เรื่องไร้สาระ (43) แกลลอรีอิมเพรสชันนิสม์ที่ซุกซ่อนแต่จ๊าบ ที่เชียงใหม่
![]() |
Doi Saket in February |
เราแวะถ่ายรูปนางพญาเสือโคร่งที่ขุนแจแล้วขับลงเขามุ่งหน้ามาทางดอยสะเก็ด จากเขามุ่งลงสู่พื้นราบ จากถนนใหญ่เข้าถนนเล็กเลี้ยวไปมา เห็นวิวท้องนาเพิ่งดำกล้าเสร็จเรียบร้อยใหม่ๆมีฝูงนกปากห่างนับร้อยตัวบินเวียนว่อน บ้างร่อนลงจอดเพื่อจิกกินหอยกินปู อดบอกหมอพอให้หยุดถ่ายรูปไม่ได้เพราะภาพนี้ให้ฟีลลิ่งดีเหลือเกิน ผืนนาสีเขียวอ่อนไม่ใหญ่มาก มีแบคกราวด์เป็นบ้านชนบทสองชั้นหลังเล็กหนึ่งหลัง
ขับต่อมาอีกก็ผ่านท้องนาที่มีชาวนากลุ่มหนึ่งประมาณสิบคนกำลังลงแขกดำกล้ากันอยู่ เป็นภาพที่ผมแทบไม่ได้เห็นอีกเลยนับตั้งแต่ออกจากท้องไร่ท้องนามาเรียนหนังสือและทำงานมาได้หลายสิบปี ได้เห็นภาพนี้ทำให้หวนคิดถึงวัยเด็กที่เคยตามผู้ใหญ่ไปลงแขกในนา ตัวเองก็วิ่งจับกบจับเขียดไปตามตามประสาเด็ก
ทำให้เกิดอารมณ์สุนทรียะ รำลึกถึงชีวิตชนบทภาคเหนือที่หวานเย็นอ้อยสร้อย ผมจึงหันไปถามหมอสมวงศ์ว่า
"..มอมมี่จำได้ไหม มีศิลปินคนหนึ่งที่วาดภาพชนบททางภาคเหนือในสไตล์อิมเพรสชันนิสม์ ที่เราไปดูงานแสดงภาพของเขาที่จุฬาหลายปีมาแล้ว เขาอยู่ที่ดอยสะเก็ดนี่ไม่ใช่หรือ" เธอตอบว่า
"ใช่ ตัวอาจารย์เขาชื่อเจ ภรรยาชื่อคุณจันทร์เจ้า"
ผมใส่คีย์เวอร์ดคำว่า เจ / ศิลปิน / ดอยสะเก็ด เพื่อค้นหาในกูเกิลแมพ ไม่พบอะไรเลย มีแต่ "หอศิลป์เฮือนเฟื่องฟ้า" โผล่ขึ้นมาแบบไม่เกี่ยวอะไรกับอาจารย์เจ เผอิญผมเห็นภาพสีอะคริลิกขนาดใหญ่เต็มฝาบ้านในกูเกิลแมพด้วยผมจึงเดาเอาว่าน่าจะตรงนี้แหละ เพราะศิลปินไทยที่วาดภาพสีอะคริลิกขนาดใหญ่มีไม่กี่คน
"อ้าว สวัสดีครับคุณหมอ เชิญครับ เชิญครับ " แสดงว่าอาจารย์จำผมได้
เขาเดินนำพวกเราสามพ่อแม่ลูกเข้าไปในสวนรกที่หม่นหมองด้วยขี้ฝุ่น บ่งบอกว่าครั้งสุดท้ายที่ได้น้ำคงเป็นปลายฝนที่แล้ว อาจารย์คงอ่านสายตาผมออกจึงเล่าว่า
" ผมปิดบ้าน เลิกรับแขกมาห้าปีแล้ว ตั้งแต่โควิด รูปก็ไม่มีแรงเขียนแล้ว" ผมอ้าปากค้าง
"อ้าว ทำไมละครับ"
"หมดเงินจ้างเด็ก ตั้งแต่ขายรูปงวดสุดท้ายที่เขาใหญ่ได้เงินมาก็ทะยอยใช้ไปจนเงินหมด โควิดมารายได้ไม่มี งานสอนของผมก็ไม่เคยคิดเงินเด็ก แกลลอรี่ผมก็เปิดให้ทุกคนเข้าชมฟรี จึงมีแต่รายจ่าย วาดรูปให้โรงพยาบาลแต่ละครั้งผมก็ไม่เคยเอาส่วนแบ่ง คือยกให้โรงพยาบาลหมด เงินจะเลี้ยงหมาแมวก็ไม่มีแล้ว พวกมันก็ป่วยตายกันไปเสียมาก พลังของผมก็หมดไปด้วย จึงได้แต่เก็บตัวแบบเงียบๆกลัวๆกันอยู่สองคนในบ้าน"
คุณจันทร์เจ้าออกมาสมทบ
"แถมพวกมิจฉาชีพก็แฮ้กเฟซบุ้คของอาจารย์ เอาภาพเอาคำพูดของอาจารย์ไปแต่งเดิมเพื่อดึงให้คนไปซื้อรูปของเขาโดยทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นรูปที่อาจารย์วาดขาย แล้วกูเกิ้ลแมพของอาจารย์ก็ถูกแฮ้กอีก พอคนที่ขับรถจะมาที่นี่เขาเรียกหาหอศิลป์เฮือนเฟื่องฟ้ามันก็พาคนไปที่บ้านของเขา นี่กำลังให้ลูกชายช่วยแก้ให้อยู่ อาจารย์ซึ่งไม่ชอบเรื่องเทคเป็นทุนอยู่แล้วก็เลยเบื่อ"
ผมบอกอาจารย์เจว่าเรื่องแฮ้กเอาชื่อเราไปขายนี่มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกสมัยนี้ขอให้ทำใจเสียเถอะ เว็บไซท์ของผมเองก็โดนแฮ้กจนล่มแล้วล่มอีกจนผมต้องปิดแล้วเปลี่ยนกลับมาเขียนบล็อกแทน ภาพของผมในเน็ทก็ถูกเอาไปหลอกขายยาทะลวงหลอดเลือด ยาปลุกเซ็กซ์ หรือแม้กระทั่งขายแปรงสีฟันก็มี แต่เรื่องแบบนี้ยังไงท้ายที่สุดมันก็จะแก้ไขได้ อย่าไปมองมันในแง่ร้ายมาก
อาจารย์เปิดประตูบ้านซึ่งเคยใช้เป็นแกลลอรี่ พาพวกเราเข้าไปในโถงไม้หลังคาสูงบรรยากาศอับทึบ มีแสงลอดจากหน้าต่างสูงเป็นลำลงมาพอให้ความสว่างถั่วทั้งโถง ผมกวาดสายตามองภาพอะคริลิกบนผ้าใบขนาดใหญ่น้อยที่ติดฝาบ้าง ตั้งตามพื้นบ้าง จำนวนทั้งใหญ่ทั้งน้อยนับรวมราวเกือบร้อย สไตล์ภาพของอาจารย์เจคืออาศัยวัฒนธรรมและชนบทภาคเหนือเป็นแบคกราวด์สร้างภาพแบบอิมเพรสชั่นนิสม์ขึ้นมา กล่าวคือเป็นสไตล์การเขียนภาพคล้ายภาพถ่ายแต่ให้แตกต่างจากภาพถ่ายตรงที่ใช้สีสัน ความพร่า ความเจิดจรัส ความพริ้วไหวที่เกิดจากการเคลื่อนไหวมือเร็ว การเน้นแสงและเงา ใช้สิ่งเหล่านี้สร้างความรู้สึกให้โผล่ขึ้นมาขณะผู้ชมมองภาพบนผ้าใบ ซึ่งภาพถ่ายธรรมดาทำไม่ได้
ผมเงียบไปพักใหญ่เดินดูไปรอบๆห้องโถงที่สร้างอย่างง่ายๆแต่กว้างใหญ่ มองภาพไปทีละภาพ ทีละภาพ ด้วยความรู้สึกกึ่งๆตื่นตาตื่นใจ มีความรู้สึกเหมือนเมื่อครั้งไปเยี่ยมแกลลอรีส่วนตัวของเซซานที่เซ้าท์ โพรวองซ์
"สุนทรียะ"
ใช่แล้ว สุนทรียะ ความรู้สึกดีๆทีเ่กิดขึ้นเมื่อได้เห็นสิ่งสวยๆงามๆที่เลียนแบบความสวยงามของธรรมชาติได้เหมาะเจาะลงตัว มันคือสิ่งที่เรียกว่าสุนทรียะ แล้วคนที่ช่วยให้เราได้สัมผัสเข้าถึงสิ่งนี้ได้ง่ายขึ้นก็คือศิลปิน ผมจึงพูดกับเขาจริงจังว่า
"อาจารย์ครับ หน้าที่ของศิลปินก็คือใส่ความรักและความปรารถนาดีของตนลงไปบนผืนผ้าใบ เพื่อให้คนอื่นได้มาชมมาเสพย์ได้เข้าถึงสุนทรียะ ได้มีความสุข อาจารย์จะใช้ชีวิตแบบหลบเข้ามุมด้วยความกลัวอัตตาของตัวเองจะชอกช้ำอย่างนี้มันไม่ใช่ อาจารย์จะต้องลุกขึ้นมาใหม่ เปิดแกลลอรี่ของอาจารย์ใหม่ อาจารย์สัญญากับผมได้ไหมว่าอาจารย์จะเปิดแกลลอรี่นี้ขึ้นมาใหม่ แล้วผมจะสัญญากับอาจารย์ว่าผมจะเขียนบอกแฟนบล็อกของผมว่าผมได้มาพบมาพูดกับอาจารย์อย่างนี้"
ดูท่าทางอาจารย์แกจะเกิดอาการ "กั๊ด อก" น้ำตาคลอพูดอะไรไม่ออก แต่ก็พยักหน้า ผมจึงรีบรวบรัด
"เราตกลงกันยังงี้นะ อาจารย์เปิดแกลลอรี่ใหม่ ไม่ต้องขายรูปที่มีอยู่ แต่เก็บค่าผ่านประตูเข้า" ผมหันไปถามหมอสมวงศ์ว่างานแบบนี้เขาเก็บค่าผ่านประตูกันเท่าไหร่จึงจะพอดี เธอตอบว่า
"คนละ 100 บาทแล้วเอาคูปองมาแลกกาแฟก็โอนะ"
ผมจึงสรุปว่า
"โอเค คนละร้อย แถมชาหรือกาแฟฟรีหนึ่งถ้วน มีข้าวต้มมัดหรือขนมง่ายๆเป็นเครื่องเคียงช่วยให้อยู่ท้องนิดหนึ่งก็ดีนะ" คุณจันทร์เจ้าพยักหน้า ผมจี้ถามต่อว่า
"แล้วอาจารย์จะเปิดสัปดาห์ละกี่วัน เวลาเปิดเวลาปิดจะเป็นอย่างไร" คุณจันทร์เจ้าตอบว่า
"เปิดได้ทุกวันเลยค่ะ เพราะมันเป็นบ้านของเราอยู่แล้ว ตั้งแต่ 9.00 - 18.00 น." ผมรีบสรุปอีกว่า
"โอเคเปิดทุกวันเก้าโมงเช้าถึงหกโมงเย็น อาจารย์ช่วยหาระฆังเก่าๆไปแขวนเหนือประตูให้แขกที่มาชักบอกคนในบ้านหน่อยก็เจ๋งนะครับ เมื่อกี้ผมพยายามแทบตายก็ยังติดต่อคนข้างในไม่ได้ แล้วหน้าบ้านก็เขียนอะไรไว้เสียหน่อย จะเอาตัวเล็กๆเจี๋ยมเจี้ยมแบบถ่อมตนยังไงผมก็ไม่ว่า แต่ขอให้บอก เช่น
หอศิลป์เฮือนเฟื่องฟ้า ของ เจ สุรเสน
คนเขาจะได้รู้ว่านี่..มาถูกที่แล้วและนี่เป็นของอาจาร์ยเจ ของแท้ ฮี่..ฮี่ เขียนป้ายเล็กๆบอกค่าผ่านประตูด้วย เช่น
ค่าคูปองเข้าชมคนละ 100 บาท คูปองแลกกาแฟและขนมได้
อีกอย่างหนึ่งช่วงที่ไม่มีอารมณ์เขียนรูป อาจารย์อย่าเพิ่งขายรูปเก่านะ เพราะหากขายรูปออกไปมากคนเสียค่าผ่านประตูเข้ามาเราก็จะไม่มีอะไรให้เขาดู เราอาศัยกินค่าผ่านเช้าชมนิดๆหน่อยๆแบบน้ำซึมบ่อทรายดีกว่า งานเก่าที่มีอยู่อาจารย์จ้างเขาทำ limited edition reprint เป็นภาพพิมพ์แผ่นเล็กๆขายให้นักท่องเที่ยวราคาถูกๆเป็นของฝากไปติดฝาบ้าน รอจนอาจารย์มีอารมณ์วาดรูปใหม่และกลับมาสร้างสรรค์งานดีๆได้อีกจนรูปล้นบ้าน ถึงตอนนั้นจะขายออกบ้างก็โอเค...."
จบรายการเยี่ยมศิลปินแล้ว เราสามคนพ่อแม่ลูกก็รีบลาอาจารย์เจและคุณจันทร์เจ้าเพื่อขับไปสนามบินเชียงใหม่ให้ทันนกแอร์ ไปถึงแล้วเจ้ากรรม นกแอร์เลื่อน..น ตามปกติ ฮิ..ฮิ..ฮิ ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น
(ปล. สำหรับแฟนบล็อกหมอสันต์ที่ขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่หากอยากจะไปเยี่ยมอุดหนุนอาจารย์เจแต่ไปไม่ถูก โทรหาอาจารย์ได้ที่ โทร. 081 454 4056 แกลลอรีของอาจารย์อยู่ที่ 264/1 บ. ศาลาปางสัก ต. เชิงดอย อ. ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ 50220)
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์