หนูอ่านเมนูจบแล้ว ไม่ต้องทานก็ได้ ใช่ไหมค่ะ?

หนูศึกษาปฏิบัติธรรมมาพักหนึ่งแล้ว ก็หลายปีอยู่ ต่อมาได้ติดตามบล็อกของคุณหมอหนูมีความรู้สึกว่าลัดสั้นตรงดี จนหนูมีความเห็นว่าหยุดแค่ตรงนี้น่าจะพอแล้ว ไม่ต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไปอีกหรอก ไม่ทราบหนูคิดถูกหรือเปล่า ว่าแค่อ่านบล็อกของคุณหมอก็น่าจะได้ความรู้ธรรมมากและพอเพียงแล้ว เป็นความคิดที่คับแคบแบบกบในกะลาหรือเปล่าคะ

………………………………………………………………..

ตอบครับ

1.. ถามว่าศึกษาธรรมะมากแล้ว หยุดแค่หมอสันต์นี้ได้ไหม ก่อนจะตอบคำถามนี้ ผมอุปมาอุปไมยหน่อยนะ ปีใหม่นี้ผมเปิดร้านขายอาหารสามมื้อทุกวันในเวลเนสวีแคร์ที่มวกเหล็กเพื่อให้คนได้มาหัดรับประทานอาหารที่มีแต่พืชไม่มีเนื้อสัตว์ และเพื่อให้คนที่มาทานอาหารได้ความรู้เกี่ยวกับอาหารพืชอย่างลึกซึ้ง ผมจึงให้นักโภชนาการวางแผนจัดทำเมนูที่ให้รายละเอียดของพืชที่นำมาประกอบอาหารแต่ละเมนู คราวนี้สมมุติติ๊งต่างว่ามีลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน นั่งศึกษาเมนูอาหารทุกเมนูอย่างละเอียดอยู่ครึ่งค่อนวัน แล้วเงยหน้าถามว่า

“หนูอ่านเมนูจบหมดแล้ว หนูไม่ต้องทานก็ได้ใช่ไหมคะ?”

คุณจะให้ผมตอบว่าไงละครับ หิ..หิ

ฉันใดก็ฉันเพล การวางความคิดเพื่อให้หลุดพ้นจากสำนึกว่าเป็นบุคคลอันเป็นเหตุของความเครียดทั้งหลายนั้น เป็นประเด็นการลงมือทำ ไม่ใช่ประเด็นความรู้ความเข้าใจ เพราะการเข้าให้ถึง “ใจ” ที่ว่างจากความคิดต้องเข้าได้ด้วยการฝึกใช้ทักษะที่จะช่วยให้วางความคิดให้สำเร็จก่อนเท่านั้น บล็อกของหมอสันต์แค่แชร์ประสบการณ์ว่าเครื่องมือไหนใช้วางความคิดได้อย่างไรเท่านั้น คือเหมือนเป็นแค่เมนูให้อ่าน ส่วนการเข้าถึงภาวะว่างจากความคิดจริงๆนั้นเป็นประสบการณ์ซึ่งจะต้องลงมือทำเองเหมือนการลงมือทานอาหารพืชเพื่อให้มีสุขภาพดี มันคนละเรื่องเดียวกันกับการอ่านเมนูนะคะคุณน้องขา

2.. ถามว่าการหยุดศึกษาเรียนรู้คำแนะนำเส้นทางสู่ความหลุดพ้นไว้แค่นี้ จะกลายเป็นกบในกะลาที่จะล้าหลังชาวบ้านเขาหรือเปล่า ตอบว่าคำแนะนำทั้งหลายในโลกนี้ไม่ว่าจะมาในรูปของ ขี้ปาก, บทความ, หนังสือ, วิดิโอคลิป ไม่ว่าจะมาจากคนธรรมดา นักบวช ทั้งนักบวชในศาสนาและนอกศาสนา หรือสารพัดบริษัทที่หากินด้วยการทำกำไรก็ตาม มันล้วนมีแก่นหรือสาระเหมือนกันหมด..ว่า

“ที่คนเป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความคิด หากวางความคิดลงเสียได้ ก็พ้นทุกข์”

ซึ่งความข้อนี้อย่าว่าแต่คุณซึ่งศึกษาปฏิบัติธรรมมาแล้วเป็นสิบๆปีเลย แม้แต่เด็กที่เรียนวิชาศาสนาเบื้องต้นระดับมัธยมก็รู้ หรือเด็กที่ได้อ่านบทความทางอินเตอร์เน็ทไม่กี่หน้าก็รู้แล้ว เมื่อใจความมันมีแค่นี้ และคุณก็รู้หลักใหญ่ใจความนั้นเรียบร้อยแล้ว คุณจะทู่ซี้ค้นหา ศึกษา ตะบันอ่าน ตะบันดู มันต่อไปอีกทำพรื้อละครับ ดังนั้นผมตอบว่าแค่นี้หยุดได้แล้ว หยุดอ่านหนังสือ หยุดดูวิดิโอคลิป แต่ลงมือฝึกใช้เครื่องมือต่างๆวางความคิดให้สำเร็จซะที ไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นเขาจะว่าคุณเป็นกบมืดบอดอยู่ในกะลาขณะที่พวกเขาเป็นกบนอกกะลาที่เปิดลูกกะตามีวิสัยทัศน์เห็นกว้างไกลไร้ขอบเขต หรือคนอื่นเขาจบป.ตรี โท เอก ทางศาสนาปรัชญาขณะที่คุณไม่ได้ซักปริญญาเดียว ทั้งหมดเหล่านั้น (ที่คุณคิดว่าคนอื่นเขาจะว่า) มันเป็นเพียงความคิด สิ่งที่คุณพึงทำคือวางมันลงซะ ไม่ใช่พยายามขลุกอยู่ในนั้นหรือพยายามคิดต่อยอดตามมันไปอีกทั้งๆที่รู้ว่ามันนั่นแหละคืออุปสรรคของความหลุดพ้น

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี