มองเห็นแสงไฟแว่บๆในที่มืด.. retinal detachment
ผมอายุ 60 ปี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องสายตา แต่สองวันมานี้มีแสงแว่บๆเกิดขึ้น ตอนแรกนึกว่าแสงไฟแยงตาตอนขับรถ แต่พอมาอยู่ที่มืดยิ่งแว่บๆชัดขึ้น ผมเป็นอะไรไปหรือเปล่า ควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
..............................
ตอบครับ
1. ผมเห็นแล้วรีบตอบให้เลย เพราะโรคที่คุณมีโอกาสเป็นมากที่สุดคือจอประสาทตาฉีกขาด (retinal tear) หรือจอประสาทตาหลุดลอก (retinal detachment) ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ถึงตาบอด และเป็นเรื่องฉุกเฉิน อาการที่บ่งบอกถึงโรคนี้มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างจาก 3 อย่างต่อไปนี้ คือ
1.1 มีแสงวาบๆ (flashing) เหมือนมีใครฉายไฟ ซึ่งเห็นชัดในที่มืด
1.2 เงาดำๆเล็กที่ลอยไปลอยมาให้เห็นในลูกตา (floatings) ซึ่งแต่เดิมมีจำนวนไม่มาก เกิดเพิ่มจำนวนขึ้นรวดเร็ว
1.3 พื้นที่การมองเห็น (visual field) หดหายไปเหมือนมีใครรูดม่านดำมาบังการมองเห็นไว้ส่วนหนึ่ง
2. เมื่อมีอาการของจอประสาทตาฉีกขาดหรือหลุดลอก ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ต้องไปหาจักษุแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องจอประสาทตาเพื่อทำการผ่าตัดแก้ไขทันที เพราะหากปล่อยให้การหลุดลอกขยายไปมากจนกินบริเวณศูนย์ร้บภาพ (macula) ก็จะเกิดภาวะตาบอดมืดสนิทถาวรได้ง่ายๆ อนึ่งเนื่องจากจักษุแพทย์ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องจอประสาทตาและทำการผ่าตัดจอประสาทตาได้ทุกคน ดังนั้นจึงต้องตั้งคำถามให้จักษุแพทย์ตอบให้ได้ก่อนว่ามีหรือสงสัยว่ามีภาวะจอประสาทตาฉีกหรือหลุดลอกหรือเปล่า ถ้ามี ตัวแพทย์ท่านนั้นรักษาเองได้ไหม ถ้ารักษาไม่ได้จะส่งไปให้ใครรักษา เพราะการรักษาจะต้องทำทันที จะใช้วิธีให้ยาไปกินไปหยอดแล้วดูเชิงก่อนนั้นไม่ได้ เพราะโรคนี้ไม่มียารักษา ต้องผ่าตัดหรือเลเซอร์เท่านั้น
3. วิธีรักษาโรคนี้มีสองระยะคือ
3.1 ถ้าเป็นระยะที่เพียงแค่จอประสาทตาฉีกขาด แต่ยังไม่หลุดลอกออกจากชั้นเยื่อบุสีดำด้านหลัง การรักษาทำโดยใช้เลเซอร์ยิงให้มีพังผืดยึดติดส่วนฉีกขาดนั้นไว้ไม่ให้หลุดลอก ถือเป็นระยะที่มาได้เร็ว รักษาได้ง่าย และได้ผลดี
3.2 ถ้าเป็นระยะที่จอประสาทตาหลุดลอกออกมาจากเยื่อบุสีดำด้านหลังแล้ว ต้องทำการผ่าตัดเพื่อให้จอประสาทตากลับไปอยู่ชิดติดกับเยื่อบุสีดำเหมือนเดิมแล้วใช้เลเซอร์ยิงให้เกิดพังผืดยึดติดถาวร วิธีผ่าตัดมีหลายแบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ทักษะมาก และมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้น้อย ต้องสืบหาควานหาตัวให้เจอ แต่ผลการผ่าตัดส่วนใหญ่ทำแล้วมักได้ผลดี
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
..............................
ตอบครับ
1. ผมเห็นแล้วรีบตอบให้เลย เพราะโรคที่คุณมีโอกาสเป็นมากที่สุดคือจอประสาทตาฉีกขาด (retinal tear) หรือจอประสาทตาหลุดลอก (retinal detachment) ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ถึงตาบอด และเป็นเรื่องฉุกเฉิน อาการที่บ่งบอกถึงโรคนี้มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างจาก 3 อย่างต่อไปนี้ คือ
1.1 มีแสงวาบๆ (flashing) เหมือนมีใครฉายไฟ ซึ่งเห็นชัดในที่มืด
1.2 เงาดำๆเล็กที่ลอยไปลอยมาให้เห็นในลูกตา (floatings) ซึ่งแต่เดิมมีจำนวนไม่มาก เกิดเพิ่มจำนวนขึ้นรวดเร็ว
1.3 พื้นที่การมองเห็น (visual field) หดหายไปเหมือนมีใครรูดม่านดำมาบังการมองเห็นไว้ส่วนหนึ่ง
2. เมื่อมีอาการของจอประสาทตาฉีกขาดหรือหลุดลอก ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ต้องไปหาจักษุแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องจอประสาทตาเพื่อทำการผ่าตัดแก้ไขทันที เพราะหากปล่อยให้การหลุดลอกขยายไปมากจนกินบริเวณศูนย์ร้บภาพ (macula) ก็จะเกิดภาวะตาบอดมืดสนิทถาวรได้ง่ายๆ อนึ่งเนื่องจากจักษุแพทย์ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องจอประสาทตาและทำการผ่าตัดจอประสาทตาได้ทุกคน ดังนั้นจึงต้องตั้งคำถามให้จักษุแพทย์ตอบให้ได้ก่อนว่ามีหรือสงสัยว่ามีภาวะจอประสาทตาฉีกหรือหลุดลอกหรือเปล่า ถ้ามี ตัวแพทย์ท่านนั้นรักษาเองได้ไหม ถ้ารักษาไม่ได้จะส่งไปให้ใครรักษา เพราะการรักษาจะต้องทำทันที จะใช้วิธีให้ยาไปกินไปหยอดแล้วดูเชิงก่อนนั้นไม่ได้ เพราะโรคนี้ไม่มียารักษา ต้องผ่าตัดหรือเลเซอร์เท่านั้น
3. วิธีรักษาโรคนี้มีสองระยะคือ
3.1 ถ้าเป็นระยะที่เพียงแค่จอประสาทตาฉีกขาด แต่ยังไม่หลุดลอกออกจากชั้นเยื่อบุสีดำด้านหลัง การรักษาทำโดยใช้เลเซอร์ยิงให้มีพังผืดยึดติดส่วนฉีกขาดนั้นไว้ไม่ให้หลุดลอก ถือเป็นระยะที่มาได้เร็ว รักษาได้ง่าย และได้ผลดี
3.2 ถ้าเป็นระยะที่จอประสาทตาหลุดลอกออกมาจากเยื่อบุสีดำด้านหลังแล้ว ต้องทำการผ่าตัดเพื่อให้จอประสาทตากลับไปอยู่ชิดติดกับเยื่อบุสีดำเหมือนเดิมแล้วใช้เลเซอร์ยิงให้เกิดพังผืดยึดติดถาวร วิธีผ่าตัดมีหลายแบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ทักษะมาก และมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้น้อย ต้องสืบหาควานหาตัวให้เจอ แต่ผลการผ่าตัดส่วนใหญ่ทำแล้วมักได้ผลดี
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์