มีแต่ความกลัวเป็น "ขี้" กองอยู่ในสมองของตัวเอง
คุณหมอสันต์ครับ
ผมชอบมากที่คุณหมอตอบคำถามเรื่องชีวิต ผมนำไปใช้ได้หลายเรื่อง แต่ทำไมคุณหมอหลีกเลี่ยงการพูดถึงบาปบุญคุณโทษ ความดีชั่วและศีลธรรม หรือว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณหมอ
...............................................
ตอบครับ
เปล่าครับ อย่าเข้าใจผิดว่าหมอสันต์เป็นคนไม่สนใจชั่วดีถี่ห่าง
แต่หมอสันต์ถือว่าคนอ่านบล็อกของหมอสันต์นี้ไม่ใช่คนระดับที่จะไปตีชิงวิ่งราวจี้ปล้นลักขโมยคดโกงใครแล้ว จึงไม่พูดถึงเรื่องระดับนั้น เพื่อจะได้ใช้เวลาที่จำกัดพูดถึงสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือการหลุดพ้นจากกรงแห่งความคิดของตนเอง ซึ่งการพูดกันในระดับนี้ ความคิดทุกอย่างเป็นอุปสรรคต่อความหลุดพ้นหมด ทุกความคิดคือความบ้า ซึ่งก็นับรวมทั้งความ "บ้าดี" ด้วย คุณต้องวางความคิดทั้งหมดลงให้ได้ก่อน จึงจะหลุดพ้น หากยังมีความคิด ก็ยังไม่หลุดพ้น
ไหนๆได้มีโอกาสพูดกับคนที่ให้ความสำคัญกับดีชั่วบาปบุญคุณโทษแล้ว และไหนๆก็ได้พูดถึงบาปขึ้นมาแล้ว ผมอยากจะบอกคุณว่า "ความกลัว" นี่แหละคือบาปที่แท้จริง ความกลัวไม่ใช่แค่เป็นบาปธรรมดาๆนะ แต่ความกลัวนี่แหละคือความตายตัวจริง คือผู้ร้ายตัวจริง ความคิดลบทั้งหลายงอกออกมาจากความกลัว บรรดาสิ่งร้ายๆที่มนุษย์ทำต่อกันบนโลกนี้ก็ล้วนออกมาจากความกลัวในใจของมนุษย์แต่ละคนทั้งสิ้น ชีวิตในความกลัวเป็นชีวิตที่ผิดพลาด ความคิดระยำอื่นล้วนงอกรากแตกแขนงออกมาจากความกลัวนี่แหละ เพียงแค่ไม่กลัว สวรรค์ในใจก็จะปรากฎขึ้นทันที
ในที่ทำงานของผมทุกวันนี้ผมก็ยังเต็มไปด้วยลูกน้องที่มีความกลัวเป็นขี้กองอยู่ที่ในสมองของตัวเอง ที่เล่านี่ก็เพื่อจะให้เห็นว่าแม้คนใกล้ชิดหมอสันต์ หมอสันต์ยังไม่มีปัญญาทำให้พวกเขาหายกลัวเลย เพราะในการจะเติบโตของคนเรานี้มันต้องเติบโตจากข้างในออกมาข้างนอก มาถึงระดับจะหลุดพ้นแล้วนี้ไม่มีใครสอนอะไรใครได้หรอก มีแต่วิญญาณของคุณเองเท่านั้นที่จะสอนคุณได้ ดังนั้นสำหรับคนที่อยู่ห่างไกลกันอย่างคุณ ผมคงทำได้แค่แนะนำให้คุณท่องให้ขึ้นใจจนมันกลายเป็นความคิดอัตโนมัติของคุณว่า ฉันไม่กลัวอะไร ฉันคือพระเจ้า ถ้าคุณคิดว่าคุณยังเล็กกว่าพระเจ้าแม้เพียงนิดเดียว นั่นแสดงว่าความกลัวยังแอบอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งในใจคุณ จงกล้าที่จะเป็นอิสระเสรี กล้าที่จะไปให้ไกลสุดขอบที่ความกล้าของคุณจะพาไปได้ ความลับของการมีชีวิตก็คืออย่ากลัวอะไร อย่าหวังพึ่งใคร เมื่อไหร่ที่เลิกหวังพึ่งคนอื่นได้เมื่อนั้นคุณก็เป็นอิสระเสรี 100% แล้ว จงอ้าแขนออกโอบรับจักรวาลแห่งแสงนี้ ทุกอย่างในจักรวาลนี้เป็นของคุณนะ อ้าแขนรับและโอบกอดมันไว้ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่กว้างขวาง เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำอย่างนี้ได้ เมื่อนั้นคุณหลุดพ้นแล้ว
อนึ่ง ในการจะหลุดพ้นไปจากความกลัวอันเป็นกรงของความคิดที่ขังคุณอยู่นี้ คุณต้องเข้าใจและยอมรับชีวิต ยอมรับว่าโลกนี้คือโรงยิมที่จะช่วยให้ร่างกายคุณแข็งแรง ถ้าคุณดำเนินชีวิตมาทั้งวันชีวิตไม่มีปัญหาอะไรเลย ผมชัวร์ป๊าดเลยว่าชีวิตของคุณดำเนินมาผิดทางเสียแล้ว ชีวิตต้องมีอุปสรรคขวากหนาม แต่หากเอาความตั้งใจจะหลุดพ้นเป็นวาระแห่งชีวิต ความหลุดพ้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณปักธงว่ามันเป็นวาระแห่งชีวิตของคุณ ฝันถึงมัน มีชีวิตอยู่กับมัน ให้ทั้งสมอง ร่างกาย กล้ามเนื้อ ประสาท เอ็น และกระดูก อาบรดไปด้วยวาระแห่งชีวิตอันนี้ ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ที่เขาหลุดพ้นกัน เขาหลุดพ้นกันด้วยวิธีอย่างนี้
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ผมชอบมากที่คุณหมอตอบคำถามเรื่องชีวิต ผมนำไปใช้ได้หลายเรื่อง แต่ทำไมคุณหมอหลีกเลี่ยงการพูดถึงบาปบุญคุณโทษ ความดีชั่วและศีลธรรม หรือว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณหมอ
...............................................
ตอบครับ
เปล่าครับ อย่าเข้าใจผิดว่าหมอสันต์เป็นคนไม่สนใจชั่วดีถี่ห่าง
แต่หมอสันต์ถือว่าคนอ่านบล็อกของหมอสันต์นี้ไม่ใช่คนระดับที่จะไปตีชิงวิ่งราวจี้ปล้นลักขโมยคดโกงใครแล้ว จึงไม่พูดถึงเรื่องระดับนั้น เพื่อจะได้ใช้เวลาที่จำกัดพูดถึงสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือการหลุดพ้นจากกรงแห่งความคิดของตนเอง ซึ่งการพูดกันในระดับนี้ ความคิดทุกอย่างเป็นอุปสรรคต่อความหลุดพ้นหมด ทุกความคิดคือความบ้า ซึ่งก็นับรวมทั้งความ "บ้าดี" ด้วย คุณต้องวางความคิดทั้งหมดลงให้ได้ก่อน จึงจะหลุดพ้น หากยังมีความคิด ก็ยังไม่หลุดพ้น
ไหนๆได้มีโอกาสพูดกับคนที่ให้ความสำคัญกับดีชั่วบาปบุญคุณโทษแล้ว และไหนๆก็ได้พูดถึงบาปขึ้นมาแล้ว ผมอยากจะบอกคุณว่า "ความกลัว" นี่แหละคือบาปที่แท้จริง ความกลัวไม่ใช่แค่เป็นบาปธรรมดาๆนะ แต่ความกลัวนี่แหละคือความตายตัวจริง คือผู้ร้ายตัวจริง ความคิดลบทั้งหลายงอกออกมาจากความกลัว บรรดาสิ่งร้ายๆที่มนุษย์ทำต่อกันบนโลกนี้ก็ล้วนออกมาจากความกลัวในใจของมนุษย์แต่ละคนทั้งสิ้น ชีวิตในความกลัวเป็นชีวิตที่ผิดพลาด ความคิดระยำอื่นล้วนงอกรากแตกแขนงออกมาจากความกลัวนี่แหละ เพียงแค่ไม่กลัว สวรรค์ในใจก็จะปรากฎขึ้นทันที
ในที่ทำงานของผมทุกวันนี้ผมก็ยังเต็มไปด้วยลูกน้องที่มีความกลัวเป็นขี้กองอยู่ที่ในสมองของตัวเอง ที่เล่านี่ก็เพื่อจะให้เห็นว่าแม้คนใกล้ชิดหมอสันต์ หมอสันต์ยังไม่มีปัญญาทำให้พวกเขาหายกลัวเลย เพราะในการจะเติบโตของคนเรานี้มันต้องเติบโตจากข้างในออกมาข้างนอก มาถึงระดับจะหลุดพ้นแล้วนี้ไม่มีใครสอนอะไรใครได้หรอก มีแต่วิญญาณของคุณเองเท่านั้นที่จะสอนคุณได้ ดังนั้นสำหรับคนที่อยู่ห่างไกลกันอย่างคุณ ผมคงทำได้แค่แนะนำให้คุณท่องให้ขึ้นใจจนมันกลายเป็นความคิดอัตโนมัติของคุณว่า ฉันไม่กลัวอะไร ฉันคือพระเจ้า ถ้าคุณคิดว่าคุณยังเล็กกว่าพระเจ้าแม้เพียงนิดเดียว นั่นแสดงว่าความกลัวยังแอบอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งในใจคุณ จงกล้าที่จะเป็นอิสระเสรี กล้าที่จะไปให้ไกลสุดขอบที่ความกล้าของคุณจะพาไปได้ ความลับของการมีชีวิตก็คืออย่ากลัวอะไร อย่าหวังพึ่งใคร เมื่อไหร่ที่เลิกหวังพึ่งคนอื่นได้เมื่อนั้นคุณก็เป็นอิสระเสรี 100% แล้ว จงอ้าแขนออกโอบรับจักรวาลแห่งแสงนี้ ทุกอย่างในจักรวาลนี้เป็นของคุณนะ อ้าแขนรับและโอบกอดมันไว้ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่กว้างขวาง เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำอย่างนี้ได้ เมื่อนั้นคุณหลุดพ้นแล้ว
อนึ่ง ในการจะหลุดพ้นไปจากความกลัวอันเป็นกรงของความคิดที่ขังคุณอยู่นี้ คุณต้องเข้าใจและยอมรับชีวิต ยอมรับว่าโลกนี้คือโรงยิมที่จะช่วยให้ร่างกายคุณแข็งแรง ถ้าคุณดำเนินชีวิตมาทั้งวันชีวิตไม่มีปัญหาอะไรเลย ผมชัวร์ป๊าดเลยว่าชีวิตของคุณดำเนินมาผิดทางเสียแล้ว ชีวิตต้องมีอุปสรรคขวากหนาม แต่หากเอาความตั้งใจจะหลุดพ้นเป็นวาระแห่งชีวิต ความหลุดพ้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณปักธงว่ามันเป็นวาระแห่งชีวิตของคุณ ฝันถึงมัน มีชีวิตอยู่กับมัน ให้ทั้งสมอง ร่างกาย กล้ามเนื้อ ประสาท เอ็น และกระดูก อาบรดไปด้วยวาระแห่งชีวิตอันนี้ ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ที่เขาหลุดพ้นกัน เขาหลุดพ้นกันด้วยวิธีอย่างนี้
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์