คนบ้าโปรตีน

เรียนคุณหมอสันต์
ดิฉันหวังว่าอาการต่างๆจากอุบัติเหตุของคุณหมอคงจะฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมแล้วนะคะ วันนี้ดิฉันมีเรื่องรบกวนให้คุณหมอช่วยแนะนำผลการตรวจแลป 2 ตัวนี้หน่อยค่ะ (c reactive protein 0.4 mg/L, homocysteine 11.2 micromol/L ) แปลว่าดิฉันทานโปรตีนเยอะเกินไปและมีค่าการอักเสบในเส้นเลือดสูงใช่ไหมคะ ดิฉันควรลดการทานโปรตีนให้น้อยลงหรือเปล่า ทานโปรตีนเยอะเพราะกล้ามเนื้อเริ่มลดจากอายุที่เพิ่มขึ้นค่ะ ตอนนี้พยายามทานให้ได้โปรตีนวันละ 60 กรัม หรืออกไก่ 7-11 ประมาณ 3 ชิ้น
ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
………………………………………………………………………

ตอบครับ

มาอีกละ คนบ้าโปรตีน แต่คุณถามมาผมก็จะตอบไป ผมตอบให้ทีละประเด็นนะ

1.. ถามว่า c – reactive protein สูงแสดงว่าการอักเสบในร่างกายมากขึ้นใช่ไหม ตอบว่าถ้ามันสูงก็ใช่ครับ แต่กรณีของคุณมันไม่ได้สูง เพราะค่าปกติถือกันที่ไม่เกิน 5 mg/L ของคุณไม่ได้เกิน

2.. ถามว่า homocysteine สูงแสดงว่าการอักเสบในร่างกายเกิดมากขึ้นใช่ไหม ตอบว่าผลเลือดของคุณไม่ได้สูงนะครับ ค่าปกติในคนไทยนับกันว่าถ้าไม่เกิน 15 micromole/L ถือว่าปกติ ของคุณก็คือปกติ แต่ผมพูดเผื่อท่านผู้อ่านท่านอื่น ติ๊งต่างว่าระดับ homocysteine สูง มันหมายความว่าอาจมีการขาดวิตามินที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในการเปลี่ยนตัว homocysteine ซึ่งเป็นของไม่ดีไปเป็น methionine ซึ่งเป็นของดี วิตามินที่มีหน้าที่ช่วยการเปลียนตรงนี้ก็คือวิตามินบี.6 โฟเลท (วิตามินบี.9) และวิตามินบี.12 วิตามิน

วิตามินบี.6 คนที่กินอาหารพืชหลากหลายอยู่แล้วจะไม่ขาดวิตามินบี.6 เพราะมีอยู่ในพืชทั่วไปเช่น แครอท ป้วยเล้ง มันเทศ ถั่วต่างๆ กล้วย อะโวกาโด้เป็นต้น

โฟเลท คนทั่วไปก็ไม่ขาดเพราะมีในผักใบเขียวที่ยังไม่โดนความร้อน (แต่ถ้าต้มแล้วจะเสียโฟเลทไปค่อนข้างมาก)

วิตามินบี.12 ที่มีความเสี่ยงขาดจริงจังก็คือวิตามินบี.12 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่อายุมากซึ่งการดูดซึมที่กระเพาะเสียไป และในคนที่กินแต่พืชไม่กินเนื้อสัตว์เลย (วีแกน) เพราะในพืชมีวิตามินบี.12 น้อย ดังนั้นคนที่กินอาหารแบบวีแกนหากตรวจเลือดพบว่าโฮโมซีสเตอีนสูงต้องวินิจฉัยว่าขาดวิตามินบี.12 ไว้ก่อน และควรลงมือกินวิตามินบี.12 เสริมเลย ด้วยการกินวันละหนึ่งเม็ดเล็ก (50 ไมโครกรัม) หรือสัปดาห์ละหนึ่งเม็ดใหญ่ (500-1000 ไมโครกรัม) หรือเสริมวิตามินรวมที่มีวิตามินบี.12 อยู่ด้วย มีกี่ไมโครกรัมก็ได้ไม่ต้องเกี่ยง เพราะร่างกายต้องการวิตามินบี.12 วันละแค่ 1 ไมโครกรัมเท่านั้นเอง

3.. ถามว่ากินอกไก่วันละ 3 ชิ้นเพื่อให้ได้โปรตีนวันละ 60 กรัม ดีไหม ตอบว่าคุณอย่าเป็นคนบ้าโปรตีนนักเลย มันจะทำให้คุณดูแลสุขภาพของคุณไปผิดทาง เรื่องนี้ผมขอแยกเป็นสี่ประเด็นย่อยนะ

ประเด็นที่ 1. โปรตีนไม่ได้หมายถึงเนื้อนมไข่เท่านั้น แต่โปรตีนมีอยู่ในอาหารเกือบทุกชนิดมากน้อยต่างกันไปเช่น เนื้อสัตว์มีโปรตีนประมาณ 20% ถั่วต่างๆ งา นัท มีโปรตีนประมาณ 20-26% ไข่มี 7.5% นมวัวมี 3.5% ข้าวกล้องมี 2.6% น้ำนมคนมี 1% ดังนั้นคุณกินอาหารให้หลากหลายและกินให้อิ่มคุณได้โปรตีนครบถ้วนอยู่แล้วไม่มีขาดโปรตีนแน่นอน ไม่เชื่อคุณลองถามหมอที่คุณรู้จักคนไหนก็ได้ดูหน่อยสิ ว่าตั้งแต่เกิดมาเขาเคยเห็นคนไข้โรคขาดโปรตีน (Kwashiorkor) แบบตัวเป็นๆสักคนหนึ่งไหม ถ้าหมอท่านไหนเคยเห็นคุณช่วยบอกผมเอาบุญหน่อย ผมจะไปสัมภาษณ์คุณหมอท่านนั้นเพื่อสืบสาวไปทำวิจัยผู้ป่วยที่ว่าเป็นโรคขาดโปรตีน เพราะคนไข้โรคขาดโปรตีนจริงๆทั้งที่กินแคลอรี่ครบถ้วนสมัยนี้มันไม่มี ผมถามหมอทุกคนที่รู้จักก็ไม่มีหมอคนไหนเคยเห็น

ประเด็นที่ 2. ความเชื่อที่ว่าโปรตีนจากสัตว์คุณภาพสูงโปรตีนจากพืชคุณภาพต่ำเป็นคอนเซ็พท์ที่ไร้สาระและชักนำให้ผู้คนป่วยมากขึ้นเพราะความกลัวขาดโปรตีนทำให้ไปตะบันกินเนื้อสัตว์ทำให้เป็นโรคเรื้อรังกันมากขึ้น ความเชื่อเหลวไหลนี้มาจากการนับกรดอามิโนจำเป็น (essential amino acid) (ซึ่งร่างกายมนุษย์สร้างขึ้นไม่ได้) 9 ตัวในอาหาร อาหารใหนกรดอามิโนจำเป็นครบเก้าตัวก็นับว่าเป็นโปรตีนคุณภาพสูง อาหารไหนมีไม่ครบก็นับว่าเป็นโปรตีนคุณภาพต่ำ แต่ในชีวิตจริงมนุษย์กินอาหารหลากหลาย อาหารทุกชนิดเมื่อกินเข้าไปแล้วจะถูกย่อยเป็นโมเลกุลพื้นฐาน (basic building block) เหมือนกันหมด เช่นอาหารโปรตีนก็จะถูกย่อยเป็นกรดอามิโนเหมือนกันหมด แล้วร่างกายก็เลือดดูดซึมสิ่งที่ต้องการเข้าไปใช้ ในกรณีการดูดซึมโปรตีน ร่างกายก็จะเลือกดูดซึมกรดอามิโนที่ขาดเข้าไปใช้ อาหารนี้ไม่มีกรดอามิโนตัวนั้นก็ไปเอาจากอาหารโน้น ทำให้ภาพรวมเมื่อกินอาหารที่หลากหลายไม่มีทางขาดโปรตีน

ประเด็นที่ 3. ผู้ผลิตกรดอามิโนจำเป็นคือพืช ไม่ใช่สัตว์ คนทั่วไปเข้าใจว่าสัตว์เป็นผู้สร้างโปรตีนหรือกรดอามิโนจำเป็นขึ้นจึงศรัทธาเนื้อสัตว์ว่าเป็นแหล่งโปรตีนซึ่งพืชไม่มี นี่เป็นความเข้าใจผิด สัตว์เช่นวัวหรือหมูที่เรากินเนื้อเขา เขาก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกับเรา ร่างกายเขาก็ผลิตกรดอามิโนจำเป็นเองไม่ได้ เขาต้องไปเอามาจากพืช ดังนั้น ผู้ผลิตและจำหน่ายกรดอามิโนจำเป็นที่แท้จริงคือพืช เช่นหญ้าที่วัวกินเป็นต้น ดังนั้นหากคุณจะเคารพบูชาอาหารว่าเป็นแหล่งให้กรดอามิโนจำเป็นแก่คุณคุณต้องบูชาพืชผักผลไม้ถั่วงานัทและธัญพืชไม่ขัดสี ไม่ใช่ไปบูชาเนื้อสัตว์

ประเด็นที่ 4. ร่างกายมนุษย์ไม่ได้ต้องการโปรตีนมาก เมื่อตะกี้ผมจะระไนให้คุณฟังว่า เนื้อสัตว์มีโปรตีนประมาณ 20% ถั่วต่างๆ งา นัท มีโปรตีนประมาณ 20-26% ไข่มี 7.5% นมวัวมี 3.5% น้ำนมคนมี 1%ฟังให้ดีนะ น้ำนมแม่ซึ่งเป็นอาหารโปรตีนอย่างเดียวที่ธรรมชาติให้มาในยามที่ร่างกายมนุษย์ต้องการโปรตีนสูงสุดคือกำลังเติบโตในช่วง 0-6 เดือนแรกของชีวิต มีโปรตีนเพียง 1% เพราะธรรมชาติร่างกายมนุษย์แท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการโปรตีนมากมายอย่างที่คนทั่วไปคาดคิดกัน คนทั่วโลกทุกวันนี้กินอาหารโปรตีนเกินความต้องการ แต่กินอาหารกากหรือเส้นใยพืชต่ำกว่าความต้องการของร่างกายไปมาก

5.. ถามว่าอายุมากแล้ว กล้ามเนื้อลีบลง ถ้าตั้งอกตั้งใจกินอกไก่วันละ 3 ชิ้นจะทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นไหม ตอบว่ากล้ามเนื้อไม่ขึ้นหรอกครับ อย่างเก่งก็ทำให้พุงของคุณใหญ่ขึ้น เพราะกลไกการเกิดกล้ามเนื้อลีบในผู้สูงอายุไม่ได้เกิดจากการขาดอกไก่ แต่มันลีบเพราะการลดการใช้งานประกอบกับการลดลงของฮอร์โมนสร้างกล้ามเนื้อ (แอนโดรสเตอโรน) ซึ่งค่อยๆลดลงตามวัย ปัญหานี้ไม่ใช่จะมาแก้ได้ด้วยการกินอกไก่ แต่ต้องแก้ด้วยการขยันออกกำลังกายฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขยันขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวทั้งวันเพื่อเพิ่มการใช้งานกล้ามเนื้อมากขึ้น ร่วมกับกินอาหารให้ร่างกายได้รับแคลอรีมากพอเพียง เพราะถ้าแคลอรีจากอาหารไม่พอ ร่างกายจะสลายเอากล้ามเนื้อที่ลีบอยู่แล้วมาเผาผลาญเป็นพลังงาน ดังนั้นหากอยากแก้ปัญหานี้ให้คุณกินอาหารที่มีพืชเป็นหลักให้หลากหลายและกินให้อิ่ม แล้วออกกำลังกายเล่นกล้ามทุกวัน กล้ามเนื้อคุณจึงจะไม่ลีบ โดยที่ขณะเดียวกันก็จะไม่มีไขมันอิ่มตัวจากอกไก่ไปก่อโรคเรื้อรังสาระพัดให้คุณในภายหลัง คุณอย่าคิดว่าในอกไก่จะไม่มีไขมันนะ งานวิจัยที่อังกฤษพบว่าเมื่อเอาเนื้อไก่ที่เลาะเอาหนังและมันออกแล้วไปวิเคราะห์ดูว่าแคลอรี่ที่ได้จากอกไก่มาจากสารอาหารประเภทไหนบ้าง พบว่า 50% มาจากไขมันที่แทรกอยู่ในเซลกล้ามเนื้อ 50% นะ 50%ของเนื้อที่คุณภูมิใจว่ามันลีน (lean) เนี่ย 50% เป็นไขมัน เพราะว่าไก่ที่เขาเลี้ยงมาให้คุณกินทุกวันนี้มันเป็นโรคอ้วน หิ..หิ ถ้าคุณไม่เชื่องานวิจัยที่อังกฤษ คุณจะทดลองดูกับตัวเองก็ได้ กินอกไก่วันละสามชิ้นทุกวัน สักสามเดือนแล้วไปเจาะเลือดดูไขมัน LDL ว่ามันสูงหรือต่ำ นั่นแหละอนาคตของคุณ เพราะไขมัน LDL คือปัจจัยกำหนดโรคเรื้อรังหลายโรคล่วงหน้าสำหรับคุณ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี