ปวดท้องเมนส์แบบสุดๆ

     ลูกน้องของหมอสันต์คนหนึ่งบอกว่าปวดท้องเมนส์แบบสุดๆ ถึงขั้นหน้ามืดจะเป็นลม วันนี้จึงขอเขียนเรื่องปวดท้องเมนส์ 

..............................................

     ที่เรียกว่าปวดท้องเมนส์ มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือปวดท้องเมนส์แท้ๆจริงๆแบบไม่มีความผิดปกติใดๆของระบบอวัยวะสืบพันธ์ (primary dysmenorrhea) อาการหลักคือปวดในท้องน้อย ส่วนเป็นลมหรือคลื่นไส้อาเจียนนั้นเป็นอาการแถมจากการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ กลไกการปวดเป็นเพราะอะไรวงการแพทย์ก็ไม่รู้เหมือนกัน จะเริ่มปวดตั้งแต่สองสามชั่วโมงก่อนเมนส์จะมา ปวดอยู่นานราวสามวัน ส่วนใหญ่ (80%) หากกินยาแก้ปวดแก้อักเสบ (NSAID) ก็จะหายปวด

     อีกแบบหนึ่งเกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) มักจะปวดตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์ก่อนมีเมนส์แล้วลากยาวไปจนสองสามวันหลังเมนส์หมด แบบนี้กินยาก็มักจะไม่หาย กลไกการเกิดเป็นเพราะเมื่อต้นรอบเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่นั้นจะค่อยๆบวมขยายขึ้นจากการที่มีเลือดเข้าไปคั่ง ทำให้มีขนาดโตขึ้น ตึง เป่ง จนไปยืดเยื่อบุที่หุ้มอวัยวะที่มันไปเจริญผิดที่นั้น ซึ่งอาจจะเป็นรังไข่ ปีกมดลูก ในผนังมดลูก หรือแม้กระทั่งตามเยื่อบุช่องท้อง เมื่อถึงวันประจำเดือนมา เยื่อบุที่เจริญผิดที่นี้ก็จะหลุดลอกแตกออกมีเลือดไหลออกมาเหมือนกับเยื่อบุโพรงมดลูกปกติ ตอนที่มันแตกใหม่ๆก็จะปวด สองสามวันเมื่อเลือดหมดแล้วจึงจะหาย

     วิธีรักษาตามหลักวิชาแพทย์แผนปัจจุบันคือหากสูบบุหรี่อยู่ให้หยุด แล้วก็ให้กินยา ซึ่งมียาที่กินอยู่สองแบบให้เลือก คือ

        (1) ยาแก้ปวดแก้อักเสบ งานวิจัยพบว่ายาแก้ปวดประจำเดือนที่ได้ผลดีกว่ายาหลอกได้แก่ naproxen, ibuprofen, และ mefenamic acid

    (2) ยาคุมกำเนิด ซึ่งนิยมใช้ในกรณีที่มีความประสงค์จะวางแผนครอบครัวอยู่แล้ว

     หากกินยาแล้วอาการไม่ทุเลา ก็ต้องไปหาหมอนรีเวชเพื่อตรวจอุลตร้าซาวด์และตรวจภายในดูว่ามีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือเปล่า ถ้ามีก็ผ่าตัดเอาออกซะ

    หมอสันต์มีวิธีรักษาตามแบบของตัวเองแถมให้ นี่ไม่ใช่หลักวิชาแพทย์นะ อย่าเอาไปสับสนปนเปกัน คือผม มีสมมุติฐานแผลงๆว่าอาการปวดเรื้อรังที่ชอบโผล่มาเป็นรอบๆนี้มันมีรากที่สัมพันธ์กับความคิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดในลักษณะของอารมณ์ (emotion) ดูอย่างตัวหมอสันต์เองนี่ปะไร เดือนหนึ่งก็จะปวดทีหนึ่ง เปล่า หมอสันต์ไม่มีประจำเดือนหรอก แต่ปวดเพราะบัญชี กลไกการเกิดมันมีอยู่ว่าสมัยก่อนผมทำงานเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลใหญ่ซึ่งต้องดูแลเงินปีละสองสามพัน (ล้านบาทนะ) สมัยโน้นก็ถือว่าเป็นเงินมากเหมือนกัน ทุกเดือนต้องมานั่งบี้กันว่าเงินยอดนั้นยอดนี้หายไปไหน พวกนักบัญชีที่เป็นผู้หญิงนั้นก็แน่นอนว่าถึงเวลาปิดงบประจำเดือน ประจำเดือนของตัวเองก็ขาดหรือหดไปด้วย ส่วนหมอสันต์นั้นก็ปวดประจำเดือน เอ๊ย..ไม่ใช่ ปวดร่างกาย ปวดไปทั่วแบบอึมครึม หงุดหงิด งุ่นง่าน อธิบายไม่ถูก เพราะตัวเองไม่ชอบตัวเลข แต่ต้องมานั่งรับผิดชอบ จะทิ้งให้ลูกน้องดูโดยตัวเองไม่ดูก็ไม่ได้ เพราะตัวเองต้องเซ็นชื่อรับรอง พอเกษียณแล้วก็คิดว่าหมดเวรหมดกรรมกันไปซะที เพราะเกษียณแล้วทำงานตะก๊อกตะแก๊กฝึกสอนฝึกอบรมคนไข้ จ้างลูกน้องไม่กี่คนเงินที่ต้องดูแลเดือนละไม่กี่แสน แต่ที่ไหนได้พอถึงรอบบัญชีก็ปวดประจำเดือนอีกแล้ว แค่เห็นไฟล์เอ็กเซลส่งมาให้ก็เริ่มปวดแล้ว ความรู้สึกลบมันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เล็กก็ลบ ใหญ่ก็ลบ เพราะของมันเคยลบ

     "แล้วผู้หญิงปวดประจำเดือน เขาไม่ได้ทำบัญชี มันเกี่ยวกันตรงไหน"

     อ้าวอย่าลืมว่าความคิดส่วนหนึ่งมันถ่ายทอดมาในรูปของสัญชาติญาณผ่านมาทางพันธุกรรมนะ คุณไม่รู้หรือว่าผู้หญิงเขาผ่านมาเท่าไหร่ อย่างสมัยกลางที่โบสถ์โรมันแคทอลิกไล่เก็บพวกนอกรีตนั้น ผู้หญิงถูกทำทารุณกรรมและฆ่าไปผมว่าถ้าจะนับกันในช่วงสามร้อยปีนั้นน่าจะมีจำนวนเป็นหลายล้านคนนะ แค่ผู้หญิงแสดงความรักต่อสัตว์ หรือไปเดินเล่นคนเดียวในทุ่ง หรือไปเก็บเห็ดคนเดียวในป่า นี่ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดและเอามาลงโทษโดยการเผาทั้งเป็นได้แล้ว แม้แต่พวกผู้ชายหรือเหล่า ผ. ตัวดีนี่ก็ยังไม่เคยยอมรับความเป็นผู้หญิงเลยทั้งๆที่ในตัวเองก็มีฮอร์โมนผู้หญิงอยู่ แล้วความเจ็บปวดอันเนื่องมาจากความเป็นผู้หญิงสาระพัดรูปแบบอีกละ เช่น ต้องปวดเพราะคลอดลูก ถูกข่มขืน ทรมาน ทำร้าย มันจะไม่สะสมไว้บ้างหรือ

      เอาเถอะ หยุดพล่ามมาคุยกันถึงวิธีแก้ปวดนอกรีตของหมอสันต์ดีกว่า ประเด็นของผมมีประเด็นเดียว คือการยอมรับ ใช่..ยอมรับความปวดนั่นแหละ มันมาแล้วปกติมันก็จะส่งเสียงร้องเรียนแล้วเราก็จะเข้าไปเป็นพวกรับลูกก่อความคิดลบต่อยอดความปวดนั้น แต่ผมแนะนำว่าคราวนี้ลองทำอีกแบบหนึ่ง ให้ยอมรับมัน ยอมรับผมหมายความว่าให้ทดลองปล่อยให้มันอยู่ที่นั่น มันมาก็รับรู้ว่ามันมา แต่ไม่เข้าไปเป็นพวก ไม่เชื่อมโยงให้ความปวดก่อความคิด ไม่เอาความคิดไปเลี้ยงความปวด ตอนนี้รู้สึกอย่างนี้ มันรู้สึกอย่างนี้อยู่ ให้ยอมรับมันว่าตอนนี้มันรู้สึกอย่างนี้ จะไปทำอะไรมันไม่ได้หรอก ถ้าไม่ทันมันตรงนี้ความปวดจะพาลแสวงหาความปวดยิ่งขึ้นเพื่อ "หาเรื่อง" ให้สิ่งร้ายๆเกิดขึ้นให้ได้ การทะเลาะเบาะแว้งบ๊งเบ๊งช้งเช้งกับคนใกล้ชิดจะตามมา อีกอย่างหนึ่งความปวดเนี่ยมันลอยไปในอากาศได้ด้วยนะ แค่ผมเห็นลูกน้องหน้านิ่วปวดประจำเดือนผมก็เสียวท้องน้อยตัวเองแว้บ..บแล้ว เท่ากับว่าจิตสำนึกรับรู้ถูกแย่งชิงการนำไปโดยความปวด อย่าให้เป็นเช่นนั้น ปวดรู้ว่าปวด รับรู้ ยอมรับ ผ่อนคลายร่างกายลง เมื่อความปวดเหนี่ยวนำให้เกิดอารมณ์ลบ ร่างกายจะเริ่มตึงเครียด ให้รู้ทันโดยการผ่อนคลายร่างกายลง เฝ้าดูมันไป ความปวดก็คือความปวด เราก็คือเรา ดูไปแบบยอมรับไม่ขับไล่ไสส่งไม่ลุ้นให้หาย ไม่เอาชนะความปวดด้วยการต่อสู้ แต่เอาชนะด้วยการฉายแสงของจิตสำนึกรับรู้ไปรอบๆความปวด เหมือนอย่างที่คุณไม่อาจเอาชนะความมืดด้วยการส่งเสียงขับไล่หรือเอาไม้กวาดไล่ตี แต่เอาชนะด้วยการจุดเทียนก่อแสงสว่างขึ้น คุณทำอย่างนี้ไปพลังงานในความปวดที่ปกติจะไปผูกมิตรกับความคิดแล้วไปออกฤทธิ์ออกเดชจะถูกกักบริเวณไว้ เหมือนมีช่องว่างอยู่รอบๆสถานที่ปวด แล้วดูไปเถอะ พลังงานของความปวดพอมันไปเชื่อมโยงกับความคิดไม่ได้ มันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นพลังงานสั่นสะเทือนระดับหยาบบ้างละเอียดบ้าง การสั่นสะเทือนระดับหยาบเช่นกล้ามเนื้อสั่นริกๆแม้จะดูน่ากลัวแต่ที่จริงแล้วมันจะทำให้เรารู้สึกปวดน้อยลง การสั่นสะเทือนระดับละเอียดจะเป็นพลังงานที่เพิ่มพลังงานให้กับจิตสำนึกรับรู้ เท่ากับว่าความปวดทำให้เรามีพลังสติดีขึ้น ยิ่งปวดประจำเดือนมาก ยิ่งมีพลังชีวิตดี นี่คือวิธีรักษาแบบนอกรีตไร้สาระของหมอสันต์ ใครมีความเคลือบแคลง ผมก็ท้าให้ลองเอาไปทดสอบดู

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี