การผ่าตัดตับอ่อนออก (Total Pancreatectomy) คุณจะกลายเป็นมนุษย์ที่ไม่มีตับอ่อน ไม่มีม้าม ไม่มีถุงน้ำดี
เรียนคุณหมอสันต์
ขอขอบพระคุณมา ณ.ที่นี้ด้วยที่ให้ความกรุณา ติดตามคุณหมอมากว่า 10 ปี แล้วครับ เคยปรึกษาทางโทรศัพท์ เชื่อมั่นในคำแนะนำของคุณหมอ ถือปฎิบัติเรื่องการดูแลสุ ขภาพตามแนวทางของคุณหมอ สุขภาพถือว่าดีเลยครับ(ทำได้ ปะมาณ 80%) ที่ยังไม่สมบูรณ์คือเรื่ องการนอน กับ การออกกำลังกาย ปัจจุบัน อายุ 73 ปี , สูง 173 ซ.ม. ,น.น. 66 กก. โรคประจำตัว เป็นไวรัสตับอักเสบ บี รักษามากว่า 30 ปี กินยาคุมไวรัส มาพบหมอเพื่อตรวจเลือด และทำอุลตราซาวด์ ประมาณ4-6 เดือนครั้ง เดือนกันยายน2567 อุลตราซาวด์พบตับอ่อนมีความผิ ดปกติ ,ส่องกล้อง,ทำTC แสกน พบมีเนื้องอกแต่ไม่ใช่เนื้อร้าย ต้องตัดออกไป 60 % ช่วงเดือนมีนาคม2568 ถึงมิถุนายน2568 การติดตามผล พบว่าส่วนหัวตับอ่อนที่เหลือไว้ เนื้องอกที่มีอยู่ มีขนาดโตขึ้น คุณหมอมีความเห็นว่าควรต้องผ่าตัดออกเลย เพราะช่วงนี้ร่างกายผมแข็งแรง ผลตรวจเลือดอยู่ในระดับโอเค รออีก6ด.หรือ1ปีก็ต้องมาผ่าอยู่ ดี ผมส่งผลตรวจทั้งหมดมาพร้อมนี้ ขอคำแนะนำคุณหมอด้วยครับ
(1)ถ้าไม่ผ่าตัดปล่ อยไปตามธรรมชาติ โดยดูแลสุขภาพตามแนวทางของคุ ณหมออย่างเข้มงวด รักษาตัวไปตามอาการ(ปัจจุบันยั งใช้ชีวิตปกติดี)
(2)ผ่าตัดตับอ่อนส่วนที่เหลื อออก ต้องฉีดอินสุรินไปตลอดชีวิต
ทางเลือกไหนคุณภาพชีวิตจะดีกว่ ากันครับ
ขอความเมตตากรุณาจากคุณหมอช่ วยพิจารณาให้คำแนะนำเป็นขัอมู ลในการตัดสินใจด้วยครับ
...............................................................
ตอบครับ
ข้อมูลด้านประโยชน์ . เนื้องอกตับอ่อนที่คุณเป็นนั้นชื่อ Intraductal papillary mucinous neoplasm (IPMN) ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดธรรมดา ไม่ใช่มะเร็ง เพียงแต่ว่าไปภายหน้ามันอาจกลายเป็นมะเร็งได้ (pre-cancerous) โอกาสที่มันจะกลายเป็นมะเร็งนั้นประเมินยากเพราะสถิติมีน้อย ให้กันได้ตั้งแต่ 6% ถึง 92% เรียกว่าบอกตัวเลขแบบนี้ไม่ต้องบอกดีกว่า หิ..หิ วงการแพทย์พอจะรู้ว่าหากมันเกิดที่ท่อใหญ่ของตับอ่อน (เช่นในกรณีของคุณนี้) หรือมีขนาดโตขึ้นเร็ว หรือมีอาการเบาหวานหรือมีอาการตับอ่อนอักเสบเรื้อรังร่วมด้วย ตัวเลขโอกาสเป็นมะเร็งก็ "น่าจะ" ไปทางข้างมากขึ้น
ข้อมูลด้านความเสี่ยง การผ่าตัดที่หมอเขาเสนอให้คุณทำคือตัดตับอ่อนออกหมด (total pancreatectomy) ซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่มากส์..ส์ เพราะตับอ่อนอยู่หลังช่องท้องไม่ใช่จะเข้าไปหาได้ง่ายๆ นอกจากจะต้องเลาะย้ายลำไส้ลำไส้ใหญ่แล้วยังต้องตัดกระเพาะอาหารออกเสียราวครึ่งหนึ่ง ส่วนท่อน้ำดีถุงน้ำดีและลำไส้เล็กส่วนต้นๆซึ่งติดแน่นกับหัวของตับอ่อนนั้นต้องตัดออกทิ้งหมดพร้อมกันด้วยทั้งยวง แถมยังต้องตัดม้ามออกทิ้งเสียด้วย เพราะม้ามอาศัยเส้นเลือดแดงของตับอ่อนไปเลี้ยงเมื่อไม่มีตับอ่อนม้ามก็อยู่ไม่ได้ หลังจากตัดล้างบางแล้วจึงตัดลำไส้เล็กส่วนที่เหลือเป็นสองท่อนแล้วเอากลับมาเย็บต่อกันเป็นรูปตัว Y ซึ่งมีขาบนสองขา ขาหนึ่งเอาขึ้นไปเย็บสวมกับท่อ (นำน้ำดีจาก) ตับเพื่อให้น้ำดีไหลลงลำไส้ได้ อีกขาหนึ่งเอาไปสวมกับกระเพาะอาหารส่วนที่เหลือเพื่อให้อาหารไหลลงลำไส้ได้
คุณมีโอกาสที่จะตายเพราะการผ่าตัดครั้งนี้ (operative mortality) ประมาณ 5 % หากคุณรอดชีวิตไปได้ หลังการผ่าตัดคุณก็จะกลายเป็นมนุษย์ที่ไม่มีตับอ่อน (ซึ่งต้องผจญกับปัญหาการไม่มีน้ำย่อยโปรตีน/ไขมัน/แป้ง และการไม่มีฮอร์โมนอินสุลิน/กลูคากอน) คุณจะไม่มีม้าม (ซึ่งต้องผจญปัญหาการติดเชื้อง่ายและซ้ำซาก เลือดแข็งตัวผิดปกติ และเม็ดเลือดผิดปกติ) คุณจะไม่มีถุงน้ำดี (ซึ่งต้องผจญกับปัญหากลุ่มอาการไม่มีถุงน้ำดี (post cholecystectomy syndrome) กันต่อไป
ทางเลือกที่มีอยู่ มี 3 ทาง
ทางเลือกที่ 1. เข้ารับการผ่าตัด ยอมรับความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด แลกกับการปิดโอกาสที่จะเป็นมะเร็งตับอ่อนในอนาคต ซึ่งโอกาสจะเป็นคือ 6% - 92%
ทางเลือกที่ 2. ไม่ผ่าไม่เผ่ออะไรทั้งนั้น เป็นมะเร็งก็เป็น ไม่รักษาทั้งสิ้น ตายเป็นตาย
ทางเลือกที่ 3. ดูเชิงไปก่อน จะ 5 ปี 10 ปี 20 ปี ก็รอดูเชิงไปก่อน แต่ว่าไม่ไปติดตามตรวจอะไรเพิ่มเติมอีกแล้วนะ ไม่ไปหาหมอแล้ว ดูเชิงโดยดูเองคนเดียวโดยใช้ตัวชี้วัดตัวเดียว คืออาการผิดปกติของร่างกาย (ซึ่งเกือบทั้งหมดจะเป็นอาการปวดท้องจากตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง มีบ้างส่วนน้อยที่จะเป็นอาการโรคเบาหวาน) ถ้ามีอาการผิดปกติก็ค่อยมาใช้ดุลพินิจว่าอาการนั้นมันพอทนได้ไหม หากทนไม่ได้เพราะมันทำให้คุณภาพชีวิตไม่ดีเลย ก็ค่อยไปผ่าตัดเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิต โดยยอมรับอัตราตายจากการผ่าตัดที่อาจจะมากขึ้นหากเทียบกับผ่าตัดเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ถ้าตายเพราะการผ่าตัดในครั้งนั้นก็ถือว่าจะได้หมดเวรหมดกรรมไม่ต้องทนปวดกันต่อไปอีก หากรอดจากการผ่าตัดก็จะได้มีชีวิตที่มีคุณภาพดี
ทั้งสามทางนี้ คุณเลือกเอง ผมทำได้แค่ให้ข้อมูลเท่านั้น
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์