เป็นป่วยจาก Tarlov Cyst หรือเป็นปลายประสาทอักเสบจากอะไรกันแน่
(ภาพวันนี้ / เสจรัสเซีย)
(กรณีอ่านจาก fb กรุณาคลิกภาพข้างล่างเพื่ออ่านบทความเต็ม)
เรียน คุณหมอสันต์ ค่ะ
หนูอยากจะรบกวนปรึกษา ถ้าคุณหมอจะกรุณา เมื่อประมาณ ปลายเดือน 7 ที่ผ่านมา หนูมีอาการชา นิ้วมือ คือ นิ้วนาง และ ก้อย ข้างซ้ายรวมถึงฝ่ามือด้านสองนิ้วนั้น หนูจึงได้ไปหาหมอกระดูกด้านมือ คุณหมอบอกว่า หนู เป็นพังผืดขอศอกรัด และมีการ ตรวจ EMG ซึ่งคุณหมอบอกว่า ยังเป็นน้อย จึงให้ทานยา Lyrica 75 mg แล้วนัดมาดู 3 เดือน ผ่านมาได้ สองอาทิตย์ อาการมากขึ้น หนูจึงลองไปหา หมอระบบประสาท (Neuro Med ) ซึ่ง หมอได้ให้ ปรับยา ทานยา เป็น lyrica 200 mg/day เช้า 100 mg ก่อนนอน 100 mg ในระหว่าง นั้น หนู มีอาการ เท้า ซ้ายเริ่ม สั่นข้างใน ( อาการเหมือนเราวางเท้าอยู่บน มอเตอร์ จะรู้สึก สั่นข้างใน แต่ภายนอก ปรกติ) แรกๆ จะเป็นเมือ เท้ากระเทือน หลังๆ เป็น ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยัง มีรู้สึก เส้นประสาท สั่น เป็นครั้งคราว ที่เท้าขวาบ้าง ใต้ฝ่าเท้าบ้าง นิ้วมือบ้าง เคยถามคุณหมอ Neuro Med คุณหมอบอกว่า ปรกติ เป็นอาการ ของโรค เส้นประสาท อักสบ มันเป็นไปได้ทั้งร่างกาย ในระหว่าง ที่ทานยา หนูมี ตุ่มแพ้ ผิวหนัง ขึ้น ก็ทายา ก็ยุบไป มีอาการ ปวดเบ้าตา เหมือนตาแห้ง แต่ไปเชค ทุกอย่างปรกติ ก็หายไป มีอาการ Burning mouth ซินโดรม ไปหาหมอฟัน ซึ่งปัจจุบัน เป็นๆ หายๆ
เมื่อกลางเดือน พย ที่ผ่านมา คุณหมอ Neuro Med มีให้ไปทดสอบการทำงาน รับรู้ความรู้สึกของเส้นประสาท โดยมีเครื่องมาวางบนมือ และ เท้า มีการเป่าลมเย็น ร้อน และ สั่น แรงมากน้อยต่างกัน แล้วให้เราตอบเราเรารู้สึกไหมค่ะ ผลออกมาว่า เท้าทั้งสองข้างและมือซ้าย ผิดปรกติ มีอขวาอย่างเดียวที่ดูจะโอเค โดย เท้าซ้าย อาการ แย่สุด ณ ตอนนี้ อาการมือซ้าย ดีขึ้นมากค่ะ แต่เท้าซ้าย ยังเหมือนเดิม และเริ่มมาสั่นที่เท้าขวา ตอนนี้ ทั้งเท้าซ้ายและขวา มีอาการชาตลอดเวลาค่ะ มือขวา มีชาเพิ่ม เล็กน้อยที่นิ้วชี้กับนิ้วโป้ง หนูกำลังงงว่า หนูทานยา มาตลอด แต่ ทำไม อาการเพิ่มขึ้น จากเดิม เป็นแค่ที่มือ แต่ตอนนี้ มาเป็นที่ เท้าทั้งสองข้างด้วย ทุกวันนี้ คุณหมอ Neuro Med ให้ทานยา lyrica 150 mg/day และ Cymbalta 30 mg ในขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ หนูออกกำลังกาย โดยการวิ่งเหยาะๆ 30 นาที แต่พอมือมีปัญหา เลยเปลี่ยนเป็น เดิน 30 นาที ค่ะ โดย 2 เดือน ที่ผ่านมา หนูเริ่มเดินได้น้อยลง เพราะมีอาการ ปวดหลังล่าง ช่วงเอว แล้ว ร้าวลงขาซ้ายมาใต้เข่า หนูได้มีไปทำกายภาพ ซอตเวฟ ฝังเข็ม ก็ไม่ดีขึ้น จนระยะหลัง เดินไป 10 นาที ก็ปวดมาก จนกระทั่ง ปัจจุบัน แค่นั่ง ก็ยังปวดเอว และ หลังมากค่ะ หนูจึงได้ ไปหาหมอกระดูกสันหลัง และได้ทำ MRI ผลตามเอกสารที่แนบมาให้ค่ะ หมอกระดูกบอกว่า ในส่วนของหมอนรองกระดูกเสื่อมตามอายุ ไม่น่า จะทำให้ปวด ขนาดนี้ แต่อาจจะมาจาก Tarlov cyst ท่านจึงโอนไปให้เจอ หมอ ศัลยกรรม ระบบประสาทส่วน กระดูกสันหลัง หมอศัลยกรรมบอกว่า ไม่แนะนำให้ผ่าตัด ไม่สามารถที่จะเอาออกได้ เพราะเป็น cyst เส้นประสาท ภาวะแทรกซ้อนเยอะ และ การผ่าตัดไม่ค่อยประสบความสำเร็จ บางคนผ่าแล้วไม่หาย ให้ดำรงชีวิตอยู่กับมัน ปวดก็กินยา ท่านเคย refer ผู้ป่วยคนหนึ่งให้ไปผ่า ที่ USA กับ DR. … ซึ่งเป็นหมอเก่ง ก็ไม่หาย หมอศัลยกรรมยังบอกอีกว่า อาการปวดเอวและหลัง อาจจะไม่ได้มาจาก Cyst แต่มาจากหมอนรองกระดูก “annular fissure” และก็ยังบอกอีกว่า เท้าชา ไม่น่าจะเกี่ยวกับ Tarlov cyst แต่อาจจะเกี่ยวกับระบบปัสสาวะ ซึ่งหนูมีอาการ เจ็บท่อปัสสาวะ เวลาปัสสาวะ มานาน 1 ปี แล้วค่ะ หมอ ทางเดินปัสสาวะ ที่หาอยู่บอกว่า เป็น กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอักเสบ ให้หนูทาน lyrica 25 mg และ บริหาร ท่า Plevic floor relaxation หนูลองหาข้อมูลเกี่ยวกับ Tarlov cyst ในเมืองไทย หาไม่เจอเลยค่ะ ตอนนี้หนูไม่รู้จะทำอย่างไรดีค่ะ อาการปวด มันมากขึ้นทุกวันๆ ตกลงการปวดเอวและหลังมาจาก กล้ามเนื้อ , หมอนรองกระดูก หรือ tarlov cyst ตอนนี้ หนูสับสนตกลงหนูเป็นโรคอะไรกันแน่ แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดีค่ะ
รบกวนคุณหมอช่วยแนะนำด้วยค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
……………………………………………………….
ตอบครับ
ก่อนตอบขอนิยามศัพท์ก่อนนะ
ซิสต์ (Cyst) คือการที่มีน้ำไปขังเป็นถุงเป็นแอ่งอยู่ในร่างกาย โดยมีเยื่อบุ (epithelium) หุ้มรอบถุงนั้นไว้ มีกระจายอยู่ทั่วร่างกาย ในแทบทุกอวัยวะ ซิสต์อาจขยายขนาดโตขึ้นได้มากเช่นโตถึงจุน้ำได้เป็นลิตรก็เป็นได้ แต่ซิสต์ไม่เกี่ยวกับมะเร็ง และมีโอกาสน้อยมากที่ซิสต์จะกลายเป็นมะเร็ง
Tarlov Cyst คือซีสต์ที่ก่อตัวขึ้นในรูกระดูกสันหลังที่ปกติมีแกนประสาทสันหลังวิ่งอยู่ (spinal canal) คนทั่วไปมีทาร์ลอฟซีสต์อยู่ประมาณ 5% ความพิเศษของทาร์ลอฟซิสต์มีสามอย่าง คือ (1) ผนังของมันไม่ได้มีแค่เยื่อบุเหมือนซีสต์ทั่วไป แต่มักมีเส้นประสาทวิ่งอยู่ในผนังด้วย (2) น้ำที่อยู่ในซีสต์ไม่ใช่น้ำธรรมดา แต่เป็นน้ำไขสันหลังซึ่งเชื่อมต่อกับน้ำไขสันหลังที่เป็นบ่อน้ำใหญ่ซึ่งสมองและแกนประสาทสันหลังจุ่มแช่อยู่ในนั้น หากน้ำนี้รั่วออกมานอกร่างกาย จะกลายเป็นมหากาพย์ที่แก้ไขได้ยาก (3) โพรงของซิสต์ที่ปกติหากเป็นซีสต์ทั่วไปจะมีแต่น้ำอยู่นั้นของทาร์ลอฟซิสต์นี้มักมีเส้นประสาทวิ่งผ่ากลางโพรงด้วย ทำให้การตัดเอาซิสต์ออกไม่ง่ายอย่างใจนึก เพราะหากไปโซ้ยเอาเส้นประสาทสำคัญเข้า การทำงานของร่างกายที่เส้นประสาทเส้นนั้นควบคุมอยู่ (เช่นกลั้นอุจจาระปัสสาวะ) ก็จะเสียไปเลย
เอาละ คราวนี้มาตอบคำถาม
1.. ถามว่าอาการมือชาตีนชาปวดเอวร้าวลงขาปวดท่อฉี่เกิดจากอะไร ตอบว่า “ไม่ทราบครับ” ได้แต่ตั้งชื่อเรียกได้ว่าเป็นปลายประสาทอักเสบ (neuropathy) ซึ่งคำนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงสาเหตุใดๆทั้งสิ้น ความเป็นไปได้มีตั้งแต่ (1) ไม่มีวันค้นสาเหตุพบ ซึ่งข้อนี้มีโอกาสเป็นมากที่สุด (2) กระดูกทับเส้นที่คอ (3) กระดูกหรือหมอนกระดูกทับเส้นที่หลัง (4) ทาลอฟซิสต์กดทับเส้นประสาท (5) โรคของเส้นประสาทส่วนปลายจากสารพัดเหตุ เช่นเบาหวาน ขาดวิตามินบี. เป็นต้น
2.. ถามว่าตรวจพบทาร์ลอฟซีสต์ขนาดบะเร่ง (5 ซม) ร่วมกับมีอาการเส้นประสาทระดับเอวถูกกด จะวินิจฉัยเลยได้ไหมว่าซีสต์ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ ตอบว่าได้ แต่มีความแม่นยำประมาณ 40% เพราะคนธรรมดาที่เดินถนนอยู่โดยไม่มีอาการอะไรเลยหากจับมาทำ MRI กระดูกสันหลังจะพบว่า 60% มีความผิดปกติไม่อะไรก็อะไรสักอย่าง แต่เขาไม่มีอาการอะไร ดังนั้นการตรวจพบไม่ได้หมายความว่านั่นจะเป็นต้นเหตุ ในทางการแพทย์มักใช้วิธีทดลองผ่าตัดรักษาดู หากอาการหายก็ขอบคุณพระเจ้า หากอาการไม่หายก็แล้วกันไป แต่ในกรณีทาร์ลอฟซีสต์การทดลองรักษาด้วยการผ่าตัดมันไม่คุ้มกันเพราะภาวะแทรกซ้อนมาก (เช่นน้ำไขสันหลังรั่ว หรือไปตัดเอาเส้นประสาทสำคัญทำให้อั้นอึอั้นฉี่ไม่ได้ เป็นต้น) และโอกาสจะบำบัดอาการได้ก็ไม่มีความแน่นอนเลย
ในกรณีของคุณ อาการมีทั้งระดับคอและระดับหลัง หลักการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นมีอยู่ว่าอาการทั้งหมดมักมาจากเหตุเดียวมากกว่าที่จะเป็นการประชุมแห่งเหตุ หากไปวินิจฉัยว่าทาร์ลอฟซิสต์เป็นเหตุก็อธิบายอาการที่มือไม่ได้ ดังนั้นหมอสันต์วินิจฉัยขั้นต้นว่าทาร์ลอฟซิสต์ไม่ใช่เหตุที่ทำให้เกิดอาการ เหตุที่ทำให้เกิดอาการน่าจะเป็นเหตุระดับระบบประสาทส่วนปลายทั้งระบบ ซึ่งเป็นเหตุอะไรก็ยังไม่รู้ และในตำราบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะไม่รู้ตลอดกาล
3.. ถามว่าควรตระเวณหาหมอที่ยอมผ่าทาร์ลอฟซีสต์ให้ดีไหม ตอบว่าเอ๊ะ .. ก็เพิ่งพูดไปแหม็บๆไงว่าทาร์ลอฟซิสต์ไม่น่าจะเป็นสาเหตุเพราะอธิบายอาการที่มือไม่ได้ แล้วจะไปผ่ามันออกทำไมละ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเปล่าๆ
4.. ถามว่าจะไปหาหมอที่ยอมผ่าตัดหมอนกระดูกให้ดีไหม ตอบว่าการวินิจฉัยหมอนกระดูกแตกกดเส้นประสาทนั้นมีสององค์ประกอบคือ ภาพ (anatomy) และอาการ (physiology) หากสองอย่างนี้สอดคล้องต้องกันเป็นอันดีก็น่าจะวินิจฉัยและทดลองรักษาด้วยการผ่าตัดได้ แต่กรณีของคุณนี้ภาพไม่ได้สื่อว่ามันจะก่ออาการมากมายอย่างที่คุณเป็น ในกรณีที่ภาพขัดแย้งกับอาการอย่างนี้ การทู่ซื้ผ่าตัดไปก็มักจะกลายเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน คือผ่าแล้วอาการไม่หาย เพราะมันคนละเรื่องเดืยวกัน
5.. ถามว่าหมอยูโรบอกว่าเป็นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอักเสบมีความเป็นไปได้มากไหม ตอบว่าให้กลับไปอ่านข้อ 2 วรรค 2 ว่าโรคที่ส่วนล่างของร่างกายอธิบายอาการที่มือไม่ได้ จึงมีความเป็นไปได้น้อย
6.. ถามว่าแล้วจะให้หนูทำอย่างไรต่อไปดี ตอบว่าไม่ต้องทำอะไรครับเพราะอาการของคุณมีมากแต่ไม่มากจนใช้ชีวิตไม่ได้ (เช่นยังไม่ถึงกับกลั้นอึกลั้นฉี่ไม่อยู่) ดังนั้น ให้ฝึกรับมือกับอาการผิดปกติของร่างกายด้วยการรับรู้ ทำความคุ้นเคย และยอมรับที่จะอยู่กับมันไป มันมาก็มา มันไปก็ไป เอาประโยชน์จากการที่ร่างกายมีอาการที่ชาวบ้านเขาไม่มีมาใช้ฝึกวางความคิดเสียเลย เรียกว่าเวทนานุสติปัฏฐาน
ตรงนี้ให้คุณทำความเข้าใจความลึกซึ้งของชีวิตในประเด็นนี้หน่อย ว่าร่างกายนี้แท้จริงแล้วไม่มี มันเป็นเพียง “อาการ” ที่จิตสำนึก (consciousness) รับรู้ตีความเอาจากคลื่นไฟฟ้าที่รายงานเข้ามาทางปลายประสาทหรืออายตนะ (sense organs) แปลไทยให้เป็นไทยว่าร่างกายนี้จะปรากฎขึ้นก็เฉพาะเวลาที่เราตื่น ตอนเราหลับร่างกายนี้ไม่มี แม้ในความฝันเราไปเที่ยวไหนต่อไหนเราก็ใช้ร่างกายอื่น เพราะร่างกายนี้นอนอยู่บนเตียงจะไปเที่ยวกับเราได้อย่างไร ดังนั้นร่างกายนี้จะเป็นอะไรจะไม่เป็นอะไรมันสำคัญที่การที่จิตสำนึกจะรับรู้ว่ามันจะเป็นอะไรไม่เป็นอะไร ส่วนนิยามทางการแพทย์เรื่องโรคนั้นโรคนี้เป็นเพียงสมมุติบัญญัติว่าร่างกายนี้มีอยู่จริงโดยไม่เกี่ยวกับจิตสำนึกรับรู้ นี่มันเป็นสองมุมมองที่ไม่เหมือนกัน มุมมองทางการแพทย์ทำให้คุณหมดทางออก ลองมามองจากมุมใหม่นี้ดูบ้างสิ
ลองทำเองดูนะ เวทนานุสติปัฏฐาน ถ้าไม่สำเร็จ ให้หาเวลามาเข้า Spiritual Retreat ส่วนการหาหมอนั้น หาหมอประสาทวิทยารักษาปลายประสาทอักเสบคนเดียวก็พอ ไม่งั้นจะเข้าล็อค มากหมอ ก็มากความ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์