ทั้งตีเทนนิส กอล์ฟ จักรยาน ว่ายน้ำ แต่ผลสวนหัวใจออกมาตกกะใจ
ได้email address ของอจ.มาจากคุณโอ๋ให้เรียนปรึกษาเกร่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจ..
Profile: เพศชาย/65ปี/สูง179/74.5kg มีภาวะน้ำตาลA1C 6.7,FBT 142mg/dcl กว่า 1.5ปี/ cholestrol ไปในทางสูงไม่มีอาการเจ็บหน้าอกหรือsinage เกี่ยวกับเรื่องหัใจอย่างไรเนื่องจากdaily excerciseทุกวัน..
Tennis เข้า 2 ชม.golf 2ชม.. ออกรอบอาทิตย์ละ2ครั้ง.. ขี่จักรยาน/ว่ายน้ำ/ไม่ดื่มหรือสูปบุหรี่
ไปทำmed.check up ทุกปี และปีนี้ขอหมอทำexcercise stress ผ่านสบายหากมีค่าST ยก.. หมอขอREPEAT TESTวิ่ง30mint แล้วทำheart.echo วิ่งผ่านสบายไม่เหนื่อยหากST ยังยกอยู่ แพทย์แนะนำ catalization ผลออกมาตกกะใจ(ดูรูปคับ) แพทย์แนะนำCABG เนื่องจากเป็นmultiple blockages...และถือเป็น High risk situation
คำถาม:ผมกลัวผ่าตัดมากเนื่องจากเกรงติดเชื้อ/ชีวิตหลังผ่าตัดอาจแย่ลงจากผลไตวาย/ไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ ทราบจากหลายท่านว่าอจ.มีวิธีบำบัดธรรมชาติจากการคุมอาหารและอื่นประกอบ
ผมควรจะแก้ไขปัญหาส่วนนี้อย่างไรคับ
รบกวนอจ.ด้วยคับ
.............................................
ตอบครับ
ผมดูผลการตรวจสวนหัวใจของคุณแล้ว ความเห็นของผมอาจไม่เหมือนความเห็นของหมอหัวใจที่ดูแลคุณอยู่นะ ให้คุณใช้ดุลพินิจของคุณเองประกอบ ประเด็นสำคัญคือ
1. ผมมีความเห็นที่แตกต่างจากคำวินิจฉัยของแพทย์ของคุณที่ว่าโคนหลอดเลือดใหญ่ข้างซ้าย(LM) ตีบ 50% เพราะผมดูแล้วไม่ได้มีรอยโรคที่โคนหลอดเลือดซ้ายเลย เป็นเพียงแต่รูปทรงของโคนหลอดเลือดมีลักษณะเป็นกรวยมากกว่าเป็นทรงกระบอกขณะที่ปากกรวยใหญ่ผิดปกติขณะที่ปลายกรวยมีขนาดใกล้เคียงหลอดเลือดปกติ ในภาวะเช่นนี้การประเมินนัยสำคัญของความตีบแคบต้องดูความสมดุลระหว่างหน้าตัดของโคนหลอดเลือดส่วนที่แคบที่สุดกับหน้าตัดหลอดเลือดส่วนปลายที่เลี้ยงโดยโคนหลอดเลือดนี้รวมกัน (arterial run-off) ซึ่งผมประเมินแล้วผมสรุปว่าไม่ได้มีภาวะตีบแคบที่โคนหลอดเลือดข้างซ้าย
2. งานวิจัยที่พอจะเอามาใช้ช่วยการตัดสินใจในกรณีของคุณได้คืองานวิจัย CORAGE trial ซึ่งเขาเอาคนไข้ที่เจ็บหน้าอกเกรด 1-3 จากทั้งหมด 4 เกรดมาสวนหัวใจ เอาพวกที่พบว่ามีรอยตีบสองเส้นบ้างสามมเส้นบ้างโดยที่ไม่มีรอยตีบที่โคนหลอดเลือดข้างซ้ายอย่างคุณนี้มาจับฉลากแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปรักษาแบบรุกล้ำคือทำบอลลูนหรือผ่าตัด อีกกลุ่มหนึ่งไม่ต้องทำอะไรให้กินยาอย่างเดียว แล้วตามดูไปสิบกว่าปี พบว่าทั้งสองกลุ่มมีอัตราตายในระยะยาวไม่ต่างกัน ในกรณีของคุณนี้คุณไม่มีอาการเจ็บหน้าอกเลย ประโยชน์ของการรักษาในแง่ของการบรรเทาอาการหรือการเพิ่มคุณภาพชีวิตนั้นไม่มีอยู่แล้วเพราะคุณไม่มีอาการแล้วจะไปบรรเทาอะไร ในแง่ความยืนยาวของชีวิตนั้นเล่า หากถือเอาตามงานวิจัย COURAGE ซึ่งเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดที่มีอยู่ตอนนี้ ประโยชน์ของบอลลูนหรือบายพาสในแง่ความยืนยาวของชีวิตสำหรับคุณก็ไม่มี คุณตัดสินใจเองก็แล้วกันว่าจะเลือกทำหรือไม่ทำบอลลูนหรือบายพาส
3. คำว่าธรรมชาติบำบัดของคุณ ซึ่งผมตีความว่าคุณหมายถึงการปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตเพื่อให้โรคถอยกลับทั้งการกินการอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว ไม่ใช่ทางเลือกถ้าผ่าตัดไม่ต้องทำทางนี้ ถ้าไม่ผ่าตัดค่อยมาทำทางนี้ ความเป็นจริงคือจะผ่าตัดไม่ผ่าตัดก็ต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตเพื่อให้โรคถอยกลับอยู่ดี เพราะการทำบอลลูนหรือผ่าตัดไม่ได้ทำให้โรคนี้ถอยกลับได้ จึงถือเป็นภาคกึ่งบังคับสำหรับคนเป็นโรคนี้ทุกคนที่อยากจะหายจากโรคนี้ว่าจะต้องเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตไม่ว่าจะบอลลูนผ่าตัดหรือไม่ก็ตาม เพราะสไตล์การใช้ชีวิตแบบเดิมๆนำคุณมาสู่การเป็นโรคนี้ คุณจะไม่มีวันหายจากโรคนี้หากยังใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เนื้อหาสาระหลักของการเปลี่ยนไสตล์การใช้ชีวิตก็ได้แก่การเปลี่ยนอาหารมากินอาหารที่มีพืชเป็นหลักและมีไขมันต่ำ การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การมีการสนับสนุนกันและกันในทางสังคม ผมเขียนเรื่องพวกนี้ไปบ่อยมากบล็อกนี้ คุณหาอ่านเอาได้ นั่นเป็นภาคความรู้ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือทักษะ หรือการลงมือทำ ซึ่งหลายคนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ดังนั้นผมจึงเปิดแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDBY) เพื่อสอนทักษะการลงมือทำและเพื่อตัวผมเองจะได้ติดตามดูแลเป็นแพทย์ประจำตัวและเป็นพี่เลี้ยงให้คนไข้ที่มาเข้าแค้มป์เป็นรายคนทุกคน หากคุณพัฒนาทักษะเหล่านี้เองไม่สำเร็จ ผมแนะนำให้มาเข้าแค้มป์ RDBY ครับ
4. ตรงการปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิต เช่นการเปลี่ยนอาหาร การออกกำลังกายนี้ คนจำนวนมากไปเข้าใจว่ามันเป็นการแพทย์ทางเลือก นี่เป็นความเข้าใจผิดนะครับ การเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตมันเป็นหลักวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน เป็นแก่นกลางของหลักวิชาที่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์ระดับสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบยืนยันว่ามันได้ผลแน่นอน เพียงแต่เรามัวหลงไปให้ความสำคัญแก่การรักษาด้วยเทคโนโลยีที่รุกล้ำเสียเพลินจึงลืมแก่นกลางหลักวิชาของเราไป พอไปเจอทางตันว่าเทคโนโลยีที่รุกล้ำแท้จริงแล้วไม่ได้ผล เราจึงเสาะหาทางเลือกสาระพัดแล้วก็มาเจอทางนี้เข้า ซึ่งก็คือทางสายหลักที่เราควรจะเดินมาแต่ต้นนั่นแหละ เพียงแต่เราไม่ได้เดิน
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Boden WE, O'rourke RA, Teo KK, et al; COURAGE Trial Co-Principal Investigators and Study Coordinators.The evolving pattern of symptomatic coronary artery disease in the United States and Canada: baseline characteristics of the Clinical Outcomes Utilizing Revascularization and Aggressive DruG Evaluation (COURAGE) trial. Am J Cardiol. 2007;99:208-212.
Profile: เพศชาย/65ปี/สูง179/74.5kg มีภาวะน้ำตาลA1C 6.7,FBT 142mg/dcl กว่า 1.5ปี/ cholestrol ไปในทางสูงไม่มีอาการเจ็บหน้าอกหรือsinage เกี่ยวกับเรื่องหัใจอย่างไรเนื่องจากdaily excerciseทุกวัน..
Tennis เข้า 2 ชม.golf 2ชม.. ออกรอบอาทิตย์ละ2ครั้ง.. ขี่จักรยาน/ว่ายน้ำ/ไม่ดื่มหรือสูปบุหรี่
ไปทำmed.check up ทุกปี และปีนี้ขอหมอทำexcercise stress ผ่านสบายหากมีค่าST ยก.. หมอขอREPEAT TESTวิ่ง30mint แล้วทำheart.echo วิ่งผ่านสบายไม่เหนื่อยหากST ยังยกอยู่ แพทย์แนะนำ catalization ผลออกมาตกกะใจ(ดูรูปคับ) แพทย์แนะนำCABG เนื่องจากเป็นmultiple blockages...และถือเป็น High risk situation
คำถาม:ผมกลัวผ่าตัดมากเนื่องจากเกรงติดเชื้อ/ชีวิตหลังผ่าตัดอาจแย่ลงจากผลไตวาย/ไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ ทราบจากหลายท่านว่าอจ.มีวิธีบำบัดธรรมชาติจากการคุมอาหารและอื่นประกอบ
ผมควรจะแก้ไขปัญหาส่วนนี้อย่างไรคับ
รบกวนอจ.ด้วยคับ
.............................................
ตอบครับ
ผมดูผลการตรวจสวนหัวใจของคุณแล้ว ความเห็นของผมอาจไม่เหมือนความเห็นของหมอหัวใจที่ดูแลคุณอยู่นะ ให้คุณใช้ดุลพินิจของคุณเองประกอบ ประเด็นสำคัญคือ
1. ผมมีความเห็นที่แตกต่างจากคำวินิจฉัยของแพทย์ของคุณที่ว่าโคนหลอดเลือดใหญ่ข้างซ้าย(LM) ตีบ 50% เพราะผมดูแล้วไม่ได้มีรอยโรคที่โคนหลอดเลือดซ้ายเลย เป็นเพียงแต่รูปทรงของโคนหลอดเลือดมีลักษณะเป็นกรวยมากกว่าเป็นทรงกระบอกขณะที่ปากกรวยใหญ่ผิดปกติขณะที่ปลายกรวยมีขนาดใกล้เคียงหลอดเลือดปกติ ในภาวะเช่นนี้การประเมินนัยสำคัญของความตีบแคบต้องดูความสมดุลระหว่างหน้าตัดของโคนหลอดเลือดส่วนที่แคบที่สุดกับหน้าตัดหลอดเลือดส่วนปลายที่เลี้ยงโดยโคนหลอดเลือดนี้รวมกัน (arterial run-off) ซึ่งผมประเมินแล้วผมสรุปว่าไม่ได้มีภาวะตีบแคบที่โคนหลอดเลือดข้างซ้าย
2. งานวิจัยที่พอจะเอามาใช้ช่วยการตัดสินใจในกรณีของคุณได้คืองานวิจัย CORAGE trial ซึ่งเขาเอาคนไข้ที่เจ็บหน้าอกเกรด 1-3 จากทั้งหมด 4 เกรดมาสวนหัวใจ เอาพวกที่พบว่ามีรอยตีบสองเส้นบ้างสามมเส้นบ้างโดยที่ไม่มีรอยตีบที่โคนหลอดเลือดข้างซ้ายอย่างคุณนี้มาจับฉลากแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปรักษาแบบรุกล้ำคือทำบอลลูนหรือผ่าตัด อีกกลุ่มหนึ่งไม่ต้องทำอะไรให้กินยาอย่างเดียว แล้วตามดูไปสิบกว่าปี พบว่าทั้งสองกลุ่มมีอัตราตายในระยะยาวไม่ต่างกัน ในกรณีของคุณนี้คุณไม่มีอาการเจ็บหน้าอกเลย ประโยชน์ของการรักษาในแง่ของการบรรเทาอาการหรือการเพิ่มคุณภาพชีวิตนั้นไม่มีอยู่แล้วเพราะคุณไม่มีอาการแล้วจะไปบรรเทาอะไร ในแง่ความยืนยาวของชีวิตนั้นเล่า หากถือเอาตามงานวิจัย COURAGE ซึ่งเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดที่มีอยู่ตอนนี้ ประโยชน์ของบอลลูนหรือบายพาสในแง่ความยืนยาวของชีวิตสำหรับคุณก็ไม่มี คุณตัดสินใจเองก็แล้วกันว่าจะเลือกทำหรือไม่ทำบอลลูนหรือบายพาส
3. คำว่าธรรมชาติบำบัดของคุณ ซึ่งผมตีความว่าคุณหมายถึงการปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตเพื่อให้โรคถอยกลับทั้งการกินการอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว ไม่ใช่ทางเลือกถ้าผ่าตัดไม่ต้องทำทางนี้ ถ้าไม่ผ่าตัดค่อยมาทำทางนี้ ความเป็นจริงคือจะผ่าตัดไม่ผ่าตัดก็ต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตเพื่อให้โรคถอยกลับอยู่ดี เพราะการทำบอลลูนหรือผ่าตัดไม่ได้ทำให้โรคนี้ถอยกลับได้ จึงถือเป็นภาคกึ่งบังคับสำหรับคนเป็นโรคนี้ทุกคนที่อยากจะหายจากโรคนี้ว่าจะต้องเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตไม่ว่าจะบอลลูนผ่าตัดหรือไม่ก็ตาม เพราะสไตล์การใช้ชีวิตแบบเดิมๆนำคุณมาสู่การเป็นโรคนี้ คุณจะไม่มีวันหายจากโรคนี้หากยังใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เนื้อหาสาระหลักของการเปลี่ยนไสตล์การใช้ชีวิตก็ได้แก่การเปลี่ยนอาหารมากินอาหารที่มีพืชเป็นหลักและมีไขมันต่ำ การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด การมีการสนับสนุนกันและกันในทางสังคม ผมเขียนเรื่องพวกนี้ไปบ่อยมากบล็อกนี้ คุณหาอ่านเอาได้ นั่นเป็นภาคความรู้ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือทักษะ หรือการลงมือทำ ซึ่งหลายคนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ดังนั้นผมจึงเปิดแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDBY) เพื่อสอนทักษะการลงมือทำและเพื่อตัวผมเองจะได้ติดตามดูแลเป็นแพทย์ประจำตัวและเป็นพี่เลี้ยงให้คนไข้ที่มาเข้าแค้มป์เป็นรายคนทุกคน หากคุณพัฒนาทักษะเหล่านี้เองไม่สำเร็จ ผมแนะนำให้มาเข้าแค้มป์ RDBY ครับ
4. ตรงการปรับเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิต เช่นการเปลี่ยนอาหาร การออกกำลังกายนี้ คนจำนวนมากไปเข้าใจว่ามันเป็นการแพทย์ทางเลือก นี่เป็นความเข้าใจผิดนะครับ การเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตมันเป็นหลักวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน เป็นแก่นกลางของหลักวิชาที่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์ระดับสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบยืนยันว่ามันได้ผลแน่นอน เพียงแต่เรามัวหลงไปให้ความสำคัญแก่การรักษาด้วยเทคโนโลยีที่รุกล้ำเสียเพลินจึงลืมแก่นกลางหลักวิชาของเราไป พอไปเจอทางตันว่าเทคโนโลยีที่รุกล้ำแท้จริงแล้วไม่ได้ผล เราจึงเสาะหาทางเลือกสาระพัดแล้วก็มาเจอทางนี้เข้า ซึ่งก็คือทางสายหลักที่เราควรจะเดินมาแต่ต้นนั่นแหละ เพียงแต่เราไม่ได้เดิน
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Boden WE, O'rourke RA, Teo KK, et al; COURAGE Trial Co-Principal Investigators and Study Coordinators.The evolving pattern of symptomatic coronary artery disease in the United States and Canada: baseline characteristics of the Clinical Outcomes Utilizing Revascularization and Aggressive DruG Evaluation (COURAGE) trial. Am J Cardiol. 2007;99:208-212.