หรือแม้กระทั่งให้มันหาย (secondary prevention) มันหายได้นะ ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจว่าแทบจะไม่มีหมอหัวใจที่ไหนพูดกับเรื่องนี้กับคนไข้อย่างจริงจังเลย ไหนๆคุณก็เขียนมาแล้ว ผมขอถือโอกาสอบรมคุณเสียเลย ว่าหลักการป้องกันโรคสำหรับคนเป็นโรคแล้วมีดังนี้
1.1 ถ้าสูบบุหรี่อยู่ ต้องเลิก ถ้าคุณไม่ยอมเลิกบุหรี่ เลิกอ่านข้ออื่นได้เลย เพราะหากทำเรื่องใหญ่ไม่สำเร็จ เรื่องเล็กไม่ต้องไปทำหรอก ทำไปก็ไลฟ์บอย
1.2 คุณต้องรู้ว่าความดันเลือดของคุณเท่าไร สูงหรือไม่ ซื้อที่วัดความดันอัตโนมัติมาวัดเองที่บ้านเลย สำหรับคนทั่วไปความดันเลือด 140/90 ถือว่าสูง แต่สำหรับคนอย่างคุณซึ่งเป็นโรคหัวใจขาดเลือดแล้ว ความดัน 140/80 ถือว่าสูง ต้องเอาความดันลงมา ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเสียใหม่ ดังนี้
1.2.1 ถ้าอ้วนต้องลดน้ำหนัก แค่เอาน้ำหนักลงความดันก็ลงได้ถึง 20 มม.
1.2.2 เปลี่ยนอาหารการกินไปเป็นแบบมังสวิรัติแคลอรี่ต่ำ หมายความว่ากินผักผลไม้เป็นหลัก จะลดความดันได้ถึง 14 มม.
1.2.3 ออกกำลังกายให้ได้ระดับมาตรฐาน คือออกกำลังกายแบบต่อเนื่องให้หนักพอควร คือเหนื่อยจนร้องเพลงไม่ได้ ครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 ครั้ง ควบกับการเล่นกล้ามสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทำได้ครบตามนี้จึงจะเรียกว่าเป็นการออกกำลังกายถึงระดับมาตรฐาน
1.2.4 ลดเกลือในอาหารลง แปลว่าให้กินอาหารจืดสนิท จะลดความดันได้ถึง 8 มม.
1.2.5 ถ้าดื่มแอลกอฮอล์อยู่ ให้เลิก จะลดความดันได้ถึง 4 มม.
1.2.6 ถ้าทำทุกอย่างแล้วความดันยังไม่ลง ต้องไปหาหมอเพื่อกินยาลดความดัน
1.3 คุณต้องรู้ว่าไขมันเลว (LDL) ในเลือดของคุณเป็นเท่าใด คนธรรมดาเขาอาจปล่อยให้ไขมัน LDL ขึ้นไปได้ถึง 190 แต่ของคุณซึ่งเป็นโรคหัวใจขาดเลือดแล้ว LDL แค่ 100 คุณก็ต้องรีบเอาลงด้วยการปรับโภชนาการ ดังนี้ ถ้ายังไม่ลงก็ต้องไปหาหมอเอายามากินจนลง หลักโภชนาการสำหรับลด LDL นอกจากโภชนาการที่เน้นผักและผลไม้แล้ว ได้แก่
1.3.1 ลดไขมันทรานส์ (trans fat) ซึ่งเป็นตัวร้ายที่สุด ไขมันทรานส์คือน้ำมันพืชที่อุตสาหกรรมใช้ไฮโดรเจนทำให้แข็งเป็นไขหรือผงได้ เช่นครีมเทียมใส่กาแฟ เนยเทียม ขนมกรุบกรอบ เค้ก คุ้กกี้ ไอศกรีม
1.3.2 ลดอาหารพวกไขมันอิ่มตัว เช่นไขมันสัตว์ต่างๆยกเว้นปลา
1.3.3 เปลี่ยนอาหารธัญพืชเป็นชนิดไม่ขัดสี เช่น ข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง ขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีท เพิ่มเส้นไยชนิดละลายได้ซึ่งช่วยลดการดูดซึม LDL ได้
1.4 คุณต้องรู้ระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) ของคุณด้วย ว่าจะต้องไม่สูงเกิน 100 ถ้าเกินก็ต้องลดโดยการลดการบริโภคอาหารที่ให้แคลอรี่ลง ควบกับการออกกำลังกายเผาผลาญแครอลี่ให้มากกว่าที่กินเข้าไป
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งสี่หัวข้อข้างต้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่มีใครมาสนใจใยดีทำให้คุณ มีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่จะช่วยตัวคุณเองได้ งานวิจัยพิสูจน์ว่าหมอก็ช่วยอะไรไม่ได้ คุณต้องช่วยตัวเอง วัดดัชนีความเสี่ยงของตัวเอง เช่นน้ำหนัก ความดัน ไขมันในเลือด เบาหวาน แล้วบริหารความเสี่ยงด้วยตัวเอง หมดท่าต้องใช้ยาจึงค่อยไปหาหมอ
2. เมื่อได้จัดการปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายด้วยตัวเองอย่างดีแล้ว ต้องทำอีกอย่างหนึ่งคือไปหาหมอเพื่อตรวจจัดชั้นความเสี่ยงว่าเป็นพวกเสี่ยงตายมากหรือเสี่ยงตายน้อย ถ้าเสี่ยงตายมาก หมอก็จะเอาไปตรวจสวนหัวใจเพื่อใช้บอลลูนขยายหรือผ่าตัดแก้ไขจุดตีบเสียก่อน การตรวจจัดชั้นความเสี่ยงที่นิยมทำก็คือการให้วิ่งสายพาน (EST) เพื่อดูว่าหัวใจจะขาดเลือดเมื่อต้องออกแรงหรือไม่ สำหรับคุณซึ่งออกกำลังกายเองได้ดีแล้ว ผมแนะนำว่าคุณไม่ต้องรีบร้อนไปหาหมอก็ได้ ให้ค่อยๆออกกำลังกายมากขึ้นๆ ทุกวันๆ จนถึงระดับมาตรฐาน ถ้าทำได้โดยไม่เจ็บหน้าอก ก็ไม่ต้องไปหาหมอเพื่อตรวจจัดชั้นความเสี่ยงก็ได้ เพราะถ้าออกกำลังกายถึงระดับมาตรฐานได้โดยไม่เจ็บหน้าอกก็เป็นพวกความเสี่ยงต่ำอยู่แล้ว ให้ดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตามข้อ 1 ก็เพียงพอ
ขอประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างสิ้นเชิงแล้วหายจากโรคหัวใจนะครับ ย้ำ มันหายได้นะ ท่องตามที่ผมบอกไว้ เพราะมันเป็นความจริง
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ตอบครับ
ฟังตามเรื่องที่เล่า คุณเป็นโรคหัวใจขาดเลือด จริงแท้แน่นอน และเป็นถึงระดับกล้ามเนื้อหัวใจตาย (acute nyocardial infarction) แต่ยังรอดชีวิตมาได้ การรักษาโรคหัวใจสำหรับคนที่เป็นโรคแล้ว มีหลักดังนี้
1. ส่วนที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันไม่ให้โรคหัวใจที่เป็นแล้ว เป็นมากขึ้นไปอีก หรือให้มันเป็นน้อยลง หรือแม้กระทั่งให้มันหาย (secondary prevention) มันหายได้นะ ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจว่าแทบจะไม่มีหมอหัวใจที่ไหนพูดกับเรื่องนี้กับคนไข้อย่างจริงจังเลย ไหนๆคุณก็เขียนมาแล้ว ผมขอถือโอกาสอบรมคุณเสียเลย ว่าหลักการป้องกันโรคสำหรับคนเป็นโรคแล้วมีดังนี้
1.1 ถ้าสูบบุหรี่อยู่ ต้องเลิก ถ้าคุณไม่ยอมเลิกบุหรี่ เลิกอ่านข้ออื่นได้เลย เพราะหากทำเรื่องใหญ่ไม่สำเร็จ เรื่องเล็กไม่ต้องไปทำหรอก ทำไปก็ไลฟ์บอย
1.2 คุณต้องรู้ว่าความดันเลือดของคุณเท่าไร สูงหรือไม่ ซื้อที่วัดความดันอัตโนมัติมาวัดเองที่บ้านเลย สำหรับคนทั่วไปความดันเลือด 140/90 ถือว่าสูง แต่สำหรับคนอย่างคุณซึ่งเป็นโรคหัวใจขาดเลือดแล้ว ความดัน 140/80 ถือว่าสูง ต้องเอาความดันลงมา ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเสียใหม่ ดังนี้
1.2.1 ถ้าอ้วนต้องลดน้ำหนัก แค่เอาน้ำหนักลงความดันก็ลงได้ถึง 20 มม.
1.2.2 เปลี่ยนอาหารการกินไปเป็นแบบมังสวิรัติแคลอรี่ต่ำ หมายความว่ากินผักผลไม้เป็นหลัก จะลดความดันได้ถึง 14 มม.
1.2.3 ออกกำลังกายให้ได้ระดับมาตรฐาน คือออกกำลังกายแบบต่อเนื่องให้หนักพอควร คือเหนื่อยจนร้องเพลงไม่ได้ ครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 ครั้ง ควบกับการเล่นกล้ามสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทำได้ครบตามนี้จึงจะเรียกว่าเป็นการออกกำลังกายถึงระดับมาตรฐาน
1.2.4 ลดเกลือในอาหารลง แปลว่าให้กินอาหารจืดสนิท จะลดความดันได้ถึง 8 มม.
1.2.5 ถ้าดื่มแอลกอฮอล์อยู่ ให้เลิก จะลดความดันได้ถึง 4 มม.
1.2.6 ถ้าทำทุกอย่างแล้วความดันยังไม่ลง ต้องไปหาหมอเพื่อกินยาลดความดัน
1.3 คุณต้องรู้ว่าไขมันเลว (LDL) ในเลือดของคุณเป็นเท่าใด คนธรรมดาเขาอาจปล่อยให้ไขมัน LDL ขึ้นไปได้ถึง 190 แต่ของคุณซึ่งเป็นโรคหัวใจขาดเลือดแล้ว LDL แค่ 100 คุณก็ต้องรีบเอาลงด้วยการปรับโภชนาการ ดังนี้ ถ้ายังไม่ลงก็ต้องไปหาหมอเอายามากินจนลง หลักโภชนาการสำหรับลด LDL นอกจากโภชนาการที่เน้นผักและผลไม้แล้ว ได้แก่
1.3.1 ลดไขมันทรานส์ (trans fat) ซึ่งเป็นตัวร้ายที่สุด ไขมันทรานส์คือน้ำมันพืชที่อุตสาหกรรมใช้ไฮโดรเจนทำให้แข็งเป็นไขหรือผงได้ เช่นครีมเทียมใส่กาแฟ เนยเทียม ขนมกรุบกรอบ เค้ก คุ้กกี้ ไอศกรีม
1.3.2 ลดอาหารพวกไขมันอิ่มตัว เช่นไขมันสัตว์ต่างๆยกเว้นปลา
1.3.3 เปลี่ยนอาหารธัญพืชเป็นชนิดไม่ขัดสี เช่น ข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง ขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีท เพิ่มเส้นไยชนิดละลายได้ซึ่งช่วยลดการดูดซึม LDL ได้
1.4 คุณต้องรู้ระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) ของคุณด้วย ว่าจะต้องไม่สูงเกิน 100 ถ้าเกินก็ต้องลดโดยการลดการบริโภคอาหารที่ให้แคลอรี่ลง ควบกับการออกกำลังกายเผาผลาญแครอลี่ให้มากกว่าที่กินเข้าไป
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งสี่หัวข้อข้างต้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่มีใครมาสนใจใยดีทำให้คุณ มีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่จะช่วยตัวคุณเองได้ งานวิจัยพิสูจน์ว่าหมอก็ช่วยอะไรไม่ได้ คุณต้องช่วยตัวเอง วัดดัชนีความเสี่ยงของตัวเอง เช่นน้ำหนัก ความดัน ไขมันในเลือด เบาหวาน แล้วบริหารความเสี่ยงด้วยตัวเอง หมดท่าต้องใช้ยาจึงค่อยไปหาหมอ
2. เมื่อได้จัดการปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายด้วยตัวเองอย่างดีแล้ว ต้องทำอีกอย่างหนึ่งคือไปหาหมอเพื่อตรวจจัดชั้นความเสี่ยงว่าเป็นพวกเสี่ยงตายมากหรือเสี่ยงตายน้อย ถ้าเสี่ยงตายมาก หมอก็จะเอาไปตรวจสวนหัวใจเพื่อใช้บอลลูนขยายหรือผ่าตัดแก้ไขจุดตีบเสียก่อน การตรวจจัดชั้นความเสี่ยงที่นิยมทำก็คือการให้วิ่งสายพาน (EST) เพื่อดูว่าหัวใจจะขาดเลือดเมื่อต้องออกแรงหรือไม่ สำหรับคุณซึ่งออกกำลังกายเองได้ดีแล้ว ผมแนะนำว่าคุณไม่ต้องรีบร้อนไปหาหมอก็ได้ ให้ค่อยๆออกกำลังกายมากขึ้นๆ ทุกวันๆ จนถึงระดับมาตรฐาน ถ้าทำได้โดยไม่เจ็บหน้าอก ก็ไม่ต้องไปหาหมอเพื่อตรวจจัดชั้นความเสี่ยงก็ได้ เพราะถ้าออกกำลังกายถึงระดับมาตรฐานได้โดยไม่เจ็บหน้าอกก็เป็นพวกความเสี่ยงต่ำอยู่แล้ว ให้ดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตามข้อ 1 ก็เพียงพอ
ขอประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างสิ้นเชิงแล้วหายจากโรคหัวใจนะครับ ย้ำ มันหายได้นะ ท่องตามที่ผมบอกไว้ เพราะมันเป็นความจริง
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์