ศักยภาพของคนที่จะดูแลตัวเองได้นั้นมีมากมายมหาศาล
ก่อนจะตอบจดหมายในวันนี้ ขอแจ้งข่าวนิดหนึ่งว่าช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นี้ เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ไม่ได้ปิด ยังคงเปิดให้ผู้สนใจเข้าไปนอนพักได้ตามปกติ ดังนั้นท่านที่ไม่รู้จะไปไหนดี ทำไมไม่มานอนพักที่เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ละครับ อย่างน้อยก็ได้ทานอาหารสุขภาพ (พืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำ) ได้พักผ่อนในบรรยากาศเงียบสงบร่มรื่นไม่จุ้นจ้าน สำหรับคนสูงอายุก็มีที่ฝึกออกกำลังแบบกายเสริมการทรงตัวให้ใช้ฟรี สำหรับคนที่ชอบการรักษาทางเลือกก็สามารถใช้บริการนวดบำบัดหรือนวดผ่อนคลายทั้งแบบแผนไทยและแผนอายุรเวชอินเดียได้ (เสียเงินเองนะ) นอกจากนี้ในวันที่ 31 ธค. 61 เวลา 15.00 - 17.00 น.ยังจะมีกิจกรรม Walk rally ให้ท่านที่สนใจการเดินออกกำลังกายแบบสนุกๆเข้าร่วมได้ฟรีอีกด้วย กลางคืนก็มีกิจกรรมคลายเครียดโน่นนี่นั่นฟรีเช่นกัน และเป็นปกติของวันหยุดยาวที่ไม่มีแค้มป์ ผมกับหมอสมวงศ์จะไปกินข้าวเย็นร่วมกับเพื่อนๆและแฟนๆบล็อกที่นั่น
อ้อ..สำหรับคนที่ไม่เคยมานอนพักที่เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ ที่นี่จะไม่มีบางอย่างที่บางท่านอาจเห็นเป็นเรื่องสำคัญนะ คือ (1) ไม่มีทีวี. เพราะผมเห็นว่าที่ปลีกวิเวกที่ดีไม่ควรมีทีวี. (2) ไม่มีการจุดพลุ (3) ไม่มีที่สูบบุหรี่ หากท่านจะสูบบุหรี่ต้องไปนู้น..น ที่ถนนดำข้างนอก
ค่าที่พัก ห้องละ 3,000 บาทรวมอาหารเช้าสำหรับผู้พักสองท่าน (ราคาเต็ม high season ไม่มีส่วนลด) ท่านที่สนใจจะจองห้องพัก กรุณาติดต่อที่คุณเอ๋ย (เชิญขวัญ) ที่หมายเลข 063 639 4003 หรือ 02 038 5115หรือไลน์ @wellnesswecare หรืออีเมล chernkwan@wellnesswecare.com
เอาละ..คราวนี้มาตอบจดหมายกันดีกว่า
............................................
กราบเรียน คุณหมอ ครับ
ผมเดาสุ่มที่จะเขียนถึงคุณหมอตรงนี้ คือผมไม่มีความรู้ทางเฟสบุคหรือ โซเซียนเลย ใช้มือถือเพียงกดเข้าออก และให้ลูกหลานทำให้ คือ ผมเพียง ต้องการ กราบขอบพระคุณ คุณหมอที่ช่วยรักษาผม จากอาการ แน่นหน้าอก หายใจติดขัด คืออย่างนี้ครับ ปกติ ผมเป็นถุงลมโป่ง ความดัน ไขมัน 3 อย่างนี้ ผมตรวจประจำ ที่ รพ ... 3 เดือนครั้ง เมื่อ 5 เดือนก่อน ผมมีอาการ เจ็บ แน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายมาก หายใจแรง บังเอิญถึงกำหนดผมต้องไปพบแพทย์พอดี และแพทย์ตรวจเขียนสั่งผมไปแผนกหัวใจ ผมไปพบ จนท และให้ใบนัดผมวันที่ 6 มกราคม 62
ผมวิตกมาก เมื่อกลับมา ก็เปิด you tube ศึกษา เปิดไปมาพบคุณหมอในคลิปที่คุณหมอกับนายแพทย์อีกคนและสุภาพสตรีอีกคนพูดกัน คุณหมอว่าคุณหมอป่วยเกี่ยวกับเส้นเลือดอุดตัน และคณหมอรักษาที่ต้นเหตุ งดเนื้อสัตว์ กินผัก และอื่นๆ
มจึงปฏิบัติตาม ตั้งแต่เดือน กรกฏาคม มาถึงวันนี้ อาการ ทุกอย่างที่ผมบอกมาหายหมด จริงๆ ผมออกกำลังทุกวัน ได้ดังนี้
ปั่น จกย 30 นาที แล้วลงเดิน 1.5 กม แกว่งแขน 500
เล่นเครื่องโยก 20 นาที รวมๆประมาณ 1 ชม 30 นาที
เหนื่อยเหมือนกัน แต่ไม่มาก ไม่รู้สึกเจ็บหน้าอก แน่นอีก ผมยังไม่ได้ตรวจแพทย์ เพราะยังไม่ถึงวันนัด
แต่ความรู้สึกส่วนตัว ผมดีมาก ผมเดินขึ้นเนินได้สบาย ผมยังคงละเนื้อสัตว์ แต่ผมกินปลาน่ะครับ ผมหุงข้าวใส่ถั่วแบบคุณหมอ นน. ผมลด 4 โล เอวลด 3 นิ้วเศษ
ผมขอกราบเท้าขอบพระคุณคุณหมอครับ
อาจผิดช่องทาง ผมขออภัยครับ
ผมชื่อ ... ครับ
พิมพ์ผิด บ้างขออภัยด้วยครับ ผมอายุ 77 ครับ
........................................
ตอบครับ
จดหมายฉบับนี้ไม่มีคำถาม เพียงแค่อยากจะเล่าอะไรให้ฟัง ผมหยิบจดหมายฉบับนี้มาตอบด้วยสองเหตุผล คือ (1) อยากให้แฟนบล็อกหมอสันต์ได้มองผู้ชายอายุ 77 ปีท่านนี้แล้วกลับมามองตัวเอง และ (2) วันนี้ผมเพิ่งเสร็จจากทำแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDBY10) ยังวุ่นวายเคลียร์งานค้างจึงไม่อยากตอบจดหมายที่ต้องตอบยาวๆ โดยในการตอบครั้งนี้ ผมขอไฮไลท์ให้ท่านผู้อ่านชำเลืองดูจดหมายของท่านผู้ที่ส่งมาใน 3 ประเด็น
ประเด็นที่ 1. ศักยภาพที่คนเราในฐานะมนุษย์คนหนึ่งจะดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยตัวเองให้สำเร็จนั้น มันมีมากมายมหาศาลมาก อายุ 77 ปี ใช้เน็ทไม่คล่อง เขียนหนังสือยังผิดๆถูกๆ (ผมถือวิสาสะแก้ไปหลายคำเพื่อไม่ให้การอ่านของท่านอื่นๆติดขัด) แต่ขอเพียงแค่รู้ทิศทางว่าจะต้องเดินไปทางไหน ก็สามารถเดินไปได้ด้วยตัวเองแบบ ปร๋อ.. งานวิจัยทางการแพทย์ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ให้ผลแบบเดียวกัน ว่าขอแค่ผู้ป่วยมีความบันดาลใจแร้ง..ง...ง พอที่จะลุกขึ้นมาดูแลตัวเองเท่านั้น การจัดการโรคของผู้ป่วยที่ว่ายากๆราวกับปัญหาโลกแตกนั้นก็จะง่ายดุจพลิกฝ่ามือ
ประเด็นที่ 2. ในการดูแลตัวเองนั้น การรู้จักเลือกใช้ช่วงจังหวะเวลาให้มันผสานกับการรักษาของแพทย์ที่โรงพยาบาลมีความสำคัญ อย่างในรายนี้หมอเขานัดตรวจ (สวนหัวใจ) ในเวลาไม่นานหรอก คือ 7 เดือน (ดีกว่าที่นิวซีแลนต์สมัยผมเป็นหมอผ่าตัดหัวใจอยู่ที่นั่น คนไข้ได้คิวผ่าตัดบายพาสในอีก 4 ปีข้างหน้า..ถ้าคุณยังอยู่ หิ หิ) ท่านผู้เขียนจดหมายนี้ใช้ช่วงเวลาก่อนที่จะถึงวันหมอนัดครั้งต่อไปลงมือทดลองเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตใหม่ทั้งการกินพืชเป็นหลักลดเนื้อสัตว์ลงและการออกกำลังกาย แล้วก็พบว่าอาการของโรคคืออาการเจ็บหน้าอกเวลาออกแรงหายเป็นปลิดทิ้งแม้จะเดินขึ้นเนิน ปั่นจักรยานหรือใช้เครื่องโยกก็ไม่เจ็บ ข้อมูลนี้มีประโยชน์มากในการพบกับหมอครั้งต่อไป เพราะมันเป็นข้อมูลคุณภาพชีวิตซึ่งหมอเขาจำเป็นต้องใช้ประกอบการให้คำแนะนำว่าควรจะจัดการกับโรคนี้ต่อไปอย่างไรดี ถ้าไม่รู้จักใช้จังหวะที่รอหมอนัดทำการทดลองเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิต ข้อมูลดีๆเช่นนี้ก็จะไม่มี การตัดสินใจแนะนำของแพทย์ก็อาจจะหันเหไปสู่การตรวจวินิจฉัยและรักษาแบบรุกล้ำซึ่งมีความเสี่ยงและอาจจะไม่ได้มีประโยชน์มากไปกว่าการไม่ทำ
ประเด็นที่ 3. ในการดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ทั้งอาหารและการออกกำลังกายนั้นน สิ่งสูงค่าที่สุดที่ได้มาไม่ใช่เป็นแค่อาการของโรคหายไป แต่เป็นชีวิตที่หายไป เราได้ชีวิตที่หายไปกลับมา เหมือนที่ท่านผู้อาวุโสท่านนี้ใช้คำว่า "..ความรู้สึกส่วนตัว ผมดีมาก" ในการจัดการโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจหลอดเลือด สิ่งนี้ไม่มีใครทำให้ท่านได้ หมอเทวดาก็ทำให้ท่านไม่ได้ ท่านต้องทำด้วยตัวท่านเอง แม้งานวิจัยทางการแพทย์ก็มีข้อสรุปเช่นเดียวกันนี้ ว่าความพยายามที่จะรักษาโรคหัวใจหลอดเลือดด้วยยาหรือด้วยการรักษาแบบรุกล้ำเช่นบอลลูนหรือผ่าตัดบายพาสนั้น อย่างเก่งก็ลดอัตราตายก่อนเวลาอันควรลงได้แค่ 20-30% แต่หากตัวผู้ป่วยลงมือเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองโดยให้ตัวชี้วัดง่ายๆเจ็ดตัวอยู่ในร่องในรอย (ได้แก่น้ำหนัก ความดัน ไขมัน น้ำตาล การกินผักผลไม้ การออกกำลังกาย การไม่สูบบุหรี่) จะลดอัตราตายก่อนเวลาอันควรลงได้ถึง 91%
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
อ้อ..สำหรับคนที่ไม่เคยมานอนพักที่เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ ที่นี่จะไม่มีบางอย่างที่บางท่านอาจเห็นเป็นเรื่องสำคัญนะ คือ (1) ไม่มีทีวี. เพราะผมเห็นว่าที่ปลีกวิเวกที่ดีไม่ควรมีทีวี. (2) ไม่มีการจุดพลุ (3) ไม่มีที่สูบบุหรี่ หากท่านจะสูบบุหรี่ต้องไปนู้น..น ที่ถนนดำข้างนอก
ค่าที่พัก ห้องละ 3,000 บาทรวมอาหารเช้าสำหรับผู้พักสองท่าน (ราคาเต็ม high season ไม่มีส่วนลด) ท่านที่สนใจจะจองห้องพัก กรุณาติดต่อที่คุณเอ๋ย (เชิญขวัญ) ที่หมายเลข 063 639 4003 หรือ 02 038 5115หรือไลน์ @wellnesswecare หรืออีเมล chernkwan@wellnesswecare.com
เอาละ..คราวนี้มาตอบจดหมายกันดีกว่า
............................................
กราบเรียน คุณหมอ ครับ
ผมเดาสุ่มที่จะเขียนถึงคุณหมอตรงนี้ คือผมไม่มีความรู้ทางเฟสบุคหรือ โซเซียนเลย ใช้มือถือเพียงกดเข้าออก และให้ลูกหลานทำให้ คือ ผมเพียง ต้องการ กราบขอบพระคุณ คุณหมอที่ช่วยรักษาผม จากอาการ แน่นหน้าอก หายใจติดขัด คืออย่างนี้ครับ ปกติ ผมเป็นถุงลมโป่ง ความดัน ไขมัน 3 อย่างนี้ ผมตรวจประจำ ที่ รพ ... 3 เดือนครั้ง เมื่อ 5 เดือนก่อน ผมมีอาการ เจ็บ แน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายมาก หายใจแรง บังเอิญถึงกำหนดผมต้องไปพบแพทย์พอดี และแพทย์ตรวจเขียนสั่งผมไปแผนกหัวใจ ผมไปพบ จนท และให้ใบนัดผมวันที่ 6 มกราคม 62
ผมวิตกมาก เมื่อกลับมา ก็เปิด you tube ศึกษา เปิดไปมาพบคุณหมอในคลิปที่คุณหมอกับนายแพทย์อีกคนและสุภาพสตรีอีกคนพูดกัน คุณหมอว่าคุณหมอป่วยเกี่ยวกับเส้นเลือดอุดตัน และคณหมอรักษาที่ต้นเหตุ งดเนื้อสัตว์ กินผัก และอื่นๆ
มจึงปฏิบัติตาม ตั้งแต่เดือน กรกฏาคม มาถึงวันนี้ อาการ ทุกอย่างที่ผมบอกมาหายหมด จริงๆ ผมออกกำลังทุกวัน ได้ดังนี้
ปั่น จกย 30 นาที แล้วลงเดิน 1.5 กม แกว่งแขน 500
เล่นเครื่องโยก 20 นาที รวมๆประมาณ 1 ชม 30 นาที
เหนื่อยเหมือนกัน แต่ไม่มาก ไม่รู้สึกเจ็บหน้าอก แน่นอีก ผมยังไม่ได้ตรวจแพทย์ เพราะยังไม่ถึงวันนัด
แต่ความรู้สึกส่วนตัว ผมดีมาก ผมเดินขึ้นเนินได้สบาย ผมยังคงละเนื้อสัตว์ แต่ผมกินปลาน่ะครับ ผมหุงข้าวใส่ถั่วแบบคุณหมอ นน. ผมลด 4 โล เอวลด 3 นิ้วเศษ
ผมขอกราบเท้าขอบพระคุณคุณหมอครับ
อาจผิดช่องทาง ผมขออภัยครับ
ผมชื่อ ... ครับ
พิมพ์ผิด บ้างขออภัยด้วยครับ ผมอายุ 77 ครับ
........................................
ตอบครับ
จดหมายฉบับนี้ไม่มีคำถาม เพียงแค่อยากจะเล่าอะไรให้ฟัง ผมหยิบจดหมายฉบับนี้มาตอบด้วยสองเหตุผล คือ (1) อยากให้แฟนบล็อกหมอสันต์ได้มองผู้ชายอายุ 77 ปีท่านนี้แล้วกลับมามองตัวเอง และ (2) วันนี้ผมเพิ่งเสร็จจากทำแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDBY10) ยังวุ่นวายเคลียร์งานค้างจึงไม่อยากตอบจดหมายที่ต้องตอบยาวๆ โดยในการตอบครั้งนี้ ผมขอไฮไลท์ให้ท่านผู้อ่านชำเลืองดูจดหมายของท่านผู้ที่ส่งมาใน 3 ประเด็น
ประเด็นที่ 1. ศักยภาพที่คนเราในฐานะมนุษย์คนหนึ่งจะดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยตัวเองให้สำเร็จนั้น มันมีมากมายมหาศาลมาก อายุ 77 ปี ใช้เน็ทไม่คล่อง เขียนหนังสือยังผิดๆถูกๆ (ผมถือวิสาสะแก้ไปหลายคำเพื่อไม่ให้การอ่านของท่านอื่นๆติดขัด) แต่ขอเพียงแค่รู้ทิศทางว่าจะต้องเดินไปทางไหน ก็สามารถเดินไปได้ด้วยตัวเองแบบ ปร๋อ.. งานวิจัยทางการแพทย์ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ให้ผลแบบเดียวกัน ว่าขอแค่ผู้ป่วยมีความบันดาลใจแร้ง..ง...ง พอที่จะลุกขึ้นมาดูแลตัวเองเท่านั้น การจัดการโรคของผู้ป่วยที่ว่ายากๆราวกับปัญหาโลกแตกนั้นก็จะง่ายดุจพลิกฝ่ามือ
ประเด็นที่ 2. ในการดูแลตัวเองนั้น การรู้จักเลือกใช้ช่วงจังหวะเวลาให้มันผสานกับการรักษาของแพทย์ที่โรงพยาบาลมีความสำคัญ อย่างในรายนี้หมอเขานัดตรวจ (สวนหัวใจ) ในเวลาไม่นานหรอก คือ 7 เดือน (ดีกว่าที่นิวซีแลนต์สมัยผมเป็นหมอผ่าตัดหัวใจอยู่ที่นั่น คนไข้ได้คิวผ่าตัดบายพาสในอีก 4 ปีข้างหน้า..ถ้าคุณยังอยู่ หิ หิ) ท่านผู้เขียนจดหมายนี้ใช้ช่วงเวลาก่อนที่จะถึงวันหมอนัดครั้งต่อไปลงมือทดลองเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตใหม่ทั้งการกินพืชเป็นหลักลดเนื้อสัตว์ลงและการออกกำลังกาย แล้วก็พบว่าอาการของโรคคืออาการเจ็บหน้าอกเวลาออกแรงหายเป็นปลิดทิ้งแม้จะเดินขึ้นเนิน ปั่นจักรยานหรือใช้เครื่องโยกก็ไม่เจ็บ ข้อมูลนี้มีประโยชน์มากในการพบกับหมอครั้งต่อไป เพราะมันเป็นข้อมูลคุณภาพชีวิตซึ่งหมอเขาจำเป็นต้องใช้ประกอบการให้คำแนะนำว่าควรจะจัดการกับโรคนี้ต่อไปอย่างไรดี ถ้าไม่รู้จักใช้จังหวะที่รอหมอนัดทำการทดลองเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิต ข้อมูลดีๆเช่นนี้ก็จะไม่มี การตัดสินใจแนะนำของแพทย์ก็อาจจะหันเหไปสู่การตรวจวินิจฉัยและรักษาแบบรุกล้ำซึ่งมีความเสี่ยงและอาจจะไม่ได้มีประโยชน์มากไปกว่าการไม่ทำ
ประเด็นที่ 3. ในการดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ทั้งอาหารและการออกกำลังกายนั้นน สิ่งสูงค่าที่สุดที่ได้มาไม่ใช่เป็นแค่อาการของโรคหายไป แต่เป็นชีวิตที่หายไป เราได้ชีวิตที่หายไปกลับมา เหมือนที่ท่านผู้อาวุโสท่านนี้ใช้คำว่า "..ความรู้สึกส่วนตัว ผมดีมาก" ในการจัดการโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจหลอดเลือด สิ่งนี้ไม่มีใครทำให้ท่านได้ หมอเทวดาก็ทำให้ท่านไม่ได้ ท่านต้องทำด้วยตัวท่านเอง แม้งานวิจัยทางการแพทย์ก็มีข้อสรุปเช่นเดียวกันนี้ ว่าความพยายามที่จะรักษาโรคหัวใจหลอดเลือดด้วยยาหรือด้วยการรักษาแบบรุกล้ำเช่นบอลลูนหรือผ่าตัดบายพาสนั้น อย่างเก่งก็ลดอัตราตายก่อนเวลาอันควรลงได้แค่ 20-30% แต่หากตัวผู้ป่วยลงมือเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองโดยให้ตัวชี้วัดง่ายๆเจ็ดตัวอยู่ในร่องในรอย (ได้แก่น้ำหนัก ความดัน ไขมัน น้ำตาล การกินผักผลไม้ การออกกำลังกาย การไม่สูบบุหรี่) จะลดอัตราตายก่อนเวลาอันควรลงได้ถึง 91%
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์