การเสียชีวิตกะทันหันในผู้กินยารักษาโรคจิตโรคประสาทและยาต้านซึมเศร้า
![]() |
| หมอสันต์กำลังหัดวาดภาพสีอะคริลิกบนผ้าใบ นี่เป็นผลงานภาพวัวที่นอน หลับอยู่ในทุ่งหิมะที่เมืองแจ้คสันโฮล แล้วต๊กกะใจเสียงคนเดินจึงชูหัวขึ้นมา |
เรียนคุณหมอสันต์
ภรรยาของผมอายุ 51 ปี อยู่ๆก็ตาค้างนำส่งโรงพยาบาลแต่หมอช่วยไม่ทัน เธอเสียชีวิต ผมได้ขอให้หมอตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียดโดยให้ถือเป็นกรณีเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติเพราะภรรยาของผมมีสุขภาพดีรูปร่างดีไม่เป็นโรคเบาหวานความดันหัวใจอย่างที่ใครๆเป็นกันทั้งสิ้น มีแต่กินยารักษาโรคไบโพลาและซึมเศร้ามาราว 15 ปี ผลการตรวจพยาธิทั้งสมอง หัวใจ ตับ ไต ไม่พบโรคอะไรเลย ผมข้องใจไม่หายจนนอนไม่หลับ คิดอยู่แต่ว่าภรรยาของผมเสียชีวิตจากอะไร ผมอยากรู้จริงๆว่าเธอเสียชีวิตกะทันหันเพราะอะไร อย่างน้อยข้อมูลดังกล่าวน่าจะมีประโยชน์ในแง่การดูแลสุขภาพแก่คนข้างหลังบ้าง
รบกวนคุณหมอช่วยวิเคราะห์ความเป็นไปได้ให้หน่อยนะครับ
ขอบพระคุณครับ
..........................................................
ตอบครับ
แม่เฮย.. พอหมอสันต์คิดจะเกษียณตัวเอง กะว่าจะเลิกเขียนบทความตอบคำถามเพราะชราแล้ว ก็มีจดหมายของคุณกรุณามอบหมายหน้าที่หมอพยาธิให้เป็นตำแหน่งสุดท้ายพอดี ช่างน่าภาคภูมิใจซะ
ถามว่าภรรยาของคุณเสียชีวิตจากอะไร ตอบว่า ก็ขนาดพยาธิแพทย์ผ่าชัณสูตรศพตั้งแต่หัวจรดเท้า ตัดชิ้นเนื้อทุกอวัยวะมาส่องกล้องดู แล้วยังหาสาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้ แล้วหมอสันต์จะรู้ได้พรือละครับ
ผมก็ทำได้แค่วิเคราะห์เอาจากข้อมูลอันจำกัดที่คุณให้มา ข้อมูลที่ว่าภรรยากินยารักษาโรคไบโพลา (bipolar disorder) และโรคซึมเศร้า (depression) นั้นเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญ เพราะยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทกลางที่ใช้รักษาสองโรคนี้มีจำนวนหนึ่ง เผอิญเป็นจำนวนมากเสียด้วย ที่ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้น มักจะเริ่มด้วยการยืดการคืนตัว (repolarization) ของกระแสไฟฟ้าในหัวใจให้ช้าลง (prolonged QT interval) แล้วก็เกิดการบล็อกการวิ่งของไฟฟ้า (heart block) แล้วเกิดหัวใจเต้นรัวแบบคลาสสิกที่เรียกว่า "ทอร์ซาเดอปอง (Torsard de Point)" แล้วเสียชีวิตกะทันหันทันที เรื่องแบบนี้เกิดบ่อยจนเป็นเหตุให้ยาในกลุ่มนี้ที่ใช้มานานและมีข้อมูลมากพอบางตัว เช่น thioridazine (Mellaril) ถูกถอยออกจากตลาดไป แต่ว่ายาที่เหลือก็ใช่ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้ คุณถามมาก็ดีแล้ว ผมขอถือโอกาสนี้ลิสต์ยารักษาโรคจิตโรคประสาทที่มีพิษต่อหัวใจ (cardiotoxicity) ถึงขั้นเสียชีวิตไว้ที่นี่ ตามลำดับความรุนแรง ดังนี้
1. ยากลุ่ม Antipsychotics (Neuroleptics) รุ่นที่หนึ่ง (first generation) เช่น haloperidol, chlorpromazine, pimozide กลุ่มนี้ถือว่ามีพิษสูงสุด
2. ยากลุ่ม Antipsychotics (Neuroleptics) รุ่นที่สอง (second generation) เช่น ziprasidone, iloperidone, quetiapine, risperidone, clozapine
3. ยาต้านซึมเศร้ากลุ่ม TCA เช่น amitriptyline, imipramine, nortriptyline
4. ยาต้านซึมเศร้ากลุ่ม SSRI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง citalopram (Celexa)
ข้อมูลบ่งชี้ว่าพิษต่อหัวใจของยาในกลุ่มยารักษาโรคจิตโรคประสาทมักแปรผันตามปัจจัยประกอน เช่น (1) ขนาดที่ให้ ยิ่งใช้ขนาดสูงยิ่งมีพิษมาก (2) การให้พร้อมกับยารักษาโรคอื่นซึ่งยามักตีกันได้ เช่นตีกับยาปฏิชีวนะบางตัว (3) การเป็นโรคที่ล่อแหลมต่อการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่แล้ว เช่นโรคหัวใจ โรคพันธุกรรมหัวใจเต้นผิดจังหวะ (congenital long QT syndrome) เป็นต้น (4) การสูญเสียดุลของเกลือแร่ในร่างกาย เช่น โปตัสเซียมต่ำ แมกนีเซียมต่ำ เป็นต้น (5) การมีเพศหญิง เป็นความเสี่ยงที่จะเกิดพิษของยามากกว่าเพศชาย
ไหนๆคุณก็เขียนมาแล้ว ผมก็ขอสวมรอยถือโอกาสนี้ชักชวนให้แฟนบล็อกนี้ทุกคนที่กินยารักษาโรคจิตโรคประสาทอยู่ ให้หาทางค่อยๆลด ละ เลิก ยากลุ่มนี้ไปเสีย จะด้วยวิธีเอาธรรมะเข้าขย่มหรือวิธีใดๆก็แล้วแต่
และสำหรับเพื่อนแพทย์ที่จ่ายยาในกลุ่มนี้กันอย่างสบายมือ จ่ายกันง่ายๆแบบว่าคนไข้บ่นไม่สบายใจหรือนอนไม่หลับก็จ่ายยาต้านซึมเศร้าให้แล้ว แถมเมื่อจ่ายแล้วก็มักลืมสั่งหยุด จนบางรายกินยานานเป็นสิบๆปีทั้งๆที่สะเป๊คของยาแนะนำว่าให้กินติดต่อกันได้ไม่เกิน 6 เดือน ผมขอชักชวนว่าเปลี่ยนยาเป็นการเสียเวลาทำ talk therapy ให้แทนจะส่งผลดีแบบไม่มีภาวะแทรกซ้อนต่อผู้ป่วยมากกว่านะครับ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
