เป็นห่วงลูกแต่ห้ามก็ไม่ฟัง
คุณหมอคะ
หนู ... ที่เคยเจออาจารย์ที่งานบรรยาย ... วันนั้นที่หนูค้างไว้ว่าจะเขียนมาหาและอาจารย์รับปากว่าจะตอบ เรื่องลูกชายที่เคยเล่าให้ฟัง ตอนนี้อายุ 39 คือเขาเป็นคนเงียบๆสุภาพเรียบร้อย ตอนเด็กพอพาไปนั่งชิงช้าสวรรค์ก็ชอบมาก พอได้ไปนั่งรถไฟเหาะแดนเนรมิต(สมัยนั้น)ยิ่งชอบใหญ่ บอกว่าชิงช้าสวรรค์ไม่มัน พอเป็นหนุ่มก็ชอบไปกระโดดบังจิจัมพ์ แล้วต่อมาก็ไปชอบการดำน้ำดูปลาฉลาม แล้วก็มาชอบปีนเขา แต่เดิมหนูก็ไม่ว่าอะไรเพราะปีนเขามันก็มีเชือกเซฟตี้เวลาร่วงจากหน้าผาเชือกนี้ก็จะรั้งไว้ไม่ให้หล่นถึงพื้น แต่ครั้งหลังสุดนี้เขาบอกหนูว่าจะไปปีนเขาที่ .. โดยเป็นการปีนมือเปล่าไม่ใช้เชือก ไม่ใช้ออกซิเจนอะไรหรืออุปกรณ์ช่วยใดๆทั้งนั้น หนูก็ตาเหลือกเลยสิคะ พูดให้เขาเปลี่ยนใจก็ไม่สำเร็จ ถ้าไม่เป็นการรบกวน หนูขอคุณหมอช่วยพูดกับเขาได้ไหมคะ เขานับถือคุณหมอมาก โดยหนูจะ..
ขอบพระคุณค่ะ
..................................................
ตอบครับ
คนที่ผมต้องเจรจาด้วยคือคุณแม่นะ ไม่ใช่คุณลูก เอางี้นะ สมมุติว่าผมตั้งคำถามกับคุณว่า
"ถ้าผมให้คุณแม่เลือกความฝันได้สองแบบ แบบที่หนึ่งในฝันนั้นนึกอยากได้อะไรก็ได้ ของที่อยากมีแต่ยังไม่มีก็เนรมิตเอาได้เดี๋ยวนั้นทุกอย่าง จะให้ใครมีพฤติกรรมอย่างไรก็เสกเพี้ยงเดียวทุกคนหรือแม้แต่หมูหมากาไก่ก็จะเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองให้เป็นไปตามที่เราเสกหมด
กับอีกแบบหนึ่งในฝันนั้นคุณแม่ได้ไปเที่ยวเสี่ยงภัยแอดเวนเจอร์ ไม่รู้หรอกว่าช็อตต่อไปจะเจออะไร อุ่นใจอยู่อย่างเดียวว่ามันเป็นความฝัน ท้ายที่สุดก็จะตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย
คุณแม่จะเลือกเอาฝันแบบไหน"
ผมถามคำถามนี้กับท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ ขอให้ทุกท่านพยายามตอบดู หลายท่านคงจะยิ้มเจื่อนๆตอบว่า
"ถ้าเป็นแค่ความฝันก็คงเลือกเอาแอดเวนเจอร์มัง"
ชีวิตจริงก็เหมือนความฝันนั่นแหละ คนที่พยายามจะใช้ชีวิตแบบตามโผตามสะเป๊ก อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามบทที่ตัวเองเขียนไว้แล้วล่วงหน้า อยากได้อะไรก็ภาวนาขอให้เสกเอาให้ได้อย่างนั้นเถิด เป็นคนที่ไม่รู้ว่าชีวิตนี้คือความฝัน ท้ายที่สุดฝันเรื่องนี้ก็จะจบและต้องตื่นจากฝัน
ส่วนคนที่เลือกใช้ชีวิตแบบแอดเวนเจอร์ เดินไปข้างหน้าทีละช็อต ไม่รู้หรอก ไม่อยากรู้ด้วย ว่าช็อตต่อไปจะเจออะไร จะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็รับได้และพร้อมรับทั้งนั้นแหละ คือคนที่รู้ว่าชีวิตมันเป็นแค่ความฝัน เดี๋ยวฝันนี้มันก็จบแล้วมันก็จะตื่น เรื่องอะไรจะไปฝันเรื่องหมอนๆเซ็งๆละ ฝันเรื่องหนุกๆไม่ดีกว่าหรือ
แล้วอีกอย่างหนึ่ง อ้อ..ผมนึกหน้าคุณได้ละ คุยกันวันนั้นคุณเป็นคนธรรมะธรรมโมเข้าวัดเข้าวานี่นา การใช้ชีวิตแบบอยู่ในฝันแอดเวนเจอร์โดยไม่สนใจว่าช็อตต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นโดยที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ยอมรับหมด นั่นแหละคือการ "อยู่กับปัจจุบัน" ที่พระท่านสอนปากเปียกปากแฉะที่วัดนั่นแหละ เรื่องเดียวกัน ตอนนี้คุณมีโอกาสปฏิบัติธรรมโดยไม่ต้องเสียเวลาไปวัดแล้ว ลงมือเล้ย
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
หนู ... ที่เคยเจออาจารย์ที่งานบรรยาย ... วันนั้นที่หนูค้างไว้ว่าจะเขียนมาหาและอาจารย์รับปากว่าจะตอบ เรื่องลูกชายที่เคยเล่าให้ฟัง ตอนนี้อายุ 39 คือเขาเป็นคนเงียบๆสุภาพเรียบร้อย ตอนเด็กพอพาไปนั่งชิงช้าสวรรค์ก็ชอบมาก พอได้ไปนั่งรถไฟเหาะแดนเนรมิต(สมัยนั้น)ยิ่งชอบใหญ่ บอกว่าชิงช้าสวรรค์ไม่มัน พอเป็นหนุ่มก็ชอบไปกระโดดบังจิจัมพ์ แล้วต่อมาก็ไปชอบการดำน้ำดูปลาฉลาม แล้วก็มาชอบปีนเขา แต่เดิมหนูก็ไม่ว่าอะไรเพราะปีนเขามันก็มีเชือกเซฟตี้เวลาร่วงจากหน้าผาเชือกนี้ก็จะรั้งไว้ไม่ให้หล่นถึงพื้น แต่ครั้งหลังสุดนี้เขาบอกหนูว่าจะไปปีนเขาที่ .. โดยเป็นการปีนมือเปล่าไม่ใช้เชือก ไม่ใช้ออกซิเจนอะไรหรืออุปกรณ์ช่วยใดๆทั้งนั้น หนูก็ตาเหลือกเลยสิคะ พูดให้เขาเปลี่ยนใจก็ไม่สำเร็จ ถ้าไม่เป็นการรบกวน หนูขอคุณหมอช่วยพูดกับเขาได้ไหมคะ เขานับถือคุณหมอมาก โดยหนูจะ..
ขอบพระคุณค่ะ
..................................................
ตอบครับ
คนที่ผมต้องเจรจาด้วยคือคุณแม่นะ ไม่ใช่คุณลูก เอางี้นะ สมมุติว่าผมตั้งคำถามกับคุณว่า
"ถ้าผมให้คุณแม่เลือกความฝันได้สองแบบ แบบที่หนึ่งในฝันนั้นนึกอยากได้อะไรก็ได้ ของที่อยากมีแต่ยังไม่มีก็เนรมิตเอาได้เดี๋ยวนั้นทุกอย่าง จะให้ใครมีพฤติกรรมอย่างไรก็เสกเพี้ยงเดียวทุกคนหรือแม้แต่หมูหมากาไก่ก็จะเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองให้เป็นไปตามที่เราเสกหมด
กับอีกแบบหนึ่งในฝันนั้นคุณแม่ได้ไปเที่ยวเสี่ยงภัยแอดเวนเจอร์ ไม่รู้หรอกว่าช็อตต่อไปจะเจออะไร อุ่นใจอยู่อย่างเดียวว่ามันเป็นความฝัน ท้ายที่สุดก็จะตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย
คุณแม่จะเลือกเอาฝันแบบไหน"
ผมถามคำถามนี้กับท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ ขอให้ทุกท่านพยายามตอบดู หลายท่านคงจะยิ้มเจื่อนๆตอบว่า
"ถ้าเป็นแค่ความฝันก็คงเลือกเอาแอดเวนเจอร์มัง"
ชีวิตจริงก็เหมือนความฝันนั่นแหละ คนที่พยายามจะใช้ชีวิตแบบตามโผตามสะเป๊ก อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามบทที่ตัวเองเขียนไว้แล้วล่วงหน้า อยากได้อะไรก็ภาวนาขอให้เสกเอาให้ได้อย่างนั้นเถิด เป็นคนที่ไม่รู้ว่าชีวิตนี้คือความฝัน ท้ายที่สุดฝันเรื่องนี้ก็จะจบและต้องตื่นจากฝัน
ส่วนคนที่เลือกใช้ชีวิตแบบแอดเวนเจอร์ เดินไปข้างหน้าทีละช็อต ไม่รู้หรอก ไม่อยากรู้ด้วย ว่าช็อตต่อไปจะเจออะไร จะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็รับได้และพร้อมรับทั้งนั้นแหละ คือคนที่รู้ว่าชีวิตมันเป็นแค่ความฝัน เดี๋ยวฝันนี้มันก็จบแล้วมันก็จะตื่น เรื่องอะไรจะไปฝันเรื่องหมอนๆเซ็งๆละ ฝันเรื่องหนุกๆไม่ดีกว่าหรือ
แล้วอีกอย่างหนึ่ง อ้อ..ผมนึกหน้าคุณได้ละ คุยกันวันนั้นคุณเป็นคนธรรมะธรรมโมเข้าวัดเข้าวานี่นา การใช้ชีวิตแบบอยู่ในฝันแอดเวนเจอร์โดยไม่สนใจว่าช็อตต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นโดยที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ยอมรับหมด นั่นแหละคือการ "อยู่กับปัจจุบัน" ที่พระท่านสอนปากเปียกปากแฉะที่วัดนั่นแหละ เรื่องเดียวกัน ตอนนี้คุณมีโอกาสปฏิบัติธรรมโดยไม่ต้องเสียเวลาไปวัดแล้ว ลงมือเล้ย
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์