ทำไมต้องตรวจ HIV ก่อนผ่าตัด

ก่อนได้รับการผ่าตัดทุกชนิดในรพ. ทุกแห่งจะต้องตรวจหา hiv ก่อนหรือเปล่าค่ะ แล้วที่ตรวจหาเพราะสาเหตุใดค่ะ (รบกวนถามคุณหมอ อยากทราบจริงๆ ค่ะ เพราะคุณแม่วัย 60 ปี ผ่าตัดมดลูก เค้าให้ตรวจหา hiv แต่ดิฉันเคยผ่าตัดเหมือนกันแต่ไม่ต้องตรวจค่ะ (ไปผ่าคนละรพ.) ค่ะ

..................

ตอบครับ

การจะตรวจ HIV ก่อนผ่าตัดหรือไม่ ขึ้นกับแนวปฏิบัติทางคลินิก (CPG) ของแต่ละรพ. โดยหากจะตรวจก่อน ก็มักมีการขออนุญาตผู้ป่วยเป็นลายลักษณ์อักษร (consent)

เหตุผลที่ต้องตรวจ HIV ก่อนผ่าตัดก็เพราะ

1. เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยจากภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด เพราะสมัยนี้มียาดีๆที่ลดความรุนแรงของโรคเอดส์และโรคร่วมได้มากหากรู้ว่าเป็นเอดส์ ได้รับการรักษาเอดส์ก่อน ก็จะทำให้การผ่าตัดที่ไม่ใช่การผ่าตัดฉุกเฉินมีความปลอดภัยกับตัวผู้ป่วยมากขึ้น

2. เพื่อความปลอดภัยของแพทย์พยาบาล เพราะแพทย์พยาบาลในห้องผ่าตัดต้องทำงานกันอย่างเร่งรีบ เลือดสาดกระเซ็นเป็นประจำ การพิถีพิถันให้ใช้หลักการป้องกันแบบรูดมหาราช (universal precaution) เป็นเพียงความคิดฝันของคนที่พ้นหน้าที่ผจญกับเลือดสาดที่หน้างานไปแล้วหันกลับมานั่งจินตนาการเอาว่าวิธีนี้แหละดี แต่ ในชีวิตจริงทำไม่ได้ เพราะถ้าทำจริงการทำงานจะช้าลงมากจนทำผ่าตัดไม่ทันคนไข้ที่รอคิว โดยเฉพาะในรพ.ของรัฐบาล การรู้ว่าคนไข้คนไหนเป็นเอดส์จะช่วยให้แพทย์พยาบาลแยกแยะว่าคนไข้คนไหนควรจะตั้งใจทำการป้องกันการติดเชื้ออย่างพิถีพิถันเฉพาะราย การทำงานก็จะไม่ช้าเกินไป

3. เพื่อความประหยัด เพราะรพ.ในเมืองไทยนี้เรายังต้องนำของที่ใช้แล้วในห้องผ่าตัดไปทำความสะอาดเพื่อนำไปฆ่าเชื้อโรคแล้วนำของนั้นกลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรพ.ของรัฐซึ่งต้องทำผ่าตัดจำนวนมากภายใต้งบประมาณที่จำกัดจำเขี่ย การทำอย่างนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคนไข้ที่ต้องใช้ของเก่า เพราะของนั้นผ่านการฆ่าเชื้อโรคอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่มีปัญหาความปลอดภัยของคนงานและพนักงานที่ทำงานเก็บของเปื้อนเลือดที่ใช้แล้วไปทำความสะอาดเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ซึ่งมักมีอุบัติเหตุเข็มหรือของแหลมในผ้าเปื้อนทิ่มตำเป็นประจำ ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าคนไข้เป็นเอดส์ เราก็ทิ้งของที่ใช้กับคนไข้เฉพาะรายนั้นไปเสีย ไม่ต้องนำกลับมาใช้ใหม่ก็จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยแก่คนงานทำความสะอาดมากขึ้น

ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนไข้จะผ่าตัด หากหมอเขาขอตรวจ HIV ก่อนการผ่าตัดก็ให้เขาตรวจเถอะครับ การไม่ยอมให้เขาตรวจด้วยเหตุผลว่าเป็นสิทธิของผู้ป่วยฟังดูก็เท่ดี แต่ลึกๆแล้วเป็นการมุ่งแก้ปัญหาของคนไข้โดยไม่เห็นอกเห็นใจหมอ พยาบาล และคนงานเอาเสียเลย ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่รูปแบบของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหมอกับคนไข้ที่เราอยากให้มันเป็น

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี