จดหมายจากศาสตราจารย์
เรียนอาจารย์สันต์ที่เคารพ
ผม ศ.ดร.นพ.... ในปี 2527 ช่วงเป็น extern .....ได้มีโอกาสหมุนเวียนไป thoracic และเรียนรู้จากอาจารย์ช่วงที่อาจารย์เป็น resident - นานแล้ว อาจารย์คงจำไม่ได้ ระยะหลัง ทราบว่าอาจารย์มีผลงานเกี่ยวกับ care givers มากมาย ขณะนี้ผมเป็นหัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม ที่..... และรับผิดชอบการเรียนการสอนทั้ง undergrad และ postgrad (โท-เอก) มีนิสิตป.เอกสนใจศึกษา care givers ผมเห็นว่าหากเขาได้แลกเปลี่ยนประเด็นที่ (อาจารย์เห็นว่า) เป็นประโยชน์/ควรทำการวิจัย น่าจะช่วยเขาได้มาก หากอาจารย์ยินดีให้ความช่วยเหลือ อาจติดต่อกลับที่ fb หรือ email ที่ ……..
ขอบคุณครับ
ผม ศ.ดร.นพ.... ในปี 2527 ช่วงเป็น extern .....ได้มีโอกาสหมุนเวียนไป thoracic และเรียนรู้จากอาจารย์ช่วงที่อาจารย์เป็น resident - นานแล้ว อาจารย์คงจำไม่ได้ ระยะหลัง ทราบว่าอาจารย์มีผลงานเกี่ยวกับ care givers มากมาย ขณะนี้ผมเป็นหัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม ที่..... และรับผิดชอบการเรียนการสอนทั้ง undergrad และ postgrad (โท-เอก) มีนิสิตป.เอกสนใจศึกษา care givers ผมเห็นว่าหากเขาได้แลกเปลี่ยนประเด็นที่ (อาจารย์เห็นว่า) เป็นประโยชน์/ควรทำการวิจัย น่าจะช่วยเขาได้มาก หากอาจารย์ยินดีให้ความช่วยเหลือ อาจติดต่อกลับที่ fb หรือ email ที่ ……..
ขอบคุณครับ
...............................
ตอบครับ
แม่เฮย.. อาจารย์เป็นเอ็กซ์เทิร์นสมัยผมเป็นซีเนียร์เด้นท์
ก็แสดงว่ารุ่นหลังผมไม่ต่ำกว่า 5 ปี นี่ได้เป็นศาสตราจารย์แล้ว
แสดงว่าได้เป็น “ศ. ก่อนรุ่น” แสดงว่าต้องมีวิชาการจ๊าบมากๆ ผมขอแสดงความชื่นชมด้วยความจริงใจ เพื่อนผมที่ยังสอนหนังสืออยู่มีหลายคนเหมือนกัน และก็มีคนหนึ่งที่แก่ปูนนี้แล้วก็ยังเป็น
ร.ศ.โค่งอยู่เลย ทั้งๆที่ดูลำหักลำโค่นก็น่าจะเป็นศ.ตามรุ่นเขาไปได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นสักที
ผมเข้าใจว่าหมอนี่คงโดนบาปแต่ปางก่อนตามทัน เรื่องมันมีอยู่ว่าสมัยที่ยังเป็นนักเรียนมหาลัยปี
1 พวกเราได้สุมหัวกันทำหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง
เรียกกันง่ายๆในสมัยนั้นว่า “หนังสือปกเหลือง”
เนื้อหาสาระหลักเกี่ยวกับอะไรผมจำไม่ได้แล้ว จำได้แต่ว่าในนั้นมีบทกลอนอยู่บทหนึ่งซึ่งแหย่ต่อมโมโหของพวกอาจารย์เข้าเต็มเปา
จนอธิการบดีสั่งให้ริบหนังสือหมด ผมยังพอจำบทกลอนนั้นได้กระท่อนกระแท่นดังนี้
“...ลมร้อน เริ่มโชย ระโหยใจ
ลมนั้น ออกจาก ปากมนุษย์
แสนสุด อดรน ทนไหว
คุณภาพ อาจารย์ เมืองไทย
ลมนั้น ออกจาก ปากมนุษย์
แสนสุด อดรน ทนไหว
คุณภาพ อาจารย์ เมืองไทย
ควรใช้ กวาดพื้น
เป็นภารโรง
โถอายุ ยังด้อย น้อยนิด
มาอวด ดัดจริต
เป็นจ่าโขลง
วันหนึ่ง ทำงาน กี่ชั่วโมง
ศิษย์โค่ง สงสัย
ใคร่รู้แกว
ความคิดดี
คุณพี่ วางบนหิ้ง
ไม่กลอกกลิ้ง
หลุกหลิก ไม่แตกแถว
รอวันที่ ความชรา ปรากฏแวว
คงไม่แคล้ว
ได้เป็น ศาสตราจารย์..”
นั่นมันปีพ.ศ. 2516 สมัยนี้ผมเชื่อว่าอาจารย์คงไม่มีลูกศิษย์แย่ๆแบบนี้นะ แล้วอาจารย์ว่าแมะ ลูกศิษย์ปากหมาแบบเนี้ยะ สมควรที่จะโดนบาปตามขบหัวไหมละ
เออ ว่าแต่เรากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่นะ
อ้อ.. นึกออกละ เรื่อง caregivers
ได้เลยครับ ทุกอย่างที่อาจารย์เสนอมา
ยินดีเลยครับ จะทำกันท่าไหนก็ได้ขอให้บอกมาเลย เพราะเรื่องดูแลคนแก่เนี่ย สำหรับผมแม้จะไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเองโดยตรงแต่มันเป็น
passion คือมันชอบ มันต้องทำให้ได้ ไม่งั้นตายตาไม่หลับ
นี่ผมกะว่าเกษียณแล้ว ถ้าเมียไม่ห้าม ผมจะตั้งโรงเรียนสอน แบบว่า Caregiver Academy ฮ่า.. ดับนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะสอนคนความรู้สูงเพื่อให้ประกาศให้ปริญญาอะไรนะครับ
แต่จะสอนคุณแจ๋ว คุณมะ คุณป้า คุณยาย
ที่ดูแลผู้สูงอายุอยู่แล้วให้ดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
อาจารย์ keep in touch นะครับ ดูท่าผมจะได้แรงงานฟรีจากเด็กๆของอาจารย์แล้วมังเนี่ย
หิ..หิ
นพ.สันต์
ใจยอดศิลป์