ไส้ติ่งอักเสบ ทำไมหมอทิ้งให้นอนสองวัน

หนูปวดท้องด้านล่างขวามาก กลัวว่าจะเป็นใส้ติ่ง มาก ก็เลยไป ร.พ ต้องทุรนทุรายไป เป็นการปวดท้องที่ทรมานมาก พอไปถึงหมอบอกให้ตรวจเลือด แต่ก็บอกว่าตรวจเลือดแล้วไม่ได้เป็นใส้ติ่งแต่อย่างไร หมอก็เลยให้นอนดูอาการ 2 คืนแต่กับเป็นวันที่ทรมาน เข้าไปอีกเมื่อ หมอบอกต้องงดน้ำและอาหาร 2 คืน นอนให้น้ำเกลือ อย่างเดียว พอตอนเช้าของวันที่ 3 นั่นแหละ หมอก็มาถามว่า เป็นไงบ้าง ยังชั่วเหรอยัง ตอบไปเลยว่า ดีแล้ว เพราะอยากกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่ดูท่าทางหมอแล้วเหมือนกับว่าอยากจำหน่ายออกเหมือนกัน เพราะว่าเป็น ร.พ รัฐ มีคนไข้เข้าบ่อย ก็เลยบอกว่า งั้นหมอให้กลับได้เลย แต่พอกับบ้าน ก็ยังมีอาการปวดเหมือนเดิม อยากทราบว่ามันเป็นอะไร ทำไมไม่หายสักที ทรมานมากๆ ก็เลยโทรหาพี่ชึ่งเป็นหมออยู่เหมือนกัน เขาว่า ต้องเอ็กซเรย์ดู ว่าเป็นอะไร แต่ที่แปลกใจสำหรับพี่สาวคือว่า ทำไมปล่อยให้เราทรมาน ทำไมไม่เอ็กซเรย์ดู และบอกให้คนไข้งดน้ำและอาหาร แล้วบอกให้กลับบ้าน ทั้งๆที่ไม่สังเกตอาการคนไข้ว่าต้องนอนต่อ เพื่อที่จะดูอาการหลังกินข้าวแล้วว่ามีอารอะไรอิก เป็นเรื่องจริงเหรือค่ะ อยากทราบ

....................................


ตอบครับ


การที่ผู้ป่วยปวดท้องน้อยล่างขวามา หากการตรวจหน้าท้องไม่สามารถสรุปผลได้ หรือหมอเจาะเลือดดูแล้ว พบว่าไม่มีอะไรบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อบักเตรี (หมายถึงว่าเม็ดเลือดขาวไม่ได้สูง) แต่คนไข้ยังมีอาการปวดอยู่ ตรงนี้มีทางเลือกที่ถือว่าเป็นมาตรฐานในการวินิจฉัยแยกไส้ติ่งอักเสบอยู่สองวิธี

วิธีที่ 1. คือให้นอนสังเกตอาการไปก่อน โดยไม่ให้ยาแก้ปวดเด็ดขาด เพราะให้แล้วจะไปบังอาการทำให้สังเกตความผิดปกติไม่พบ และไม่ให้ทานอาหารด้วย เพราะอาจจะถูกวินิจฉัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบจริงๆขึ้นมาเมื่อใดก็ได้ ซึ่งเมื่อนั้นต้องรีบไปผ่าตัดก่อนที่ไส้ติ่งจะแตก หากให้ทานอาหารก็จะต้องมารอให้กระเพาะว่างอีก 6 ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยของการดมยาสลบซึ่งป่านนั้นไส้ติ่งอาจจะแตกไปแล้วก็ได้ ดังนั้นการให้งดน้ำงดอาหารขณะสังเกตอาการจึงเป็นมาตรฐานของการสังเกตอาการขณะรอวินิจฉัยยืนยังไส้ติ่งอักเสบเช่นกัน คือสรุปว่าทั้งการงดยาแก้ปวด การงดน้ำงดอาหาร เป็นวิธีมาตรฐานที่หมอตั้งใจทำเช่นนั้น ไม่ใช่หมอละเลยไม่ใส่ใจให้ยาหรือให้กินอะไร

วิธีที่ 2. คือตรวจดู “ภาพ” ของไส้ติ่งด้วยวิธีเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT appendix) คืออาการปวดกรณีไส้ติ่งอักเสบเกิดจากมีการอุดตันที่ปากถุงไส้ติ่งแล้วตัวไส้ติ่งเป่งบวมแล้วจึงปวด การตรวจด้วย CT จะวินิจฉัยการบวมของผนังไส้ติ่งได้ตั้งแต่ระยะแรกของการอักเสบ ถ้า CT แล้วไส้ติ่งไม่บวม ก็รู้เลยว่าไม่ใช่ปวดเพราะไส้ติ่งอักเสบ วิธีนี้จึงใช้แทนการสังเกตอาการได้

การที่หมอจะเลือกวิธีไหน ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมและทรัพยากรที่สถานพยาบาลแห่งนั้นมี ไม่มีสูตรสำเร็จว่าวิธีไหนดีกว่าวิธีไหน อย่างเช่นถ้าเป็นโรงพยาบาลที่ไม่มีเครื่อง CT ก็มีทางเลือกเหลือทางเดียวคือสังเกตอาการเท่านั้น หรือถ้ามี CT แต่มีคนไข้รอคิวทำ CT อยู่เพียบแล้วแต่ละรายหนักๆทั้งนั้น หมอก็ต้องหาทางผ่องถ่ายคนไข้ที่เบากว่าไปใช้วิธีอื่นที่ไม่ต้องอาศัย CT อันนี้เป็นธรรมดา ถ้าผมเป็นหมอที่รักษาคุณอยู่ ผมก็จะทำเช่นนั้น

2. ประเด็นหมอปล่อยให้อดอาหารอยู่นาน ความจริงก็ไม่ถึงกับนานเกินไปนะครับ มาตรฐานการสังเกตอาการเพื่อวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบคือ 24-48 ชั่วโมง นี่หมอเขาสังเกตคุณ 48 ชั่วโมง ผมว่าก็โอเคนะครับ

3. ประเด็นทำไมหมอให้กลับบ้านโดยไม่ทดลองให้กินอาหารอยู่ในโรงพยาบาลจนแน่ใจก่อน อันนี้มันอยู่ที่โรคที่หมอคิดถึง คือถ้าท่านคิดถึงโรคเช่นลำไส้อุดตัน การรอสังเกตอาการหลังเริ่มกินอาหารก็ถือว่าจำเป็น แต่ถ้าสมมุติว่าท่านคิดถึงว่าเป็นแค่ปวดท้องเมนส์ไร้สาระธรรมดาๆแต่อยากจะจะวินิจฉัยแยกไส้ติ่งอักเสบเท่านั้นเอง การรอสังเกตอาการว่าจะมากขึ้นหรือน้อยลงหลังเริ่มกินอาหารก็ไม่จำเป็น เพราะปวดท้องเมนส์ไม่เกี่ยวอะไรกับการกินหรือไม่กินอาหาร

ผมสังเกตจากที่คุณเขียนมา คุณมีเรื่องข้องใจหมอ แต่ทำไมไม่หาจังหวะคุยกับหมอเขาละครับ คุยกันดีๆ สุนทรียสนทนา แล้วก็จะเข้าใจกัน คราวหน้าถ้าได้เข้ารพ.อีก ลองดูนะครับ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี