หมอสันต์เพิ่มภาคผนวก ในจดหมายแผ่นเสียงตกร่อง

เรียนท่านนายกฯ และท่านรมต.สธ.

ความเป็นมา

ก่อนการเลือกตั้งผมเคยเขียนจดหมายฉบับแผ่นเสียงตกร่องล่วงหน้าถึงท่าน ถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนทิศทางจากการเอาโรงพยาบาลเป็นฐานมุ่งไปที่การรักษาโรค มาเป็นเอาตัวประชาชนและบ้านของเขาเป็นฐานเพื่อมุ่งไปที่การเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อสร้างเสริมสุขภาพแทน โดยกำหนดเป็นนโยบายของรัฐอย่างตรงๆ โต้งๆ และอย่างเป็นวาระแห่งชาติ และโดยกำหนดเจตนาอันแรงกล้าว่าเราจะทุ่มทรัพยากรทั้งหมดไปที่ตรงนี้ จะใช้กลไกที่มีทั้งหมดเพื่อการนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกลไกภาษี ความละเอียดแจ้งอยู่แล้วนั้น

จากวันนั้นถึงวันนี้มีข้อมูลบางอย่างเพิ่มขึ้นที่เป็นเหตุให้ผมขออนุญาตเขียน “ภาคผนวก” นี้แนบท้ายจดหมายแผ่นเสียงตกร่องเดิม กล่าวคือความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ทำให้ต้องส่งเสริม health tourism ซึ่งมีอยู่สองซีกคือซีกการรักษาพยาบาล กับซีกที่เรียกรวมว่า health and wellness tourism อันหมายถึงการมาพักค้างในประเทศไทยสั้นบ้างยาวบ้างในรีสอร์ทและศูนย์สุขภาพ (health and wellness center) ต่างๆด้วยจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูสุขภาวะของตน จดหมายฉบับนี้ของผมมีเจตนาที่จะเสนอข้อมูลและทางเลือกในการจะจรรโลงให้ธุรกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนี้มีผลดีต่อทั้งนักท่องเที่ยวและต่อนโยบายสาธารณสุขของชาติ

ข้อพิจารณา

ก่อนอื่นผมขอให้ข้อมูลเชิงกรณีศึกษา โดยยกตัวอย่างประเทศสหรัฐฯ เนื่องจากวงการแพทย์ไม่สามารถรักษาโรคเรื้อรังให้หายได้ ประชาชนส่วนหนึ่งได้หันไปพยายามเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาโรค ทำให้มีความต้องการ “ผู้ช่วย” ซึ่งเรียกง่ายว่า “โค้ชสุขภาพ” (health and wellness coach) จึงเหนี่ยวนำให้เกิดผู้ตั้งตนเป็นโค้ชสุขภาพเข้ามาประกอบอาชีพนี้จากหลายทิศหลายทาง งานวิจัยพบว่าโค้ชสุขภาพช่วยให้การเปลี่ยนนิสัยได้สำเร็จมากขึ้นจริง [1] ซึ่งสอดคล้องกับความนิยมของลูกค้าที่ต้องการโค้ชสุขภาพมากขึ้น นับถึงปี ค.ศ. 2021 การสำรวจเบื้องต้นพบว่ามีคนประกอบอาชีพนี้ทั้งประเทศราว 128,000 คน [2] กลายเป็นธุรกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและเปะปะ การขยายตัวเป็นไปอย่างเร็วมากในส่วน work place wellness initiatives ประเมินว่ามีวงเงิน 7000 ล้านเหรียญต่อปี เนื่องจากผู้ตั้งตัวเป็นโค้ชสุขภาพมีความแตกต่างหลากหลายและเข้ามาทำอาชีพนี้ได้อย่างอิสระเสรี ส่วนหนึ่งมาด้วยเจตนาแฝงที่จะยัดเยียดขายสินค้าของตน เช่นวิตามิน อาหารเสริม คอร์สเสริมความงาม อุปกรณ์กายบำบัด ฯลฯ ให้แก่ลูกค้า ทำให้การโค้ชก่อความเสียหายต่อลูกค้าจำนวนหนึ่งแม้ว่าจะเป็นจำนวนผู้เสียหายที่ไม่มากนัก ในปี ค.ศ. 2017 สถาบันฝึกสอนโค้ช 125 แห่งจึงได้รวมกันเป็น International Consortium for Health  and Wellness Coaching – ICHWC แล้วจัดหลักสูตรการผลิตโค้ชมาตรฐานขึ้นเรียกว่า National Board Certified Health and Wellness Coaching (NBC-HWC) ภายใต้การควบคุมของ Medical Specialty Board แต่ผ่านไปแล้ว 7 ปีก็ทำได้แค่ปรับโค้ชเก่าให้ได้มาตรฐานจนรับหนังสือรับรองระดับชาติได้เพียงประมาณ 8400 คนหรือประมาณ 6% เท่านั้น ยังไม่สามารถจัดการใดๆกับโค้ชอิสระอีกเป็นแสนคนซึ่งคงจะเติบโตอย่างขาดการควบคุมต่อไป

ข้อเสนอแนะ

การจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโดยเปิดให้เกิด Health and Wellness Centers ขึ้นตามเมืองท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องมี Health and Wellness Coaches เป็นคนทำงานหลักอยู่ในนั้น รัฐจำเป็นจะต้องกำหนดมาตรฐานคุณภาพของศูนย์สุขภาพและมาตรฐานวิชาชีพของตัวโค้ชสุขภาพขึ้นมารองรับก่อน เพื่อไม่ให้ใครก็ตามที่แม้จะขาดคุณสมบัติก็อ้างตัวเป็นโค้ชสุขภาพมาแสวงประโยชน์กับนักท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเดิมกับที่เคยเกิดขึ้นแล้วในประเทศสหรัฐฯ เพราะเกิดแล้วการจะตามแก้ไขนั้นเป็นเรื่องยาก

ขอแสดงความนับถือ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

  1. Gordon NF, Salmon RD, Wright BS, Faircloth GC, Reid KS, Gordon TL. Clinical Effectiveness of Lifestyle Health Coaching: Case Study of an Evidence-Based Program. Am J Lifestyle Med. 2016 Jul 7;11(2):153-166. doi: 10.1177/1559827615592351. PMID: 30202328; PMCID: PMC6125027.
  2. Suleta K. Health care coaches are the next big thing. They’re also completely unregulated. https://www.statnews.com/2023/05/09/health-care-coaches-regulation/

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี