มีลูกเป็นเด็ก "เซี่ยวหว่าง"

คุณหมอครับ

ลูกสาวอายุ 2 ขวบ 10 เดือน เป็นเด็กที่ความจำดี ชอบเลียนแบบผู้ใหญ่ ไปโรงเรียนครูก็ชมว่าเข้ากับเพื่อนได้ดี เชื่อฟังคุณครูดี แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน จะมีอารมณ์ร้อน บางครั้งเล่นอยู่ดีๆ ก็จะอารมณ์เสียทันทีเมื่อเห็นคนทำทำสิ่งต่างๆที่ไม่ถูกใจ ชอบร้องให้เมื่อโดนขัดใจ และชอบออกคำสั่งกับคนรอบข้างให้ทำตามที่ตัวเองต้องการ ใครไม่ทำตามก็จะตะโกนเสียงดังพร้อมกับร้องไห้ด้วย ส่วนตอนเช้าก็จะร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียน ต้องบังคับกันทุกวัน แต่พอไปถึงที่โรงเรียนก็เปลี่ยนเป็นเด็กดีของคุณครูหมือนที่กล่าวตอนต้น ไม่ทราบว่าลูกเป็นแบบนี้ควรพาไปปรึกษาหมอจิตเวชเด็กหรือไม่ครับ หรือมีข้อแนะนำเบื้องต้นอย่างไร

................................................

ตอบครับ

1. เด็กแบบลูกคุณนี้เป็นต้นแบบของเด็กยุคปัจจุบันทั่วเอเชีย คนจีนเขาเรียกว่า “เซี่ยวหว่าง” หรือเด็กจักรพรรดิ คือใหญ่มาแต่กำเนิด เพราะพ่อแม่ยุคปัจจุบันมีลูกกันน้อย ครอบครัวละคนสองคน จึงเป็นลูกบังเกิดเกล้ากันหมด แล้วเด็กก็จะเรียนรู้บทบาทของการเป็นจักรพรรดิ์จากคนรอบข้างอย่างรวดเร็วเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ ไม่ใช่โรคจิต ไม่ต้องไปหาหมอ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องลดระดับการเอาแต่หาความสุขจากการได้เอาใจลูกโอ๋ลูก มายอมลำบากทำใจแข็งสอนวินัยให้ลูกบ้าง

2. การสอนวินัยให้ลูกตอนอายุน้อยเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนสอนลูกสุนัขยังไงยังงั้น เขาทำในสิ่งที่เราเห็นว่าดีก็ให้รางวัล ให้ความสนใจ เขาทำในสิ่งที่เราเห็นว่าไม่ดีเราก็ไม่ตามใจ ไม่ร่วมมือ และตำหนิเขาด้วยสีหน้า หน้าตา เสียง หรือการหันหลังให้ไม่สนใจชั่วคราว แป๊บเดียวเขาก็จะเรียนรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เหมือนอย่างเขาได้เรียนรู้จากครูที่โรงเรียน

3. ประเด็นเด็กไม่ชอบและไม่ยอมไปโรงเรียน นี่เป็นเรื่องธรรมดา คุณไม่ต้องไปพยายามแก้หรอก ใช้วิชาหูทวนลมเสียก็หมดเรื่อง ไม่นานมานี้ผมไปสอนการดูแลสุขภาพให้นักบริหารขององค์กรใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งกำลังจะเกษียณอายุจากงานในปีนี้ เขามีชั่วโมงผลัดกันมาเล่าให้กันและกันฟังว่าเกษียณจากงานแล้วใครมีแผนจะทำอะไรบ้าง มีคนหนึ่งเล่าว่าเธอไม่เคยมีความสุขที่แท้จริงเลยตลอดมาตั้งแต่เริ่มต้องจากบ้านไปโรงเรียนทุกเช้า เธอเกลียดมากที่ต้องจากบ้านไปโรงเรียน พอโตแล้วก็ต้องออกจากบ้านไปทำงานทุกเช้าอีก เธอไม่ชอบเลย เธอดีใจมากที่ได้เกษียณอายุจะได้หยุดทำอย่างนั้นเสียที คิดดูสิครับ อย่าว่าแต่ตอนเป็นเด็กเลย นี่อายุหกสิบแล้วยังไม่หายเกลียดการไปโรงเรียนเลย แต่ทำไงได้ละ โรงเรียนเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นที่เดียวที่เป็นสังคมจริงที่ไม่มีพ่อแม่คอยโอ๋ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากก่อนที่เด็กจะโตไปเป็นผู้ใหญ่

4. ไหนๆก็พูดถึงการสอนลูกเล็กๆแล้ว ผมฝากไว้อย่างหนึ่งสิ คือให้คุณสอนให้เขารู้จัก “วิธีใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข” เสียตั้งแต่วัยต้น อย่ารอให้เข้าวัยรุ่น เพราะถึงตอนนั้นจะสายเกินไป สอนอะไรเขาจะไม่เก็ทแล้ว ผมหมายถึงการสอนให้เขารู้จักมีสติ รู้จักมองเข้าไปในความคิดของตัวเองว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ รู้จักตามทันความคิดที่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ รู้จักหัวเราะและปล่อยวางจากความยึดถือไร้สาระ รู้จักให้อภัยคนอื่นและตัวเอง รู้จักยอมรับว่าชีวิตนี้มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ รู้จักการมีความสุขอยู่ได้แม้ในคราวที่เป็นผู้แพ้ สิ่งเหล่านี้ถ้าได้เรียนรู้เสียตั้งแต่เป็นเด็ก เขาจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ทุกข์ยาก สุขง่าย ถ้าคุณไม่สอนเขา ระวัง.. เขาจะเหมือนคุณ เอ๊ย.. ขอโทษ เขาจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ทุกข์ง่าย สุขยาก นะ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี