ยาลดไขมันลดฮอร์โมนอิ่ม (GLP-1) ทำให้อ้วน
![]() |
ขับรถชนบทมวกเหล็ก มีวัว มีนกกระยาง |
เรียนคุณหมอสันต์
ไขมัน LDL สูง แพทย์สั่ง Simvastatin 40 mg ก่อนนอน กังวลเรื่องภาวะดื้อต่ออินซูลิน ยากลุ่มสแตตินมีผลต่อระดับน้ำตาลหรือไม่ และการเฝ้าระวังภาวะดื้อต่ออินสุลินควรติดตามตัวชี้วัดอะไรบ้างคะ
...........................................
ตอบครับ
1. ถามว่ายากลุ่มสะแตตินเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดไหม ตอบว่าเพิ่มสิครับ และเป็นที่รู้กันดีว่ายาในกลุ่มสะแตตินนี้เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นเบาหวานมากขึ้น คือถ้าคำนวณจากจำนวนคนที่กินยาแล้วเกิดเป็นเบาหวานขึ้ืนหนึ่งคน (NTT) อัตราการเกิดเบาหวานจะมากเท่าๆกับอัตราการได้ประโยชน์จากยา คือคนประมาณ 100 คนกินยาไป 4-5 ปีจะมีคนได้ประโยชน์จากยาในแง่การลดอัตราตายและจุดจบที่เลวร้ายของโรคหลอดเลือดหัวใจได้ 1 คน เช่นเดียวกัน คนประมาณ 100 คนกินยาไปสี่ห้าปีจะมีคนเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้นเพราะการกินยา 1 คน
2. ถามว่ายาในกลุ่มสะแตตินเพิ่มการดื้อต่ออินสุลินไหม ตอบว่าเพิ่มสิครับ คือผู้ใช้ยาสะแตตินไปนานๆจำนวนหนึ่งระดับอินสุลินจะสูงขึ้นตามระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น
3. นอกจากนั้น มันมีงานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ใหม่ [1] ซึ่งพบว่ายากลุ่มสะแตตินลดระดับฮอร์โมน GLP-1 ให้ต่ำกว่าปกติ สมัยก่อนฮอร์โมนนี้เรียกว่าอินครีติน มันเป็นฮอร์โมนคู่หูของอินสุลินที่ลำไส้ปล่อยออกมาเพื่อแจังให้สมองรู้ว่าได้อาหารมากพอแล้ว อิ่มได้แล้ว เป็นการเบรกร่างกายไม่ให้กินมากเกินความต้องการของร่างกาย GLP-1 นี้ก็คือตัวเดียวกันกับยาที่เขาเอามาทำยาฉีดลดน้ำหนัก เช่น โอแซมปิกและมอนจาโรนั้นแหละ นั่นหมายความว่าฤทธิ์ข้อนี้ของยากลุ่มสะแตตินจะทำให้คนกินสะแตตินอ้วนง่ายขึ้น เพราะฮอร์โมนอิ่มถูกกดไว้
4. ถามว่าการเฝ้าระวังการดื้อต่ออินสุลินควรติดตามตัวชี้วัดอะไรบ้าง ตอบว่าตัวชี้วัดการดื้อต่ออินสุลินที่ทางแพทย์ใช้กันทั่วไปมีตัวเดียวคือผลการวัดระดับอินสุลินในเลือดและน้ำตาลในเลือดซึ่งคำนวณออกมาเป็นค่าความดื้อเรียกว่า HOMA-IR ซึ่งคนทั่วไปวัดเองไม่ได้
แต่คนทั่วไปสามารถประเมินภาวะดื้อต่ออินสุลินของตัวเองเอาจากความเข้าใจกลไกการเกิดการดื้อต่ออินสุลิน ซึ่งมันตั้งต้นด้วยการกินอาหารให้พลังงาน (ไขมันและน้ำตาล) เข้าไปมากเกินไปจนเกินกำลังที่อินสุลินจะบริหารจัดการเอาอาหารให้พลังงานสองคู่หูนี้เข้าไปเก็บในเซลล์ได้ทันอกทันใจ ทำให้อาหารเหล่านี้เอ่อท้นอยู่ในกระแสเลือด
ดังนั้น ตัวชี้วัดรุ่นแรก ที่จะบอกถึงการดื้อต่ออินสุลินคือ (1) น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น (2) ไขมันในเลือดสูงขึ้น
ตัวชี้วัดรุ่นที่สอง ที่จะบอกถึงการดื้อต่ออินสุลินก็คือผลตามหลังจากได้อาหารให้พลังงานเข้าไปมากๆ คือ (3) อ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ้วนแบบลงพุง (4) ไขมันแทรกตับและตับอักเสบ (5) กรดยูริกสูง (เป็นผลจากการที่ตับเปลี่ยนน้ำตาลฟรุ้คโต้สเป็นกรดยูริก)
ตัวชี้วัดรุ่นที่สาม ที่จะบอกถึงการดื้อต่ออินสุลินเป็นผลตามจากเมื่อเกิดการดื้อต่ออินสุลินนานๆจนมีอนุมูลอิสระเกิดจากการเผาผลาญผิดปกติมากๆ ทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆตามมา เช่น (5) โรคเบาหวาน (6) โรคความดันเลือดสูง (7) โรคหัวใจขาดเลือด (8) โรคไตเรื้อรัง (ไตก็มีตัวรับอินสุลิน) (9) โรคสมองเสื่อม (สมองก็มีตัวรับอินสุลิน) (10) โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองแบบต่างๆ
ในกรณีของคุณนี้คุณมีตัวชี้วัดรุ่นแรกโผล่แดงจ๋าออกมาแล้ว คือคุณมีไขมันในเลือดสูงแล้ว ดังนั้นคุณไม่ต้องไปกังวลเรื่องกลัวภาวะดื้อต่ออินสุลิน เพราะคุณอยู่ในภาวะดื้อต่ออินสุลินไปแล้วเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องไปพยายามเสาะหาการวินิจฉัยอะไรอีก
5. สิ่งที่คุณพึงทำคือ ลงมือจัดการภาวะนี้ด้วยตนเองทันที โดยมาตรการ 7 อย่างต่อไปนี้ คือ
(1) อดอาหาร แปลว่ากินให้น้อยลง ซึ่งผมแนะนำมาตรการตามลำดับความเข้มคือ (1.1) ไม่หิวไม่กิน และเลิกกินจุบจิบซะ (1.2) IF (intermittent fasting) แปลง่ายๆว่างดอาหารมื้อเย็น (1.3) OMAD (one meal a day) แปลว่าฉันวันละมื้อเดียวแบบพระป่า
(2) เปลี่ยนอาหารเป็นอาหารมีกากมาก (plant-based diet) โดยเฉพาะกากชนิดไม่ละลาย ซึ่งมีมากในถั่วต่างๆและผักใบเขียวและผักแป้งต่ำ เช่น บร็อคโคลี กล่ำปลี กล่ำดอก เคล แครอท
(3) นอนหลับ ให้ดี
(4) จัดการความเครียด เพราะฮอร์โมนเครียดเช่นสะเตียรอยด์ทำให้ดื้อต่ออินสุลิน
(5) กินจุลินทรีย์ (โปรไบโอติก) เช่นอาหารหมักต่างๆ
(6) ออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกล้าม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเลือกเวลาออกกำลังกายเช่นเดินเล่นในช่วงเวลาทันทีหลังกินอาหาร เพราะจะช่วยเพิ่มช่องทางให้กล้ามเนื้อรับน้ำตาลเข้าเซลล์ได้มากขึ้น
(7) ลดหรือเลิกยาที่ทำให้ดื้อต่ออินสุลิน เช่นสะเตียรอยด์ และยาลดไขมันสะแตติน เป็นต้น
นพนพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรบรรณานุกรม
1. She J, Tuerhongjiang G, Guo M, Liu J, Hao X, Guo L, Liu N, Xi W, Zheng T, Du B, Lou B, Gao X, Yuan X, Yu Y, Zhang Y, Gao F, Zhuo X, Xiong Y, Zhang X, Yu J, Yuan Z, Wu Y. Statins aggravate insulin resistance through reduced blood glucagon-like peptide-1 levels in a microbiota-dependent manner. Cell Metab. 2024 Feb 6;36(2):408-421.e5. doi: 10.1016/j.cmet.2023.12.027. PMID: 38325336.