หิด ฮิต หิด คัน คั้น คัน
เข้าเรื่องเลยนะคะ
หนูเริ่มมีอาการป่วยเมื่อหลังปีใหม่
กลับจากเที่ยวต่างประเทศ มีอาการไม่สบาย คล้ายๆเป็นไข้ คันจมูก คันเล็กน้อยตามตัว
ไปหาหมอหูคอจมูก หมอบอกว่าน่าจะเป็นหวัด หรือแพ้อากาศ ได้ให้ยาแก้แพ้มาหลายตัว
จำได้ว่ามีเซอร์เทคตัวหนึ่ง หลังจากนั้นสองสัปดาห์ อาการไม่ดีขึ้น กลับแย่ลง
คันจมูก น้ำมูกไหล เป็นลมพิษด้วย ได้กลับไปหาหมอท่านเดิม
หมอให้ยาคล้ายเดิมแต่คราวนี้เพิ่มยาปฏิชีวนะชื่ออะซิโทรมัยซิน
และไปหาหมอผิวหนังด้วย หมอบอกว่าน่าจะเกิดจากการแพ้อะไรสักอย่าง
ผ่านไปอีกสองสัปดาห์ก็ไม่ดีขึ้นอีก คราวนี้ลมพิษเป็นมากขึ้น คันมากขึ้น
ยิ่งกลางคืนยิ่งคัน กลับไปหาหมอผิวหนังท่านเดิม ท่านบอกว่าอาจจะเป็นหิด
และให้ยาชื่อ Lindane และยาสะเตียรอยด์ครีมมาทา
ร่วมกับให้ยาแก้แพ้กินจนง่วงนอนทำอะไรไม่ได้ ผ่านไปอีกสองสัปดาห์ก็ยังไม่หาย
ทรมานมาก คันแล้วเกาจนน้ำเหลืองเปื้อนที่นอนไปหมด ไม่กล้าใกล้ชิดลูกและสามีเพราะกลัวติด
เครียดมาก ไปหาหมอผิวหนังคนใหม่บอกว่าไม่น่าจะใช่หิด ให้ยาแก้แพ้มาคล้ายๆของหมอคนเดิม
ปัญหาก็ยังอยู่ ดูแต่จะแย่ลง ขอคำปรึกษาคุณหมอสันต์ว่าโรคหิดมันเป็นอย่างไร ต้องรักษากันอย่างไร
หนูเป็นหิดจริงไหม และหนูควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ไปหาหมอผิวหนังมาแล้ว 2 คน รวม 4 ครั้งแล้ว
..........................................
ตอบครับ
1.. ถามว่าโรคหิดคืออะไร
ตอบว่า หิด ชื่อจริงของเขาคือ Sarcoptes
scabiei เรียกสั้นๆว่า scabies เป็นแมงตัวเล็กๆประเภท เหา
ไร โลน ที่เราได้เป็นของฝากมาจากคนอื่น โดยเฉพาะคนใกล้ชิด
ยิ่งใกล้ชิดระดับเนื้อแนบเนื้อนั่นละก็ใช่เลย
แต่ถึงไม่ใกล้ชิดกันขนาดนั้นหิดก็อาจมาหาตัวเราได้ผ่านเสื้อผ้า ผ้าห่ม ฟูก หมอน
ผ้าปูที่นอน ที่ใช้ร่วมกัน แม้แต่เราไปเช็คอินโรงแรมที่คนเป็นหิดไปนอนก่อนหน้าเราโดยเขาไม่ได้เปลี่ยนผ้าปู
เราก็ยังมีโอกาสติดได้เหมือนกัน เมื่อหิดมาถึงผิวหนังของเราแล้ว มันก็ขุดอุโมงค์แล้วฝังตัวอยู่บนร่องของผิวหนังโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามซอกเช่นซอกนิ้วมือ
นิ้วเท้า ซอกพับที่ศอก ที่เข่า รักแร้ ขาหนีบ ที่เอว หรือแม้กระทั่งที่เจ้าจุ๊ดจู๋
แล้ววางไข่ที่นั่น ทำให้เราคัน คั้น คัน ยิ่งเกายิ่งมัน ยิ่งคันยิ่งเกา
จนถลอกปอกเปิก ความคันจากหิดนี้มีเอกลักษณ์สามอย่างคือ
หนึ่ง
มันแผ่พื้นที่ลุกลามออกไปเรื่อยๆ และ
สอง ยิ่งตกกลางคืนยิ่งคัน และ
สาม
มันมักไม่เป็นที่แผ่นหลังและศีรษะ มักชอบเฉพาะตามข้อพับมากกว่า
ซึ่งถ้าเราเพ่งพินิจบริเวณที่เป็นผื่นให้ดีจะเห็นว่าที่ผิวหนังที่มันโจมตีจะเป็นตุ่มแดงนูนขึ้นมา
บางตุ่มก็กลายเป็นตุ่มน้ำพอง บางทีก็เห็นอุโมงค์ที่มันขุดและฝังตัวอยู่ด้วยเป็นเส้นแดงๆยาวสัก
2-15 มิล ตัวมันเองอยู่ได้สักเดือนสองเดือนก็ตายไป
แต่ไข่ของมันจะออกมาเป็นลูกหิดสืบทอดภารกิจสร้างความคันให้เราต่อไปไม่จบสิ้น
2..ถามว่าโรคหิดวินิจฉัยได้อย่างไร
ตอบว่าหมอส่วนใหญ่วินิจฉัยหิดโดยการดูโหงวเฮ้ง
หมายความว่ามองด้วยตาแล้ววินิจฉัยเลย แต่ถ้าหมอไม่มั่นใจก็จะขูดผิวหนังไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจหาไข่หิด
3.. คุณถามผมว่าคุณเป็นหิดจริงหรือเปล่า
ตอบว่า เออ.. แล้วผมจะรู้ไหมเนี่ย
มันต้องให้หมอที่เขาเห็นผื่นของคุณหรือส่องกล้องเห็นไข่หิดของคุณเป็นคนบอกสิครับ
ไม่ใช่ให้ผมซึ่งเป็นหมอทางไปรษณีย์เป็นคนบอก แต่ถ้าหมอผิวหนังสองคนบอกไม่เหมือนกันแล้วจะให้ทำยังไง
แหะ.. แหะ นี่มันเป็นตัวอย่างของพังเพยที่ว่ามากหมอก็มากความ
ผมแนะนำว่าให้คุณลองเชื่อทีละหมอ
เช่นเชื่อหมอที่บอกว่าเป็นหิดแล้วรักษาหิดให้เต็มสตีมก่อน
ถ้าไม่หายก็หันไปเชื่ออีกหมอที่ว่าไม่ได้เป็นหิด แล้วก็รักษาอย่างอื่นกันต่อไป
4. ถามว่าการรักษาหิดทำอย่างไร
ตอบว่าทำเป็นขั้นตอนดังนี้
4.1 เริ่มด้วยการฆ่าหิดบนผิวหนังก่อน
ยาทาฆ่าหิดมีหลายตัว ที่เป็นยายอดนิยมทั่วโลกและมีประสิทธิภาพดีที่สุดชื่อยาเพอร์เมทริน
(permethrin) ซึ่งเป็นครีมความเข้มข้น 5% ทาแล้วมีอัตราการหายสูงสุดคือ 91 - 95% และเป็นยาที่ปลอดภัยดีมาก แต่เมืองไทยยานี้สำหรับใช้ในคนไม่มีขาย
มีแต่สำหรับหยดหลังสุนัขเพื่อรักษาเห็บหมัด ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม
อาจเป็นเพราะคนเป็นหิดมีน้อยและไม่ชอบซื้อยาแพง จึงไม่มีคนนำเข้า
ส่วนคนเลี้ยงหมาที่ยอมเสียเงินค่ายาให้หมามีแยะ จึงมีคนนำเข้า พูดถึงเรื่องนี้จะเล่าให้ฟังนะ
ผมมีบ้านอยู่มวกเหล็ก ที่นั่นเวลาป่วยคุณอย่าไปเที่ยวหาคลินิกหมอเพื่อรักษานะครับ
ไม่มีหรอกคลินิกรักษาคน แต่ถ้าสุนัขของคุณป่วยละก็สบายมาก
มีคลินิกสัตวแพทย์ตั้งห้าคลินิก แถมมีโรงพยาบาลสัตว์เอกชนอีกหนึ่งโรง..เชื่อหรือไม่ believe it or not นอกเรื่องละ ขอโทษ กลับเข้าเรื่องดีกว่า
กรณีที่คุณอยากใช้ยาเพอร์เมทรินต้องไปซื้อยามาจากเมืองนอก
หรือไม่ก็ไปร้านขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงซื้อเพอร์เมทรินชนิดสารละลาย 0.5%
มาทาผิวหนังเอาเองโดยไม่ต้องรอใบสั่งหมอ เพราะไม่มีหมอคนที่ไหนสั่งให้ใช้ยาของสัตว์แน่นอน ในเมืองไทยมียารักษาหิดที่ทำมาเพื่อใช้กับคนจริงๆสามตัว คือ (1) ยา Lindane (benzene hexachloride) มีอัตราการหาย 86%
แต่ว่ายานี้เป็นยาที่ไม่ค่อยปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก
เพราะมีพิษต่อระบบประสาทกลางและไขกระดูก จึงถูกห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ (2) อีกตัวที่ใช้กันมากในเมืองไทยคือ 25%
benzyl benzoate มีอัตราการหาย 51% (3) อีกตัวหนึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านคือขี้ผึ้งกำมะถัน ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ยาตัวสุดท้ายนี้ยังไม่เคยมีมีผลวิจัยไว้ว่ามีอัตราการหายกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะยาใดที่ฝรั่งไม่ใช้ก็ย่อมไม่ค่อยมีผลวิจัยเป็นธรรมดา
การทายาหิดนี้ต้องทากันทั้งบ้านไม่ว่าเป็นหรือไม่เป็น
คันหรือไม่คัน เพราะบางคนเป็นพาหะ คือเป็นผู้เลี้ยงหิดไว้โดยตัวเองไม่มีอาการอะไรให้เห็น
การทายานี้ ก่อนทายาต้องตัดเล็บให้สั้น แล้วเอาแปรงสีฟันจุ่มยาแล้วยาทาเข้าไปที่ใต้ซอกเล็บด้วย
ต้องทายาบนผิวหนังให้ให้เคลือบเป็นฟิลม์บางๆทั่วตัวตั้งแต่ลำคอลงไปจนจรดปลายเท้า ทายาเสร็จแล้วสวมเสื้อบางๆ
พอครบ 8-24 ชั่วโมง (แล้วแต่ชนิดยา) ก็อาบน้ำอุ่นล้างเอายาออก
กรณีเป็นเหาด้วยให้ใช้ยาชนิดเป็นแชมพูสระผม สระแล้วทิ้งยาไว้สักสิบนาทีโดยไม่ต้องคลุมผม
ครบสิบนาทีแล้วค่อยล้างผมเอายาออก กรณีเป็นหิดแบบรุนแรงในคนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เช่นคนเป็นเอดส์) หรือในคนที่หิดดื้อยาทาผิวหนัง อาจจะต้องใช้ยากินชื่อ ivermectin ในขนาด 200 ไมโครกรัมต่อนน.ตัวหนึ่งกก. ยานี้สำหรับใช้ในคนบ้านเราก็มีใช้แล้ว
4.2 นอกจากทายาแล้วยังต้องซักผ้า
ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน
ที่สวมใส่และใช้งานในห้าวันที่ผ่านมาให้หมดแล้วตากแดดให้แห้งสนิทหรืออบให้แห้งในเครื่องอบด้วยอุณหภูมิค่อนไปทางสูง
ถ้าคนไข้เป็นเด็กก็ต้องซักตุ๊กตุ่นตุ๊กตาที่กอดเล่นประจำให้หมด
อะไรที่ซักไม่ได้ก็ให้เอาใส่ถุงพลาสติกซีลปากถุงให้สนิทไว้อย่างน้อยสามวัน
เพราะว่าหิดนี้เป็นสัตว์ที่ต้องมีคนเป็นที่อาศัย ถ้ามันไม่ได้อยู่กับคนแค่ 24-36
ชั่วโมงมันก็จะตาย แต่ว่าถ้าอากาศเย็นมันจะอยู่ได้นานขึ้น
ดังนั้นหิดจึงชอบหน้าหนาว กรณีเป็นอะไรที่ซักก็ไม่ได้ จับใส่ถุงก็ไม่ได้ เช่นพื้นพรม
ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดแล้วทิ้งถุงเก็บฝุ่นไปเลย แล้วเอายาเช่นเพอร์เมทรินแบบสะเปรย์พ่นพรมให้ทั่ว
ยาพ่นนี้หาซื้อได้ตามร้านขายของสำหรับสัตว์เลี้ยง ชื่อยา Chaingard รุ่น pet bedding spray ซึ่งเป็นกระป๋องอัดลมพ่นได้เลย แถวเดอะมอลก็มีขาย
4.3 นอกจากการฆ่าตัวหิดแล้ว
ยังต้องบรรเทาอาการคันด้วย เพราะถึงหิดตายไปหมดแล้วแต่ผิวหนังของเราก็ยังคันต่อไปได้อีกหลายสัปดาห์
วิธีบรรเทาก็คือกินยาแก้แพ้แอนตี้ฮีสตามีน ควบกับใช้ครีมสะเตียรอยด์ทา
4.4 ในกรณีที่เกาจนเป็นแผลและมีการติดเชื้อบนแผล ก็ต้องทานยาฆ่าเชื้อควบไปด้วย
5.. นอกจากคนแล้วสัตว์ก็ติดหิดได้นะครับ
แถวบ้านผมเขาเรียกว่า “ขี้เรื้อน” (mange) นั่นแหละพวกเดียวกัน
แม้จะคนละชนิดกับหิดของคนแต่ก็ขึ้นมาปฏิบัติภาระกิจบนผิวหนังของคนได้เหมือนกัน
เพียงแต่ว่าสองสามวันมันก็ตายไปเองเพราะหิดพันธ์ขี้เรื้อนนี้มันออกไข่แพร่พันธ์บนผิวคนไม่ได้
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม