Nut ที่ไม่ได้แปลว่าบ้า
(บทความเขียนให้นิตยสาร Guitar Affection)
เอ่ยคำว่านัท
(Nut) คนก็คิดถึงคำว่า “บ้า”
เพราะนัทเป็นสะแลงหมายถึงบ้า บ้าแบบนัทเนี่ยมักไม่ได้หมายถึงบ้าแบบหลังคาแดงนะ
แค่ประมาณว่าติ๊งต๊อง หรือสติแตก ประมาณนั้น แต่นัทที่ผมจะพูดถึงวันนี้
ผมหมายถึงผลพืชที่มีเปลือกแข็งยังกะหินต้องออกแรงกะเทาะกันจนมือเจ็บจึงจะได้กิน
ตัวอย่างเช่นเกาลัด นอกจากเกาลัด ผลของพืชในกลุ่มนี้ที่เราคุ้นเคยก็เช่นถั่วลิสง
มะม่วงหิมพานต์ แป๊ะก๊วย อัลมอนด์ มะคาเดเมียนัท เป็นต้น และที่เราคุ้นบ้างไม่คุ้นบ้างก็เช่น
วอลนัท ฮาเซลนัท พีแคนนัท บีชนัท กลุ่มหลังนี้ถ้าอยากเห็นของจริงต้องไปดูตามร้านขายวัตถุดิบทำขนมเค้ก
เพราะเขานิยมใช้แต่งหน้าเค้กกัน
คำแนะนำโภชนาการอย่างเป็นทางการฉบับออกใหม่ของสหรัฐ
(USDA nutrition guidelines)
นอกจากจะตีหนักเรื่องความไม่ดีของไขมันทรานส์ (solid fat) และน้ำตาลที่อยู่ในเครื่องดื่ม (added sugar) ว่าเป็นตัวร้ายต่อสุขภาพซึ่งบรรดาสื่อมวลชนช่วยกันโหนกระแสรับลูกอย่างเอิกเกริกไปแล้ว
ถ้าสังเกตให้ดียังมีคำแนะนำคมๆอีกหลายอย่างซ่อนอยู่โดยที่กระแสไม่ค่อยได้หยิบมาพูดถึง หนึ่งในนั้นก็คือคำแนะนำที่ว่าผลเปลือกแข็งหรือนัทนี้
เป็นอาหารอุดมคุณค่า ควรที่ผู้คนจะพากันบริโภคให้มากขึ้น
นัท
มีคุณค่าเพราะประกอบด้วยโปรตีนและวิตามินเกลือแร่ต่างๆเช่นแมกนีเซียม เหล็ก ทองแดง
โปตัสเซียม กรดโฟลิก กรดแพนโทเทนิก วิตามินบี นอกจากนี้ยังมีเส้นใยสูง
ไขมันในผลเปลือกแข็งและเมล็ดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวทั้งเชิงเดียวและเชิงซ้อนซึ่งทำให้ไขมันเลวในร่างกายลดลงและไขมันดีในร่างกายเพิ่มขึ้น
งานวิจัยอาหารรักษาโรคเช่น DASH diet อันมีนัทเป็นส่วนประกอบก็ได้ผลไปทิศทางดีเช่นกันคือสรุปว่าอาหารแบบนี้ลดความดันเลือดได้
ผู้หัวใสทางการค้าได้นำเอานัททั้งหลายมาเป็นส่วนประกอบของซีรีลให้คนทั้งหลายเอาไว้แช่ในนมไร้ไขมันรับประทานเป็นอาหารเช้า
ซึ่งก็เข้าท่าดี เพียงแต่การช็อปหาซีรีลแบบนี้ต้องตาถึง เพราะตาดีได้ ตาร้ายเสีย
เนื่องจากซีรีลที่ราคาถูกและเตะตาบนหิ้งนั้นของจริงล้วนแต่ทำจากเกล็ดข้าวโพดเคลือบไขมันทรานส์ที่ช่วยให้เราป่วยเร็วขึ้น
การจะหาซีรีลที่มีนัทแท้อันทรงคุณค่าเป็นส่วนประกอบนั้นต้องอ่านฉลากให้เป็น
มิฉะนั้นจะถูกหลอกโดยรูปบนฝากล่องเสียค่าโง่ฟรีๆ
เจ้าที่เอานัทมาทำเป็นอาหารกลางวันก็มีนะครับ
คือเอานัทหลายๆชนิดมารวมกันแล้วอัดเป็นแท่งเป็นบาร์
ให้คุณผู้หญิงใส่ไว้ในกระเป๋าถือ หิวเมื่อไรก็ควักออกมากัดทานได้เมื่อนั้น
พวกซีเล็บดังๆก็ทานนัทบาร์เป็นอาหารกลางวันกันหลายคนนะครับ รวมทั้งไทเกอร์ วู้ด
นัดกอล์ฟคนเก่ง ซึ่งมีนัทบาร์ยี่ห้อชื่อของตัวเองวางขายด้วย
อยู่เมืองไทยหานัทบาร์ทานยาก
ท่านลองเอาอย่างผมสิครับ ปกติผมทานสลัดเป็นมื้อกลางวันอยู่ประจำ แต่ว่าสลัดมันไม่อิ่ม
จึงเป็นภาระให้ผมต้องคอยหาอาหารเนื้อหนักๆมาเป็นเครื่องเคียงไม่เว้นแต่ละวัน
แต่เดี๋ยวนี้ผมพัฒนาแล้ว ภรรยาของผมเอานัทสารพัดชนิดอบใส่โหลตั้งโต๊ะไว้ให้
พอจะทานสลัดผมก็คว้าเอานัททั้งหลายจากโหลมาสองกำมือแล้วคลุกกับผักสลัดก่อนที่จะราดด้วยเดรสซิ่งแบบญี่ปุ่นฝีมือคนไทยที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเอง
แล้วก็คลุก คลุก คลุก จนกลายเป็นสลัดที่อร่อย
มีรสมันๆเด็ดๆของพวกนัททั้งหลายมากลบรสขมๆแลเขียวๆของผักได้ลงตัวดีนักแล
แถมอิ่มตื้ออีกต่างหาก
ถ้าผมเกษียณแล้ว
สิ่งแรกที่ผมจะทำก็คือเป็นกุ๊ก ผมไม่เคยทำอาหารหรอก หิ หิ แต่อยากเป็นกุ๊กเพราะเคยมีความประทับใจที่ดี
เรื่องมีอยู่ว่าตอนเป็นเด็กประถมผมไปออกค่ายลูกเสือ ผมได้รับมอบหมายให้ทำครัว
และได้ทำผัดผักสูตรนั่งเทียนหนึ่งกะทะ บรรดาลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเสือเล็กเสือใหญ่ต่างชมเปาะว่าหย่อยอย่าให้เซด
เอาสะเต๊กมาแลกก็ไม่ย้อม ผมจึงตั้งใจไว้ตั้งแต่นั้นว่าวันหนึ่งจะต้องเป็นกุ๊กกับเขาให้ได้
แม้ว่าหลังจากผัดผักกะทะนั้นแล้วผมยังไม่ได้ทำอะไรอีกเลยมาห้าสิบปีนอกจากคลุกสลัดก็ตาม
แต่มันก็เป็นวิธีสร้างแรงบันดาลใจในอาชีพให้ตัวเองที่ดีไม่ใช่หรือครับ เพราะ..
“ในสถานที่อย่างค่ายลูกเสือ
จะมีอะไรไม่อร่อยบ้าง?”
นพ.สันต์
ใจยอดศิลป์