ประกาศหางานแบบนี้แล้วใครจะมาทำ?

หมอสันต์กำลังประกาศหาคนมารับจ้างทำงาน

     “..เป็นงานที่เหนื่อยยาก ต้องลงมือทำด้วยตนเอง อาบเหงื่อต่างน้ำ ต้องตีนติดดิน และแม้จะทุ่มเทลงทุนลงแรงทำ ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือเปล่า ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า และบางวันที่มีลูกติดพัน กว่าจะได้พักก็ค่ำมืด ทำไปแบบงุดๆๆ เช้าจรดเย็น ไม่มีความแตกต่างระหว่างวันจันทร์กับวันเสาร์อาทิตย์ โดยที่รายได้อยู่ในระดับแค่หวุดหวิดพอเพียงที่จะดำรงชีวิตเท่านั้น ไม่ได้สูงส่งหรือวิลิศมาหราอะไร มองในแง่โลกสวยก็พูดได้ว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่อาจจะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้..”

     ถูกต้องแล้วครับ ข้างบนนั้นคือคำประกาศหาคนมาทำงานแบบฟุลไทม์ (เต็มเวลา) กับผม ท่านผู้อ่านอาจจะว่าคนทั่วไปใครๆอ่านแล้วก็ต้องรีบเผ่น มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะมาทำงานตามประกาศนี้ ก็ถูกอีกแหละครับ เพราะผมกำลังประกาศหาคนบ้า ไม่ได้ประกาศหาคนทั่วไป

     ต่อไปนี้คือคำบรรยายจ๊อบอย่างเป็นทางการ งานนี้ต้องทำสองหน้าที่ คือ

     1. เป็นผู้จัดการ นักวิชาการ และกรรมกร ประจำฟาร์มออร์กานิกที่กำลังตั้งขึ้นใหม่ ชื่อวีแคร์ฟาร์ม มีลูกน้องเป็นแรงงานและคนเฝ้าฟาร์มอยู่เพียงคนเดียว จะเรียกว่าเป็นลูกน้องก็ไม่ถูกนัก เพราะต้องทำงานใช้แรงงานด้วยกัน เรียกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานจะเหมาะกว่า เป็นฟาร์มที่มีแต่จอบกับเสียม ไม่มีแทรกเตอร์หรือเครื่องมือเกษตรกลวิธานเท่ๆอื่นใดทั้งสิ้น ฟาร์มนี้มีหน้าที่ (1) วิจัยการปลูกพืชอาหารในแนวออร์กานิกฟาร์มิ่ง (2) ผลิตพืชอาหารสดส่งให้ห้องครัวของเวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน (3) สะสมและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการปลูกพืชอาหารและการทำฟาร์มแบบอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

     2. สัปดาห์ละสองวัน (วันเสาร์และอาทิตย์) จะต้องผันตัวเองมาเป็น “ผู้จัดการห้องครัว” ของเวลเนสวีแคร์ แปลไทยให้เป็นไทยก็คือนอกจากจะเป็นกรรมกรในฟาร์มแล้ว ยังต้องเป็นคนทำอาหารด้วย ทำเป็นไม่เป็นก็ต้องมาหัดทำให้เป็น โดยผมมีห้องครัวอย่างดีให้หัด มีงบประมาณวัตถุดิบอาหารให้ถลุง ขอแต่เพียงให้ขยันหัด ขยันเรียนรู้ ขยันทำ แนวทางอาหารของเวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์คือพืชเป็นหลัก แบบธรรมชาติ ปรุงน้อย ไม่ใช้น้ำมัน ไม่สกัด ไม่ขัดสี (plant base, low fat, whole food diet) ทำไปๆ มีใครกินไม่มีใครกินไม่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องเคยทำอาหารมาก่อน มาหัดเอาได้ แต่ต้องกินอาหารที่ตัวเองทำ คือทำอย่างไร กินอย่างนั้น สำคัญที่ต้องทำต้องพัฒนาองค์ความรู้ในการทำอาหารพืชเป็นหลักให้ก้าวหน้าทุกสัปดาห์ จนรู้วิธีมากพอที่จะเผยแพร่ในรูปแบบของวิดิโอ และหนังสือคุ้กบุ้คได้ อนึ่ง ในหน้าที่นี้ต้องปกครองดูแลผู้ช่วยในห้องครัวอีกสองคนด้วย

     เป้าหมายปลายทางของทั้งสองหน้าที่นี้คือ สร้างองค์ความรู้เรื่องการปลูกและทำกินอาหารพืชด้วยตนเองขึ้นมา เพื่อจะเอาไปเผยแพร่ให้คนเอาไปทำต่อด้วยตัวเขาเอง อันเป็นส่วนหนึ่งของการชักจูงผู้คนให้ป้องกันและพลิกผันโรคด้วยตนเองผ่านอาหารพืชเป็นหลัก

     คุณสมบัติของผู้สมัคร เรียงตามลำดับความสำคัญ

     1. ต้องเป็นคนถึก อึด ลุย หนักเอาเบาสู้ ทุ่มเททั้งแรงกายและสมองให้กับการทำงาน

     2. ต้องรู้ภาษาอังกฤษ อย่างน้อยต้องอ่านฉลากภาษาอังกฤษข้างขวดหรือข้างกล่องเครื่องมือออก

     3. ต้องมาอยู่มากินมานอนในฟาร์มหรือในเวลเนสวีแคร์เซนเตอร์เป็นการถาวร ผมเป็นคนรับผิดชอบจัดหาที่หลับนอนที่ปลอดภัยให้ อย่างน้อยก็มีเต้นท์ให้เป็นการตั้งต้นละน่า

     4. ถ้าจบปริญญาตรีได้ก็ดี แต่ถ้าคุณสมบัติข้อ 1 ดี ไม่จบปริญญาก็ไม่เป็นไร

     ผู้สนใจที่จะมาทำงานนี้ช่วยเขียนเล่าเรื่องตัวเองมาให้ผมทางอีเมล (chaiyodsilp@gmail.com) ว่าเรียนจบอะไรมาจากที่ไหน เคยทำงานอะไรมาบ้าง อยากจะทำอะไรต่อไปในชีวิต และเสนอเงินเดือนที่ตัวเองต้องการมาด้วย คือให้เสนอเงินเดือนที่ต่ำที่สุดเท่าที่ตัวเองยอมรับได้ แต่ต้องมั่นใจว่าได้เงินเดือนตามเสนอแล้วจะอยู่ได้ ไม่มีการมาเกี่ยงงอนขอเพิ่มโน่นนี่นั่นภายหลัง เมื่อผมอ่านเรื่องในอีเมลแล้วหากเห็นว่าจะมาทำงานร่วมกันได้ ผมจะเชิญมาสัมภาษณ์และไปดูสถานที่กัน

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

หนังสือคัมภีร์สุขภาพดี (Healthy Life Bible) จะพิมพ์ครั้งที่ 3 แน่นอนแล้ว เชิญสั่งซื้อได้

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

วิตามินดีเกิน 150 หมอบอกมากเกินไป ท้ังๆที่ไม่ได้ทานวิตามินดี

Life Skill Camp for Kids แค้มป์ทักษะชีวิตเยาวชนที่มิวเซียมสยาม 16 พย. 67