หมอสันต์จะไม่อยู่หนึ่งเดือน

     วันนี้ของดตอบคำถามหนึ่งวัน เพื่อแจ้งข่าวว่าหมอสันต์จะหยุดเขียนบล็อกไปหนึ่งเดือน คือเดือนตุลาคมทั้งเดือน เพื่อจะไปเที่ยว หนึ่งเดือนนี้จะปิดโทรศัพท์ ปิดหน้าจอ งดรับข่าวสารทุกชนิด จะอยู่แต่กับสิ่งที่เห็นที่ได้ยินสดๆซิงๆที่ตรงหน้า ณ เดี๋ยวนั้นเท่านั้น โดยไม่เอาอดีตอนาคตของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง การปิดหรือไม่ปิดหน้าจอความจริงไม่มีผลต่างกันนัก เพราะบริเวณที่จะไปส่วนใหญ่เป็นป่าเขาไม่มีเน็ทอยู่แล้ว ครั้งนี้จะเป็นการขับรถไปหาที่เดินป่าเช่นเคย มีพลขับสองคนคือตัวหมอสันต์เองกับหมอพอผู้บุตร มีคณะที่ปรึกษาการขับขี่เป็นทีมสุภาพสตรีวัยเลขหกขึ้นอีกสามคนรวมทั้งสิ้นทั้งคณะเป็นห้าคน แผนการขับรถก็จะตั้งต้นแถวน้ำตกไนแอการาฝั่งแคนาดา แล้วขับลงไปทางตอนเหนือของสหรัฐเพื่อเดินป่าชมใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงต้นฤดูใบไม้ร่วง (fall foliage) และขับเที่ยวไปตามตำบลเล็กตำบลน้อยในชนบทของแมสซาจูเซ็ท แล้วขับขึ้นเขาจากใต้จรดเหนือของรัฐเวอร์มอนต์ ช่วงต้นเดือนตุลาจะไปค้างคืนอยู่บนเขาเม้าท์สโนว์หลายคืน โดยจะไปแอ่วงาน Octoberfest ซึ่งจัดขึ้นทุกปีบนเม้าท์สโนว์นี้ด้วย หมอสันต์สมัครเข้าประกวดโยเดลลิ่ง (Yodeling) แข่งกับพวกฝรั่งในงานนี้ด้วยนะ

    โยเดลลิ่งก็คือการหอน..เอ๊ย ไม่ใช่ คือการร้องเพลงของพวกผู้ชายบ้านนอกสมัยแฮงค์ วิลเลียม ที่มีการขึ้นเสียงสูงเกินระดับเสียงที่ตัวเองจะขึ้นได้ตามปกติ ตรงขึ้นเสียงสูงเกินกำลังธรรมชาติของตัวเองนี้แหละที่ผมเรียกว่าการหอน ในการประกวดครั้งนี้จะประกวดกันแต่การหอนล้วนๆ ไม่ต้องดีดกีต้าร์ ตอนร้องเป็นเพลงดีๆก็ไม่เอา เอาแต่ช่วงหอนๆ อย่างเดียว แบบว่า

     "...โฮ ละเลลละเลลรี่โฮ
ละเลลละเลลหรี่โฮ้
ละเรลละเลลรีโฮ โฮเรโห่
ฮุยละเร้ลละเร้ลรีโฮ โห่เรโฮ้เร้โฮเรโห่.."

    ประมาณนี้แหละ ใครหอนได้โหยหวนมากกว่ากันก็ได้รางวัลไป รางวัลโดยปกติก็จะเป็นตั๋วแลกเบียร์ยี่ห้อที่ขายไม่ออกได้หนึ่งแก้ว รางวัลใหญ่ขนาดนี้แล้วเราก็จะได้รู้กันว่าลูกหมา..เอ๊ยไม่ใช่ลูกทุ่งไทยจะหอนสู้ลูกทุ่งฝรั่งได้หรือเปล่า

     ในโอกาสนี้ขอขอบพระคุณแฟนบล็อกหมอสันต์ในอเมริกาที่พอรู้ว่าผมจะไปขับรถก็ช่วยส่งข้อมูลมาให้ เพิ่งรู้ว่าแฟนบล็อกที่อยู่อเมริกามีแยะเหมือนกัน บ้างส่งแผนที่แผ่นบะเริ่มเป็นกระดาษมาให้ทางไปรษณีย์ แสดงว่าแม้จะอยู่ในอเมริกา แต่แฟนหลายท่านก็ยังชอบโลว์เทคแบบหมอสันต์อยู่ บ้างก็เสนอให้ไปพักที่บ้านของท่านซึ่งห่างออกไปแค่ประมาณเกือบห้าร้อยไมล์เท่านั้นเอง บ้างส่งเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนที่ใหญ่อยู่ในอบต.ท้องถิ่นว่าไปเมืองนี้ถ้ามีปัญหาให้โทรหาเพื่อนผมคนนี้เพราะเขาใหญ่ บ้างก็ส่งคำแนะนำเรื่องที่เที่ยวและเส้นทางขับรถมาให้ บ้างก็แนะนำเรื่องวิธีหาของกิน ที่ถูกใจมากเป็นพิเศษคือคำแนะนำว่าการหาของกินแบบคนจนในชนบทอเมริกาต้องทำอย่างไร คือแนะนำให้เข้าไปใน Wallmart ตรงไปที่ Hot Food Section แล้วดำเนินการเป็นสี่ขั้นตอน คือ
(1) ซื้อ Spring Mix Salad ซึ่งขายเป็นถาดพลาสติก,
(2) ซื้อน้ำมันมะกอกหรือน้ำราด Balsalmi แยกต่างหาก
(3) ซื้อไก่ย่าง Rotisserie Chicken มาตรฐานคนจนอเมริกา หนึ่งตัว
(4) ฉวยซ่อมและช้อนพลาสติกที่วางไว้ (เขาให้ฟรี) ถ้าหาไม่เจอก็ทวงเอาจากแคชเชียร์ได้

หมอสันต์ฟังคำแนะนำแล้วเห็นด้วยจนน้ำลายหกเลย แฟนบล็อกที่มีรสนิยมวิไลขึ้นมาหน่อยก็แนะนำหมอสันต์ว่าให้เข้าร้าน Wegmans ซึ่งมีลีลาการจัดแสดงอาหารที่เป็นบุญตาแก่คนบ้านนอกดีนัก

     คำแนะนำทั้งหมดนี้หมอสันต์ขอขอบคุณเป็นอันมากและเป็นอันขาด และจะพยายามทำตามให้ครบยกเว้นหากจะต้องขับรถไกลไปรับการสงเคราะห์จากท่านผมคงต้องขอตัว เพราะผมแก่แล้วขับรถนานๆก็จะเมื่อย

     เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เร่งรีบ ผมจึงเอากล้องถ่ายรูปกล้องใหญ่ที่ซื้อมานานแล้วแต่ไม่ค่อยได้ใช้ไปด้วย จะพยายามรื้อฟื้นความจำวิชาถ่ายรูป กลับมาหากถ่ายได้สวยกว่าของจริงจะเอามาโชว์ให้ดู

     สำหรับท่านผู้อ่านทุกท่านก็ ดูแล..take care นะ และอย่าทำงานมากเกินไปละครับ ทะ..ทา

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี