เมื่อชีวิตผ่านความตายมาแล้ว

     อีกหนึ่งสาระประโยชน์จากสมาชิก RDBY ท่านหนึ่ง ให้ข้อคิดและอุทาหรณ์เตือนใจที่ดีมากสำหรับท่านผู้อ่านที่ถือว่าตัวเองยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ขอขอบคุณท่านเจ้าของประสบการณ์ที่ช่วยให้คนอื่นเรียนรู้เป็นอย่างดีนี้ด้วยนะครับ

................................................

เมื่อชีวิตผ่านความตายมาแล้ว

     3 กันยายน 2560 ช่วงเช้ามีอาการเจ็บ หน้าอกอย่างรุนแรง และเริ่มปวดร้าวมาที่แขนซ้าย ภรรยาจึงรีบขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลวิภาวดี โชคดีที่เป็นเช้าว้นอาทิตย์ ใชเ้วลาประมาณครึ่งชั่วโมง คุณหมอซักประวัติ สัมภาษณ์ประมาณ 1 นาทีผมก็หมดสติหัวใจหยุดเต้น ทีมแพทย์และพยาบาลฉุกเฉินปั๊มหัวใจขึ้นมา ได้ รู้สึกตัวแป๊บเดียว ผมก็หมดสติหัวใจหยุดเต้นไปอีกครั้ง (ทราบภายหลัง) คราวนี้ทีมฉุกเฉินใส่ท่อช่วยหายใจ ผมจึงรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้

     ย้อนกลับไปดูประวัติของเรื่องนี้ บริษัทฯให้พนักงานตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ค่า LDL มากกว่า
160 (เป็นค่าที่ต้องให้ความสำคัญ) มาหลายปี มีคำแนะนำต่อท้ายสมุดตรวจสุขภาพมาโดยตลอด แต่ผมละเลย ไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จนกระทั่ง ถึงวัน ที่ผมหยุดหายใจ แพทย์ที่ ร.พ.วิภาวดีแจ้งว่าผมมีอาการเส้นเลือดอุดตันที่ LM ( Left Main เป็นจุดยุทธศาสตร์) จึงต้องทำบอลลูนเป็นการฉุกเฉิน และให้ทานยาวันละ 5.5 เม็ด
   
     ผมทราบมาว่า การทานยามากย่อมส่งผลข้างเคียง โดยเฉพาะมีผลต่อไตในระยะยาว ครั้นจะหยุดยาเองก็ไม่กล้า จนกระทั่งมาเจอคอร์ส พลิกผันโรคด้วยตนเอง (RDBY) ของหมอสันต์จึงเกิดแรงบันดาลใจที่ต้องการ “ลดยาอย่างปลอดภัย ควรทำอย่างไร”

การเข้าแคมป์ RDBY

     คุณหมอสันต์และทีมงาน มีการอบรมทั้งภาควิชาการและภาคปฏิบัติพอสรุปได้ดังนี้

 ภาควิชาการ จะบอกข้อมูลของอาหารต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กินอาหารพืชให้มากขึ้น และการกินอาหารพืชควรกินอย่างไร
 ภาคปฏิบัติ การออกกำลังกายควรออกอย่างไร กิจกรรมเสริมกล้ามเนื้อ การฝึกโยคะ การทรงตัว ฯลฯ
 การแบ่งปันประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมแคมป์ การเอื้อเฟื้อเผื่อ แผ่การมีไมตรีจิต ของเพื่อนร่วมแคมป์
 ที่สำคัญ ที่ใช้อยู่เป็นประจำ เมื่อรู้สึกว่า ขี้เกียจออกกำลังกาย คือ “ไทชิ” ผมนิยามว่า การใช้สติควบคุมการกระทำ หรืออาจกล่าวได้อีกนัยว่าทำอะไรก็ได้เมื่อมีสติควบคุม

ได้อะไรจาก RDBY

 ยาที่เคยทานอยู่วันละ 5.5 เม็ด ปัจจุบันน ทานวันละ1.5 เม็ด เดิมค่ายาครั้งละเกือบหมื่น ปัจจุบันค่ายาครั้งละพันกว่าบาท (รับยา 4 เดือน/คร้ัง)
 เปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม หรือเมื่ออยากดื่มนมก็ดื่มนมพร่องมันเนย หรือลดปริมาณการกินนมสด 100% ลง กินอาหารประเภทพืชมากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารผัดทอดด้วยน้ำมัน
 การออกกำลังกาย เดิมเป็นคนไม่ชอบการออกกำลังกาย แต่ปัจจุบันออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีเกือบทุกวัน
 ให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพ โดยเฉพาะค่า LDL
 อาหารพืชเป็นหลักสามารถทำให้อร่อยก็ได้

บทสรุป

การเข้าแคมป์ RDBY กับคุณหมอ สันต์ใจยอดศิลป์ และทีมงาน เป็นการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต
การดูแลสุขภาพอย่างมีสติ รู้จักอาหาร และการเลือกสรร รู้จักวิธีออกกำลังกายอย่างเหมาะสม รู้จักการใช้สติควบคุมการกระทำ และรู้จักธรรมดาของชีวิต

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณหมอสันต์และทีมงาน มา ณ อากาสนี้เป็นอย่างสูง

มาโนชย์ ซื่อสัตย์ อายุ 55 ปี (RDBY รุ่นที่ 9)
ปัจจุบันทำงานอยู่ที่บริษัทการบินไทย

...........................................

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี