ไปตรวจยีน APOE-4 แล้วหมอจะให้ฉีด Brain Peptide รักษาอัลไซเมอร์
เรียนคุณหมอสันต์
พี่ ... RD 2 ค่ะ ขอรบกวนเรียนถามคุณหมอ เนื่องจากไปตรวจสุขภาพกับคลีนิค Anti Aging เค้าแนะนำให้ตรวจ Apo E เพื่อดูความเสี่ยงการเป็นอัลไซเและแนะนำเรื่องการนอนให้ดีรวมทั้งทำ IF 8/16 มีอาหารเสริมหลายชนิดเพื่อปรับฮ
1. ยาฉีด Brain Peptide 3 amp ตัวนี้มีผลดีจริงไหมคะ มีผลวิจัยรองรับหรือไม่ หรือทำเพียงเพื่อให้สบายใจหายกั
2. การให้อาหารเสริม Bio Identical Progesterone 100 mg เพื่อปรับความสมดุลของฮอร์โมน ควรทานหรือไม่คะ
กราบขอบพระคุณคุณหมอเป็นอย่างยิ่งค่ะ ได้คุยกันกับกลุ่ม RD อยากให้คุณหมอจัดคอร์สผู้สูงวัยว่าต้องทานอาหาร ออกกำลังกาย ทานอาหารเสริมแบบไหนที่เหมาะกับ
ด้วยความเคารพ
8. ข้อนี้ผมแถมให้นะ งานวิจัยชิ้นหนึ่งทำโดย Chicago Health and Aging Project และ Rush Memory and Aging Projects ได้ใช้ตัวชี้วัดวิธีใช้ชีวิตออกมาเป็นคะแนนในหกประเด็นคือ การกินอาหารดีต่อสมอง (MIND diet ซึ่งผมเคยเขียนถึงบ่อย) การออกกำลังกาย การเลิกบุหรี่ การนอนหลับ การผ่อนคลายความเครียด และการทำกิจกรรมกระตุ้นสมอง งานวิจัยพบว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามปัจจัยด้านวิถีชีวิตเหล่านี้ ผู้ที่ปฏิบัติตามปัจจัยด้านเหล่านี้ได้ถึงสองหรือสามอย่าง มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ ลดลง 37% ขณะที่ผู้ที่ปฏิบัติตามได้สี่หรือห้าอย่าง ปัจจัยเหล่านี้ลดความเสี่ยงลงได้ถึง 60% ซึ่งเหลือเชื่อ เป็นครั้งแรกที่ผลวิจัยสรุปว่าผู้ที่ใช้ชีวิตแบบเอื้อต่อการมีสุขภาพดี ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมลงได้ถึง 60% ย้ำ สมองเสื่อมป้องกันได้ 60% โดยการเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตให้เอื้อต่อการมีสุขภาพดีในหกประเด็นหลัก คือ
(1) อาหารแบบ MIND diet ซึ่งไฮไลท์สิบอย่างคือ ผักใบเขียว, ผักทั่วไป, นัท, เบอรี่, ถั่วต่างๆ, ธัญพืชไม่ขัดสี, อาหารทะเล, เป็ดไก่, น้ำมันมะกอก, เหล้าไวน์ ในภาพรวมอาหารที่ดีต่อสมองควรเป็นอาหารพืชเป็นหลักในรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาติและมีความหลากหลาย ทั้งยังควรต้องเป็นอาหารที่เพิ่มความหลากหลายของจุลินทรีย์ในลำไส้ด้วย (pre/pro biotic)
(2) การออกกำลังกาย ซึ่งต้องทำให้ถึงระดับหนักพอควร ต้องเล่นกล้ามด้วย ต้องฝึกการทรงตัวด้วย
(3) การนอนหลับ ซึ่งต้องนอนให้ได้วันละ 7 ชั่วโมงขึ้นไป
(4) การจัดการความเครียด ซึ่งรวมศูนย์อยู่ที่การฝึกสติ ฝึกวางความคิด ฝึกผ่อนคลายร่างกาย ใช้ชีวิตกลางแจ้งกับธรรมชาติ ได้แดด ได้ลม
(5) การฝึกกระตุ้นสมอง ซึ่งต้องฝึกอย่างหลากหลาย เพราะสมองทำงานถึงหกด้าน คือ สติ ความจำ การคิดวินิจฉัย ภาษา การสังคม และการเคลื่อนไหว-ทรงตัว นอกจากความครอบคลุมทั้งหกด้านแล้วการกระตุ้นสมองยังควรต้องเลือกวิธีที่มีเป้าหมายชัดเจน มีความท้าทาย และมีความซับซ้อนกว่าสิ่งเดิมๆที่ทำในชีวิตประจำวันด้วย
(6) การเลิกบุหรี่
9. แถมอีกข้อหนึ่ง ในแง่ของการใช้ชีวิต ในเชิงอาการวิทยา โรคสมองเสื่อม (ซึ่งรวมทั้งอัลไซเมอร์) แตกต่างจากโรคขี้หลงขี้ลืมเล็กๆน้อยๆ (MCI) ตรงที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจสำคัญในชีวิตประจำวันอย่างใดอย่างหนึ่งในเจ็ดอย่าง (IADL) ต่อไปนี้ได้ คือ
(1) ไปไหนมาไหนเองไม่ได้ เช่น ขับรถก็ไม่ได้ เดินไปขึ้นรถเมลก็ไม่ได้ เป็นต้น
(2) ดูแลเงินทองบัญน้ำบัญชีของตัวเองไม่ได้
(3) ดูแลจัดการหยูกยาของตัวเองไม่ได้
(4) ทำความสะอาดห้องหับที่หลับที่นอนตัวเองไม่ได้
(5) ซื้อของจ่ายตลาดเองไม่ได้
(6) ทำอาหารหรือหาอาหารกินเองไม่ได้
(7) อยู่คนเดียวไม่ได้ จะโทรศัพท์หาใครก็โทรไม่เป็นหรือหาเบอร์ไม่ถูก เป็นต้น
ดังนั้นการชลอโรคสมองเสื่อมที่ทำได้ทันทีคือการพยายามทำกิจทั้งเจ็ดอย่างนี้ด้วยตนเองไปให้ได้นานที่สุด
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์