กำเริบอีกแล้ว ในไข่ข้างซ้าย (Varicocele)
คุณหมอสันต์ครับ
ผมอายุ 32 ปี เล่นกีฬาบาสมาตลอด และไม่เคยตรวจเช็คร่างกายเฉพาะส่วนมาก่อน ตรวจแต่สุขภาพประจำปีเท่านั้น และเมื่อผมเริ่มอ่านการดูแลร่างกายตัวเอง ทำให้ผมเริ่มเช็คตัวเอง และมันก็พบปัญหามาหลายอย่าง ดังนี้ครับ
1. ผมตรวจคลำอัณฑะตัวเอง พบว่าข้างซ้ายเหมือนมีก้อนเล็กๆ หยุ่นๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าอันตรายหรือไม่ เนื่องจากข้างซ้ายจะหย่อนกว่าขวา และข้างขวาจะโตกว่าเล็กน้อย จึงได้ไปทำการตรวจ อัลตร้าซาว์น ที่ ร.พ ... โดยผมขอให้ตรวจระบบทางเดินปัสสะวะทั้งหมดเพื่อความชัดเจน เพราะบางครั้งปวดจี้ดๆ ตรงท้องน้อย ทั้งซ้ายและขวา แต่ไม่มากและก็หายไปเอง ผลอัลตร้าซาว์น ว่าทุกอย่าง ไต กระเพาะปัสสะวะ ต่อมลูกหมาก(คุณหมอใช้นิ้วล้วง) ปกติ แต่อัณฑะข้างซ้าย ที่ผมกลัวจะเป็นมะเร็ง คุณหมอบอกว่าเป็นเส้นเลือดขอดเล็กน้อย และไม่ต้องรักษาอะไร แต่บอกไม่ให้ผมยกของหนักอีก ผมอยากรู้ว่าจะกลายเป็นมะเร็งหรือป่าวหากทิ้งไว้ และแบบนี้มันอันตรายไหม และผมยังเล่นบาส และ ยกเวทได้เหมือนเดิมหรือไม่ครับ คือผมสับสนเพราะไปปรึกษาคุณหมออีกท่าน กับอีกที่นึง บอกว่าสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ รวมทั้งยกเวทด้วย ผมเลยไม่แน่ใจ และ
2. หลังจากผมอ่านข้อมูลไปเรื่อยๆ ทำให้ผมเริ่มอยากจะเช็คร่างกายแบบละเอียด จึงไปตรวจอัลตร้าซาว์นตับ และส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารทั้งลำใส้ และกระเพาะอาหาร ที่สถาบันมะเร็ง เนื่องจากว่าผมไม่มีความรู้เรื่องการระวังสารแอลฟ่าทอกซินเลย แต่ก่อนทานไม่ได้ระวังทั้งถั่ว พริกป่น กระเทียม ฯลฯ ที่เป็นอาหารที่ต้องระวังทั้งหมด เลยลองไปตรวจ ปรากฎว่าตับและม้ามปกติ แต่กระเพาะ มีจุดเลือดออกเล็กน้อย และลำใส้มีริดสีดวงระดับ1 คุณหมอบอก ไม่อันตรายทั้งสองอย่าง ก็ให้ทานยา prevacid fdt 30 mg และ motilium-m(ให้มาอย่างละ 30 เม็ด) สำหรับกระเพาะ ส่วนริดสีดวง ไม่ต้องรักษา(อีกแล้ว) แล้วผมควรจะทำยังไงครับแบบนี้ผมรู้สึกกังวลมากกลัวมันเปลี่ยนเป็นมะเร็ง แต่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยท้องผูกหรือถ่ายเป็นเลือดเลย ผมจึงสับสน กลับมาที่ยานะครับ สองตัวนี้เป็นคุณหมออีกท่านให้มาในวันที่ไปจองคิวส่องกล้อง(ไปคนละวันเจอหมอสองท่าน) และคุณหมอท่านที่สอง ในวันที่ส่องกล้องไม่ได้บอกว่าให้ทานไปแค่ไหนนานเท่าไหร่ และอ่านเจอว่ายาตัวแรกทำห้ท้องผูกด้วยและมีผลข้างเคียง ซึ่ง ผลมันออกมาว่ามีจุดเลือดออกแบบนี้ ให้ทานยา และไม่รู้ว่านานแค่ไหน จึงจะหาย และหมอท่านสองนัดส่องกล้องทางปากซ้ำอีกหกเดือน แต่ริดสีดวง ถ้ายาทำให้ท้องผูก ริดสีดวงจะหายได้ยังไงครับถ้าเป็นแบบนี้ และผมอ่านข้อมูลไปเรื่อยๆ พบว่าเลือดออกในกระเพาะอันตรายมาก มีโอกาศกลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ และริดสีดวงก็กลายเป็นมะเร็งได้เช่นกัน ผมเลยกังวลมากๆ ครับว่าผมควรจะไปตรวจซ้ำที่อื่นหรือไม่ครับ และการตรวจร่างกายเชิงลึกแบบนี้ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ควรตรวจอะไรและช่วงอายุเท่าไหร่บ้างครับ เผื่อเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ อีกด้วย เพราะบทความแนะนำการตรวจนั้นอ่านจากเนทแล้วไม่เหมือนกันเลย จึงอยากได้ข้อสรุปที่ดีที่สุดครับ
3. ผมเคยมีการใช้ยาแก้ปวดข้อต่วมด้วย เช่น ยาโมบิค อะร๊อกเซีย และไดโคลฟิแนค เป็นยาทานนะครับ (ทานเฉพาะตอนที่มีอาการ ไม่ได้เป็นประจำและต่อเนื่อง ทานไม่เกิน3วัน) และก่อนนี้ไม่ค่อยได้ทานอาหารเช้า เพิ่งจะมาทานได้ประมาณสองเดือน และชอบนั่งห้องน้ำนานด้วยครับ ซึ่งมันอาจเป็นสาเหตุทั้งหมดใช่ไหมครับ
ปล . ขออภัยคุณหมอที่ผมถามเยอะมาก เพราะผมสับสนไปหมดจริงๆ ผมติดตามอ่านบทความที่ดีมีประโยชน์ของคุณหมอมาสักระยะแล้ว คิดว่าคุณหมอช่วยผมได้แน่นอน ผมจึงขอความอนุเคราะห์จากคุณหมอช่วยผมด้วยนะครับ สุดท้ายนี้ขอให้คุณหมอช่วยเหลือทุกคนแบบนี้ไปเรื่อยๆ และขอให้คุณหมอและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป นะครับ
ขอบพระคุณมากครับ
.........................................................
ตอบครับ
เห็นจดหมายเพ้อเจ้อกึ่งไร้สาระของคุณแล้วทำให้นึกถึงสมัยผมเป็นเด็กวัยรุ่นยังเรียนชั้นมัธยมต้น มีเพลงรักของสุเทพ (วงศ์กำแหง) เพลงหนึ่ง เนื้อร้องตอนหนึ่งว่า
“...พบเธอวันนี้ นี่สิตายแน่
ต้องตายแน่แท้ โรครักไม่หาย
กำเริบอีกแล้ว ในอกข้างซ้าย..”
แล้วเพื่อนผมซึ่งมีอาการแบบเดียวกับคุณเอามาร้องว่า
“...กำเริบอีกแล้ว ในไข่ข้างซ้าย”
ฮะ ฮะ ฮ่า ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น
เอาละ ไม่เสียเวลาพูดพล่ามดีกว่า มาตอบจดหมายของคุณกันเลย
1. ถามว่าคลำอัณฑะตัวเอง พบว่าข้างซ้ายเหมือนมีก้อนเล็กๆ หยุ่นๆ และข้างซ้ายหย่อนกว่าข้างขวา ถามว่าเป็นโรคอะไร ตอบว่าเป็นการโป่งพองของขดหลอดเลือดดำลูกอัณฑะ (varicocele) ก่อนที่จะสาวความยืดยาวต่อไปผมขออธิบายให้คุณเข้าใจกายวิภาคของชายชาตรีตรงนี้ให้ถ่องแท้สักหน่อยนะ จะได้ไม่สติแตกเวลาหมอคนโน้นว่าอย่างนี้คนนี้ว่าอย่างนั้น กล่าวคือลูกอัณฑะปกติของคนเรามันมีหลอดเลือดแดงเป็นหลอดเลือดโดดเส้นเดียวเรียกว่า spermatic artery นำเลือดเข้าไปเลี้ยง แล้วก็มีหลอดเลือดดำนำเลือดกลับออกมาในลักษณะพันกันขยุกขยิกเป็นร่างแห่เรียกว่า pampiniform venous plexus เรียกว่าปกติมันก็คลำได้เป็นตะปุ่มตะป่ำนุ่มๆหยุ่นๆของมันอยู่แล้ว แต่ใน 15-20% ชายชาตรีที่ปกติทั่วไปร่างแหหลอดเลือดดำส่วนนี้มันป่องพองอีกต่างหาก แต่ว่าถ้าเจาะจงไปเลือกหยิบเอาแต่ชายชาตรีที่เป็นหมันมาตรวจดูจะพบว่ามีโรคกำเริบที่ไข่ข้างซ้ายนี้สูงถึง 40% ทีเดียว แพทย์เรียกว่าโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า varicocele ซึ่งแปลว่าดูเหมือนถุงน้ำแต่แท้ที่จริงเป็นหลอดดำขอดป่อง ผมเรียกเล่นๆว่าโรคกำเริบที่ไข่ก็แล้วกัน
วงการแพทย์ไม่ทราบว่าทำไมคนเป็นหลอดเลือดดำป่องที่อัณฑะจึงเป็นหมันมากกว่าคนไม่เป็น ได้แต่เดาเอาแบบมั่วนิ่มว่าคงเป็นเพราะหลอดเลือดดำที่ป่องมันทำให้การระบายความร้อนของลูกอัณฑะเสียไป เชื้ออสุจิจึงตายง่าย นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานนะ..ข้าแต่ศาลที่เคารพ แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรข้าน้อยมิทราบ
2. ถามว่าถ้าหลอดเลือดขอดแบบนี้มีความสัมพันธ์กับการเป็นหมัน เราผ่าตัดเอามันออกไปซะก่อนดีไหมจะได้เป็นพ่อพันธ์ที่ชัวร์ป๊าดตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ได้มีงานวิจัยตอบคำถามนี้ได้แล้วว่า..ไม่ดีครับ ในงานวิจัยนั้นได้ติดตามคนเป็นโรคกำเริบที่ไข่ข้างซ้ายสามร้อยกว่าคน พวกหนึ่งหมอปล่อยไว้ไม่รักษา อีกพวกหนึ่งหมอจับฉีดยาแก้ให้หลอดเลือดที่ป่องให้ยุบ (sclerotherapy) แล้วตามไปดูว่าสามสิบปีต่อมาใครจะมีโอกาสได้เป็นพ่อคนมากกว่ากัน พบว่าพวกที่หมอไม่เสือก เอ๊ย..ขอโทษ ไม่ได้จับทำการรักษาหลอดเลือดป่องได้เป็นพ่อคนมากกว่าพวกที่หมอจับรักษาเสียอีก ดังนั้น ถ้าคุณอยากเป็นพ่อคน ก่อนแต่งงานอย่าไปยุ่งกับโรคกำเริบที่ไข่เป็นดีที่สุด
แต่หากคุณแต่งงานไปแล้วและได้พยายามทำลูกอย่างเต็มกำลังแล้วก็ไม่สำเร็จ แถมเมื่อเอาน้ำอสุจิมาตรวจก็พบว่าอสุจิเดี้ยงหรือป้อแป้อีกต่างหาก ถึงตอนนั้นคุณอาจจะลองให้หมอศัลยกรรมยูโรเขาผ่าตัดเอาหลอดเลือดป่องนี้ออกดูผมว่าก็คงไม่เสียหลายนะ เพราะมีงานวิจัยแขกที่ซาอุเปรียบเทียบแขกเป็นโรคกำเริบที่ไข่ที่เป็นหมันไปแล้ว ระหว่างพวกหนึ่งผ่าตัดอีกพวกหนึ่งไม่ผ่า แล้วเอาน้ำอสุจิมาตรวจแข่งกัน พบว่าพวกที่ผ่าตัดจะมีน้ำอสุจิที่กลับมาคึกคักและมีจำนวนอสุจิมากกว่าพวกที่ไม่ผ่า
3. ถามว่าคุณเป็นโรคกำเริบอีกแล้วที่ไข่ข้างซ้าย หมอคนหนึ่งห้ามยกของหนัก หมออีกคนหนึ่งไม่ห้าม ควรเชื่อใครดี ตอบว่าให้เชื่อหมอที่ไม่ห้าม ทั้งนี้เพราะการที่หมอบางท่านห้ามยกของหนักนั้น ท่านห้ามจากความเชื่อของท่าน คือท่านเชื่อว่าการเพิ่มความดันในช่องท้องจะทำให้หลอดเลือดขอดป่องที่ไข่ใหญ่ขึ้น เพราะเวลาตรวจร่างกายถ้าเราบอกให้คนไข้เบ่งลมในท้องก็จะเห็นหลอดเลือดนี้ป่องนี้ใหญ่ขึ้นจริงๆ แต่ความเป็นจริงก็คือการที่หลอดเลือดดำขอดนี้ป่องๆยุบๆตามความดันในช่องท้องนั้นเป็นธรรมชาติปกติของมัน ไม่ได้หมายความว่ามันจะขยายขนาดขึ้นเรื่อยไปหรือจะสะสมความดันไว้จนระเบิดแต่อย่างใด วงการแพทย์ไม่มีหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มความดันในช่องท้องเป็นครั้งคราวกับความรุนแรงของ varicocele ดังนั้นคุณจะเล่นบาส จะยกน้ำหนักก็ทำไปเถิด อย่าไปสนหมอคนไหนจะว่าอย่างไรเลย
4. ถามว่าทำไมหมอพูดไม่เหมือนกันแล้วทำให้คนไข้สับสน ตอบว่า อ้าว..คุณเข้าใจคำว่า “หมอ” ไหมละครับ อีกอย่างหนึ่ง การที่หมอพูดไม่เหมือนกันเนี่ยเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งในชีวิตของคนไข้นะคุณ อย่างเช่นอินเตอร์เน็ทเงี้ย ถ้าทุกคนในอินเตอร์เน็ทพูดอะไรเหมือนกันหมด คุณจะยังเปิดอ่านอินเตอร์เน็ทอยู่ไหมละ
5. ถามว่าอาการปวดจี้ดๆ ตรงท้องน้อย ทั้งซ้ายและขวา แต่ไม่มากและก็หายไปเองเกิดจากอะไร ตอบมันเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจงว่าเป็นอะไร ทางการแพทย์ถือว่าไม่มีนัยสำคัญ อย่าไปสนใจมันเลยครับ
6. ถามว่าโรค varicocele นี้จะทำให้เป็นมะเร็งลูกอัณฑะมากขึ้นไหม ตอบว่าไม่เกี่ยวกันเลยครับ
7. ถามว่ากลัวเป็นมะเร็งจึงไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด หมอส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารพบว่ามีจุดเลือดออกเล็กน้อยในกระเพาะอาหารและส่องกล้องตรวจทวารหนักพบว่าเป็นริดสีดวงระดับ 1 ทำไงดี ตอบว่าผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งหมดที่เล่ามานั้นถือว่าปกติดี แต่ที่หมอบอกว่ามีจุดเลือดออกบ้าง มีริดสีดวงนิดหน่อยบ้างนั้น เป็นการพูดเพื่อให้รู้สึกว่ามีการตรวจพบอะไรที่ฟังดูคุ้มค่าเงินหน่อยเท่านั้นเอง แต่ในความเป็นจริงคือคุณยังเป็นปกติดี ไม่ต้องกินยาอะไรทั้งสิ้น จุดแดงๆเล็กๆที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร (mild gastritis) เป็นสิ่งที่พบได้เสมอในการส่องตรวจกระเพาะคนปกติทั่วไป ถ้าไม่มีแผลหรือมีเลือดไหลออกมาจะๆให้เห็นก็ไม่ต้องรักษาอะไร อีกทั้งยาสองตัวที่หมอให้คุณมานั้น (prevacid และ motilium) ก็ไม่ใช่ยารักษาเลือดออก และไม่ใช่ยาป้องกันเลือดออกในกระเพาะด้วย คุณกินไปก็ไม่มีผลอะไรหรอก การระวังไม่กินยาหรืออาหารที่ระคายกระเพาะต่างหากที่มีผล และก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปส่องตรวจกระเพาะอาหารซ้ำในอีกหกเดือนข้างหน้าด้วย เพราะคุณไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร การขยันไปส่องตรวจกระเพาะอาหารจะไม่ทำให้ชีวิตคุณยืนยาวขึ้นแต่อย่างใด มีแต่จะอายุสั้นลงเพราะความวิตกกังวล
8. ถามว่าริดสีดวงทวารกลายเป็นมะเร็งได้ไหม ตอบว่าไม่เกี่ยวกันเลยครับ แต่ถ้ามีแผลอักเสบเรื้อรังที่บริเวณทวารหนักอาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งบริเวณนั้นได้ ของคุณเป็นแค่ริดสีดวง แปลว่าหลอดเลือดดำที่ทวารหนักโป่งพองเล็กน้อยโดยไม่ได้มีแผลหรือมีการอักเสบแต่อย่างใด ไม่เกี่ยวอะไรกับการจะเป็นมะเร็ง คุณไม่ต้องไปกังวลเรื่องนี้
9. ถามว่าอยากจะตรวจสุขภาพให้ละเอียดสะใจต้องตรวจอะไรบ้าง ตอบว่าผู้ชายวัยขนาดคุณที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไรอย่างคุณนี้ การตรวจสุขภาพประจำปีโดยการตรวจร่างกายกับแพทย์ และเจาะเลือดตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) ตรวจดูเคมีของเลือด (blood chemistry) ก็พอแล้วครับ การตรวจหรือทำอะไรมากกว่านี้ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ทำให้คุณอายุยืนขึ้น มีแต่จำให้คุณเป็นบ้าจากความวิตกกังวลง่ายขึ้น
10. ถามว่าชอบกินยาแก้ปวดข้อร่วมด้วย เช่น ยาโมบิค อะคร็อกเซีย และไดโคลฟิแนค ทำให้กระเพาะอักเสบง่ายและเลือดออกง่ายใช่ไหม ตอบว่าใช่ครับ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่ามันจะทำให้หัวใจและไตของคุณพังด้วย
11. ถามว่าชอบนั่งห้องน้ำนาน เป็นสาเหตุให้เป็นริดสีดวงทวารมากขึ้นใช่ไหม ตอบว่าใช่ครับ
12. ข้อนี้คุณไม่ได้ถามแต่ผมแถมให้นะ คนอย่างคุณอยู่ห่างๆหมอและโรงพยาบาลไว้ดีกว่าครับ สิ่งที่คุณควรทำไม่ใช่การไปหาหมอตรวจสุขภาพค้นหามะเร็ง การทำอย่างนั้นไม่ได้ทำให้คุณมีอายุยืนยาวขึ้น มีแต่จะทำให้คุณภาพชีวิตของคุณแย่ลงเพราะความวิตกกังวล
แต่คนอย่างคุณจะได้ประโยชน์จากการปรับวิถีชีวิตด้วยการปรับอาหารหันมากินพืชผักมากให้ขึ้น ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และเรียนรู้การจัดการความเครียดด้วยการฝึกสติ ทำแค่นี้คุณก็จะมีสุขภาพดีแล้ว อย่าไปยุ่งกับหมอเขาดีกว่า
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
ผมอายุ 32 ปี เล่นกีฬาบาสมาตลอด และไม่เคยตรวจเช็คร่างกายเฉพาะส่วนมาก่อน ตรวจแต่สุขภาพประจำปีเท่านั้น และเมื่อผมเริ่มอ่านการดูแลร่างกายตัวเอง ทำให้ผมเริ่มเช็คตัวเอง และมันก็พบปัญหามาหลายอย่าง ดังนี้ครับ
1. ผมตรวจคลำอัณฑะตัวเอง พบว่าข้างซ้ายเหมือนมีก้อนเล็กๆ หยุ่นๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าอันตรายหรือไม่ เนื่องจากข้างซ้ายจะหย่อนกว่าขวา และข้างขวาจะโตกว่าเล็กน้อย จึงได้ไปทำการตรวจ อัลตร้าซาว์น ที่ ร.พ ... โดยผมขอให้ตรวจระบบทางเดินปัสสะวะทั้งหมดเพื่อความชัดเจน เพราะบางครั้งปวดจี้ดๆ ตรงท้องน้อย ทั้งซ้ายและขวา แต่ไม่มากและก็หายไปเอง ผลอัลตร้าซาว์น ว่าทุกอย่าง ไต กระเพาะปัสสะวะ ต่อมลูกหมาก(คุณหมอใช้นิ้วล้วง) ปกติ แต่อัณฑะข้างซ้าย ที่ผมกลัวจะเป็นมะเร็ง คุณหมอบอกว่าเป็นเส้นเลือดขอดเล็กน้อย และไม่ต้องรักษาอะไร แต่บอกไม่ให้ผมยกของหนักอีก ผมอยากรู้ว่าจะกลายเป็นมะเร็งหรือป่าวหากทิ้งไว้ และแบบนี้มันอันตรายไหม และผมยังเล่นบาส และ ยกเวทได้เหมือนเดิมหรือไม่ครับ คือผมสับสนเพราะไปปรึกษาคุณหมออีกท่าน กับอีกที่นึง บอกว่าสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ รวมทั้งยกเวทด้วย ผมเลยไม่แน่ใจ และ
2. หลังจากผมอ่านข้อมูลไปเรื่อยๆ ทำให้ผมเริ่มอยากจะเช็คร่างกายแบบละเอียด จึงไปตรวจอัลตร้าซาว์นตับ และส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารทั้งลำใส้ และกระเพาะอาหาร ที่สถาบันมะเร็ง เนื่องจากว่าผมไม่มีความรู้เรื่องการระวังสารแอลฟ่าทอกซินเลย แต่ก่อนทานไม่ได้ระวังทั้งถั่ว พริกป่น กระเทียม ฯลฯ ที่เป็นอาหารที่ต้องระวังทั้งหมด เลยลองไปตรวจ ปรากฎว่าตับและม้ามปกติ แต่กระเพาะ มีจุดเลือดออกเล็กน้อย และลำใส้มีริดสีดวงระดับ1 คุณหมอบอก ไม่อันตรายทั้งสองอย่าง ก็ให้ทานยา prevacid fdt 30 mg และ motilium-m(ให้มาอย่างละ 30 เม็ด) สำหรับกระเพาะ ส่วนริดสีดวง ไม่ต้องรักษา(อีกแล้ว) แล้วผมควรจะทำยังไงครับแบบนี้ผมรู้สึกกังวลมากกลัวมันเปลี่ยนเป็นมะเร็ง แต่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยท้องผูกหรือถ่ายเป็นเลือดเลย ผมจึงสับสน กลับมาที่ยานะครับ สองตัวนี้เป็นคุณหมออีกท่านให้มาในวันที่ไปจองคิวส่องกล้อง(ไปคนละวันเจอหมอสองท่าน) และคุณหมอท่านที่สอง ในวันที่ส่องกล้องไม่ได้บอกว่าให้ทานไปแค่ไหนนานเท่าไหร่ และอ่านเจอว่ายาตัวแรกทำห้ท้องผูกด้วยและมีผลข้างเคียง ซึ่ง ผลมันออกมาว่ามีจุดเลือดออกแบบนี้ ให้ทานยา และไม่รู้ว่านานแค่ไหน จึงจะหาย และหมอท่านสองนัดส่องกล้องทางปากซ้ำอีกหกเดือน แต่ริดสีดวง ถ้ายาทำให้ท้องผูก ริดสีดวงจะหายได้ยังไงครับถ้าเป็นแบบนี้ และผมอ่านข้อมูลไปเรื่อยๆ พบว่าเลือดออกในกระเพาะอันตรายมาก มีโอกาศกลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ และริดสีดวงก็กลายเป็นมะเร็งได้เช่นกัน ผมเลยกังวลมากๆ ครับว่าผมควรจะไปตรวจซ้ำที่อื่นหรือไม่ครับ และการตรวจร่างกายเชิงลึกแบบนี้ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ควรตรวจอะไรและช่วงอายุเท่าไหร่บ้างครับ เผื่อเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ อีกด้วย เพราะบทความแนะนำการตรวจนั้นอ่านจากเนทแล้วไม่เหมือนกันเลย จึงอยากได้ข้อสรุปที่ดีที่สุดครับ
3. ผมเคยมีการใช้ยาแก้ปวดข้อต่วมด้วย เช่น ยาโมบิค อะร๊อกเซีย และไดโคลฟิแนค เป็นยาทานนะครับ (ทานเฉพาะตอนที่มีอาการ ไม่ได้เป็นประจำและต่อเนื่อง ทานไม่เกิน3วัน) และก่อนนี้ไม่ค่อยได้ทานอาหารเช้า เพิ่งจะมาทานได้ประมาณสองเดือน และชอบนั่งห้องน้ำนานด้วยครับ ซึ่งมันอาจเป็นสาเหตุทั้งหมดใช่ไหมครับ
ปล . ขออภัยคุณหมอที่ผมถามเยอะมาก เพราะผมสับสนไปหมดจริงๆ ผมติดตามอ่านบทความที่ดีมีประโยชน์ของคุณหมอมาสักระยะแล้ว คิดว่าคุณหมอช่วยผมได้แน่นอน ผมจึงขอความอนุเคราะห์จากคุณหมอช่วยผมด้วยนะครับ สุดท้ายนี้ขอให้คุณหมอช่วยเหลือทุกคนแบบนี้ไปเรื่อยๆ และขอให้คุณหมอและครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป นะครับ
ขอบพระคุณมากครับ
.........................................................
ตอบครับ
เห็นจดหมายเพ้อเจ้อกึ่งไร้สาระของคุณแล้วทำให้นึกถึงสมัยผมเป็นเด็กวัยรุ่นยังเรียนชั้นมัธยมต้น มีเพลงรักของสุเทพ (วงศ์กำแหง) เพลงหนึ่ง เนื้อร้องตอนหนึ่งว่า
“...พบเธอวันนี้ นี่สิตายแน่
ต้องตายแน่แท้ โรครักไม่หาย
กำเริบอีกแล้ว ในอกข้างซ้าย..”
แล้วเพื่อนผมซึ่งมีอาการแบบเดียวกับคุณเอามาร้องว่า
“...กำเริบอีกแล้ว ในไข่ข้างซ้าย”
ฮะ ฮะ ฮ่า ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น
เอาละ ไม่เสียเวลาพูดพล่ามดีกว่า มาตอบจดหมายของคุณกันเลย
1. ถามว่าคลำอัณฑะตัวเอง พบว่าข้างซ้ายเหมือนมีก้อนเล็กๆ หยุ่นๆ และข้างซ้ายหย่อนกว่าข้างขวา ถามว่าเป็นโรคอะไร ตอบว่าเป็นการโป่งพองของขดหลอดเลือดดำลูกอัณฑะ (varicocele) ก่อนที่จะสาวความยืดยาวต่อไปผมขออธิบายให้คุณเข้าใจกายวิภาคของชายชาตรีตรงนี้ให้ถ่องแท้สักหน่อยนะ จะได้ไม่สติแตกเวลาหมอคนโน้นว่าอย่างนี้คนนี้ว่าอย่างนั้น กล่าวคือลูกอัณฑะปกติของคนเรามันมีหลอดเลือดแดงเป็นหลอดเลือดโดดเส้นเดียวเรียกว่า spermatic artery นำเลือดเข้าไปเลี้ยง แล้วก็มีหลอดเลือดดำนำเลือดกลับออกมาในลักษณะพันกันขยุกขยิกเป็นร่างแห่เรียกว่า pampiniform venous plexus เรียกว่าปกติมันก็คลำได้เป็นตะปุ่มตะป่ำนุ่มๆหยุ่นๆของมันอยู่แล้ว แต่ใน 15-20% ชายชาตรีที่ปกติทั่วไปร่างแหหลอดเลือดดำส่วนนี้มันป่องพองอีกต่างหาก แต่ว่าถ้าเจาะจงไปเลือกหยิบเอาแต่ชายชาตรีที่เป็นหมันมาตรวจดูจะพบว่ามีโรคกำเริบที่ไข่ข้างซ้ายนี้สูงถึง 40% ทีเดียว แพทย์เรียกว่าโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า varicocele ซึ่งแปลว่าดูเหมือนถุงน้ำแต่แท้ที่จริงเป็นหลอดดำขอดป่อง ผมเรียกเล่นๆว่าโรคกำเริบที่ไข่ก็แล้วกัน
วงการแพทย์ไม่ทราบว่าทำไมคนเป็นหลอดเลือดดำป่องที่อัณฑะจึงเป็นหมันมากกว่าคนไม่เป็น ได้แต่เดาเอาแบบมั่วนิ่มว่าคงเป็นเพราะหลอดเลือดดำที่ป่องมันทำให้การระบายความร้อนของลูกอัณฑะเสียไป เชื้ออสุจิจึงตายง่าย นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานนะ..ข้าแต่ศาลที่เคารพ แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรข้าน้อยมิทราบ
2. ถามว่าถ้าหลอดเลือดขอดแบบนี้มีความสัมพันธ์กับการเป็นหมัน เราผ่าตัดเอามันออกไปซะก่อนดีไหมจะได้เป็นพ่อพันธ์ที่ชัวร์ป๊าดตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ได้มีงานวิจัยตอบคำถามนี้ได้แล้วว่า..ไม่ดีครับ ในงานวิจัยนั้นได้ติดตามคนเป็นโรคกำเริบที่ไข่ข้างซ้ายสามร้อยกว่าคน พวกหนึ่งหมอปล่อยไว้ไม่รักษา อีกพวกหนึ่งหมอจับฉีดยาแก้ให้หลอดเลือดที่ป่องให้ยุบ (sclerotherapy) แล้วตามไปดูว่าสามสิบปีต่อมาใครจะมีโอกาสได้เป็นพ่อคนมากกว่ากัน พบว่าพวกที่หมอไม่เสือก เอ๊ย..ขอโทษ ไม่ได้จับทำการรักษาหลอดเลือดป่องได้เป็นพ่อคนมากกว่าพวกที่หมอจับรักษาเสียอีก ดังนั้น ถ้าคุณอยากเป็นพ่อคน ก่อนแต่งงานอย่าไปยุ่งกับโรคกำเริบที่ไข่เป็นดีที่สุด
แต่หากคุณแต่งงานไปแล้วและได้พยายามทำลูกอย่างเต็มกำลังแล้วก็ไม่สำเร็จ แถมเมื่อเอาน้ำอสุจิมาตรวจก็พบว่าอสุจิเดี้ยงหรือป้อแป้อีกต่างหาก ถึงตอนนั้นคุณอาจจะลองให้หมอศัลยกรรมยูโรเขาผ่าตัดเอาหลอดเลือดป่องนี้ออกดูผมว่าก็คงไม่เสียหลายนะ เพราะมีงานวิจัยแขกที่ซาอุเปรียบเทียบแขกเป็นโรคกำเริบที่ไข่ที่เป็นหมันไปแล้ว ระหว่างพวกหนึ่งผ่าตัดอีกพวกหนึ่งไม่ผ่า แล้วเอาน้ำอสุจิมาตรวจแข่งกัน พบว่าพวกที่ผ่าตัดจะมีน้ำอสุจิที่กลับมาคึกคักและมีจำนวนอสุจิมากกว่าพวกที่ไม่ผ่า
3. ถามว่าคุณเป็นโรคกำเริบอีกแล้วที่ไข่ข้างซ้าย หมอคนหนึ่งห้ามยกของหนัก หมออีกคนหนึ่งไม่ห้าม ควรเชื่อใครดี ตอบว่าให้เชื่อหมอที่ไม่ห้าม ทั้งนี้เพราะการที่หมอบางท่านห้ามยกของหนักนั้น ท่านห้ามจากความเชื่อของท่าน คือท่านเชื่อว่าการเพิ่มความดันในช่องท้องจะทำให้หลอดเลือดขอดป่องที่ไข่ใหญ่ขึ้น เพราะเวลาตรวจร่างกายถ้าเราบอกให้คนไข้เบ่งลมในท้องก็จะเห็นหลอดเลือดนี้ป่องนี้ใหญ่ขึ้นจริงๆ แต่ความเป็นจริงก็คือการที่หลอดเลือดดำขอดนี้ป่องๆยุบๆตามความดันในช่องท้องนั้นเป็นธรรมชาติปกติของมัน ไม่ได้หมายความว่ามันจะขยายขนาดขึ้นเรื่อยไปหรือจะสะสมความดันไว้จนระเบิดแต่อย่างใด วงการแพทย์ไม่มีหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มความดันในช่องท้องเป็นครั้งคราวกับความรุนแรงของ varicocele ดังนั้นคุณจะเล่นบาส จะยกน้ำหนักก็ทำไปเถิด อย่าไปสนหมอคนไหนจะว่าอย่างไรเลย
4. ถามว่าทำไมหมอพูดไม่เหมือนกันแล้วทำให้คนไข้สับสน ตอบว่า อ้าว..คุณเข้าใจคำว่า “หมอ” ไหมละครับ อีกอย่างหนึ่ง การที่หมอพูดไม่เหมือนกันเนี่ยเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งในชีวิตของคนไข้นะคุณ อย่างเช่นอินเตอร์เน็ทเงี้ย ถ้าทุกคนในอินเตอร์เน็ทพูดอะไรเหมือนกันหมด คุณจะยังเปิดอ่านอินเตอร์เน็ทอยู่ไหมละ
5. ถามว่าอาการปวดจี้ดๆ ตรงท้องน้อย ทั้งซ้ายและขวา แต่ไม่มากและก็หายไปเองเกิดจากอะไร ตอบมันเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจงว่าเป็นอะไร ทางการแพทย์ถือว่าไม่มีนัยสำคัญ อย่าไปสนใจมันเลยครับ
6. ถามว่าโรค varicocele นี้จะทำให้เป็นมะเร็งลูกอัณฑะมากขึ้นไหม ตอบว่าไม่เกี่ยวกันเลยครับ
7. ถามว่ากลัวเป็นมะเร็งจึงไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด หมอส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารพบว่ามีจุดเลือดออกเล็กน้อยในกระเพาะอาหารและส่องกล้องตรวจทวารหนักพบว่าเป็นริดสีดวงระดับ 1 ทำไงดี ตอบว่าผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งหมดที่เล่ามานั้นถือว่าปกติดี แต่ที่หมอบอกว่ามีจุดเลือดออกบ้าง มีริดสีดวงนิดหน่อยบ้างนั้น เป็นการพูดเพื่อให้รู้สึกว่ามีการตรวจพบอะไรที่ฟังดูคุ้มค่าเงินหน่อยเท่านั้นเอง แต่ในความเป็นจริงคือคุณยังเป็นปกติดี ไม่ต้องกินยาอะไรทั้งสิ้น จุดแดงๆเล็กๆที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร (mild gastritis) เป็นสิ่งที่พบได้เสมอในการส่องตรวจกระเพาะคนปกติทั่วไป ถ้าไม่มีแผลหรือมีเลือดไหลออกมาจะๆให้เห็นก็ไม่ต้องรักษาอะไร อีกทั้งยาสองตัวที่หมอให้คุณมานั้น (prevacid และ motilium) ก็ไม่ใช่ยารักษาเลือดออก และไม่ใช่ยาป้องกันเลือดออกในกระเพาะด้วย คุณกินไปก็ไม่มีผลอะไรหรอก การระวังไม่กินยาหรืออาหารที่ระคายกระเพาะต่างหากที่มีผล และก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปส่องตรวจกระเพาะอาหารซ้ำในอีกหกเดือนข้างหน้าด้วย เพราะคุณไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร การขยันไปส่องตรวจกระเพาะอาหารจะไม่ทำให้ชีวิตคุณยืนยาวขึ้นแต่อย่างใด มีแต่จะอายุสั้นลงเพราะความวิตกกังวล
8. ถามว่าริดสีดวงทวารกลายเป็นมะเร็งได้ไหม ตอบว่าไม่เกี่ยวกันเลยครับ แต่ถ้ามีแผลอักเสบเรื้อรังที่บริเวณทวารหนักอาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งบริเวณนั้นได้ ของคุณเป็นแค่ริดสีดวง แปลว่าหลอดเลือดดำที่ทวารหนักโป่งพองเล็กน้อยโดยไม่ได้มีแผลหรือมีการอักเสบแต่อย่างใด ไม่เกี่ยวอะไรกับการจะเป็นมะเร็ง คุณไม่ต้องไปกังวลเรื่องนี้
9. ถามว่าอยากจะตรวจสุขภาพให้ละเอียดสะใจต้องตรวจอะไรบ้าง ตอบว่าผู้ชายวัยขนาดคุณที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไรอย่างคุณนี้ การตรวจสุขภาพประจำปีโดยการตรวจร่างกายกับแพทย์ และเจาะเลือดตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) ตรวจดูเคมีของเลือด (blood chemistry) ก็พอแล้วครับ การตรวจหรือทำอะไรมากกว่านี้ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ทำให้คุณอายุยืนขึ้น มีแต่จำให้คุณเป็นบ้าจากความวิตกกังวลง่ายขึ้น
10. ถามว่าชอบกินยาแก้ปวดข้อร่วมด้วย เช่น ยาโมบิค อะคร็อกเซีย และไดโคลฟิแนค ทำให้กระเพาะอักเสบง่ายและเลือดออกง่ายใช่ไหม ตอบว่าใช่ครับ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่ามันจะทำให้หัวใจและไตของคุณพังด้วย
11. ถามว่าชอบนั่งห้องน้ำนาน เป็นสาเหตุให้เป็นริดสีดวงทวารมากขึ้นใช่ไหม ตอบว่าใช่ครับ
12. ข้อนี้คุณไม่ได้ถามแต่ผมแถมให้นะ คนอย่างคุณอยู่ห่างๆหมอและโรงพยาบาลไว้ดีกว่าครับ สิ่งที่คุณควรทำไม่ใช่การไปหาหมอตรวจสุขภาพค้นหามะเร็ง การทำอย่างนั้นไม่ได้ทำให้คุณมีอายุยืนยาวขึ้น มีแต่จะทำให้คุณภาพชีวิตของคุณแย่ลงเพราะความวิตกกังวล
แต่คนอย่างคุณจะได้ประโยชน์จากการปรับวิถีชีวิตด้วยการปรับอาหารหันมากินพืชผักมากให้ขึ้น ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และเรียนรู้การจัดการความเครียดด้วยการฝึกสติ ทำแค่นี้คุณก็จะมีสุขภาพดีแล้ว อย่าไปยุ่งกับหมอเขาดีกว่า
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
- Bogaert G, Orye C, De Win G. Pubertal screening and treatment for varicocele do not improve chance of paternity as adult. J Urol. 2013 Jun. 189(6):2298-303. [Medline]
- Male Infertility Best Practice Policy Committee of the American Urological Assoc. Male Infertility Best Practice Policy Committee of the American Urological Association; Practice Committee of the American Society for Reproductive Medicine. Report on varicocele and infertility. Fertil Steril. 2004 Sep. 82 Suppl 1:S142-5.[Medline].
- Abdel-Meguid TA, Al-Sayyad A, Tayib A, Farsi HM. Does Varicocele Repair Improve Male Infertility? An Evidence-Based Perspective From a Randomized, Controlled Trial. Eur Urol. 2010 Dec 21. [Medline].
- Rizkala E, Fishman A, Gitlin J, Zelkovic P, Franco I. Long term outcomes of lymphatic sparing laparoscopic varicocelectomy. J Pediatr Urol. 2013 Aug. 9(4):458-63. [Medline].
- Vazquez-Levin MH, Friedmann P, Goldberg SI, Medley NE, Nagler HM. Response of routine semen analysis and critical assessment of sperm morphology by Kruger classification to therapeutic varicocelectomy. J Urol. 1997 Nov. 158(5):1804-7. [Medline].
- Matthews GJ, Matthews ED, Goldstein M. Induction of spermatogenesis and achievement of pregnancy after microsurgical varicocelectomy in men with azoospermia and severe oligoasthenospermia. Fertil Steril. 1998 Jul. 70(1):71-5. [Medline].
- Pasqualotto FF, Sundaram A, Sharma RK, Borges E Jr, Pasqualotto EB, Agarwal A. Semen quality and oxidative stress scores in fertile and infertile patients with varicocele. Fertil Steril. 2007 May 5. [Medline].
- Wang C, McDonald V, Leung A, Superlano L, Berman N, Hull L, et al. Effect of increased scrotal temperature on sperm production in normal men. Fertil Steril. 1997 Aug. 68(2):334-9. [Medline