มีทางลัดไหม
คุณหมอสันต์ครับ
จริงหรือครับที่ว่าคนเรานี้จะหลุดพ้นจากความทุกข์ใจแล้วเป็นสุขตลอดกาลได้ แบบว่าเป็นอรหันต์ มีตัวอย่างให้เห็นสักคนไหม เป็นไปได้หรือ ถ้าเป็นไปได้ มันมีทางลัดไหม แบบว่าไม่ต้องทำอะไรแบบมองด้วย common sense ก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่
ขอบพระคุณครับ ถ้าคำถามผมกระเทือนมาก คุณหมอไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ผมได้ถามแล้วสบายใจละ
…………………………………………………………
ตอบครับ
1.. ถามว่าว่าเป็นไปได้ไหมที่คนเราจะหลุดพ้นจากความทุกข์ใจได้แบบอรหันต์ ตอบว่า ก่อนอื่นขอไม่พูดถึงคำว่าอรหันต์ก่อนนะเพราะผมเองไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร ตัวผมรู้จักแต่อรหันต์จี้กง หิ หิ ซึ่งคงไม่เหมือนอรหันต์ที่คุณพูดถึง ผมจะขอปรับคำถามของคุณเสียใหม่ว่า “เป็นไปได้หรือที่คนเราจะมีประสบการณ์กับบางอย่างที่ไม่ใช่แค่การสรุปจากคอนเซ็พท์หรือความจำหรือจินตนาการเดิมๆ แต่เป็นอะไรที่ใหม่จ๊าบอย่างแท้จริงชนิดเราไม่เคยรู้เคยเห็นโดยสมองก้อนนี้มาก่อนเลย และประสบการณ์นั้นพาเราให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของความคิดของเราได้” ซึ่งผมขอตอบว่า.. เป็นไปได้ครับ
2.. ถามว่าถ้าเป็นไปได้แล้วหมอสันต์มีตัวอย่างให้เห็นตัวเป็นๆสักคนหนึ่งไหม ตอบว่าสำหรับคุณ ตัวอย่างที่คุณจะเห็นได้ก็คือตัวคุณเองนั่นไง หลังจากที่คุณได้อ่านและลงมือทำตามที่ผมตอบจดหมายคุณในวันนี้อย่างจริงจังทุกวันๆไปจนถึงวันหนึ่ง อย่าลืมว่านี่เรากำลังพูดถึงการมี “ประสบการณ์” ใหม่นะ นอกจากตัวคุณเองแล้ว ลิงที่ไหนจะมามีประสบการณ์ใหม่แทนคุณได้ละครับ
3.. ถามว่ามีทางลัดที่จะให้กระโดดจากภาวะที่อยู่ในกรงของความย้ำคิดซ้ำซากที่ปั้นแต่งขึ้นจากความจำจากอดีตและจินตนาการถึงอนาคตของตัวเราเองไหม ตอบว่ามีทางลัดนะ แต่ว่ามันต้องใช้แรงอัดระดับระเบิดปุ้งมันจึงจะลัดได้ หากแค่การประนีประนอมกับความคิดโน่นนิดนี่หน่อยมันจะไม่เวอร์ค ถ้าคุณสนใจจะเดินทางลัดนี้ ผมจะชี้โพรงให้
การจะลัดสั้นตรง คุณต้องรับรู้ (aware) ทุกวินาทีถึงสัญชาติญาณแห่งสัตว์ในตัวคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความทะยานอยาก และการวิ่งไล่ตามแรงปรารถนาของตัวเอง ต้องสนใจที่จะรับรู้มันทุกช็อต คอยรับรู้เพื่อจะรู้ไว้เฉยๆนะ รับรู้ตามที่มันเป็น ตรวจสอบกำพืดของมันได้ แต่ไม่ต้องไปพิพากษาตัดสิน ไม่ต้องไปปกป้องอีโก้ หรือตีโต้ แต่จดจ่อรับรู้ไปทีละความคิดๆ ทุกความคิด ไม่ว่าจะดิบๆหรือจะตกแต่งหน้าตามาอย่างดีแล้วก็รับรู้หมด นั่งมอง นั่งฟัง รับรู้แบบรู้เช่นเห็นชาติ ความคิดไหนที่มาบ่อยก็รับรู้จนจำหน้าได้ จนรู้เจตนาของแต่ละความคิดแบบอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ทำอย่างนี้ไป ถึงจุดหนึ่งสมองของคุณที่คอยแต่จะเรียกร้องหรือกระแนะกระแหนเอากับคุณมากเหลือเกิน ถึงจุดหนึ่งมันจะนิ่ง อึ้ง..กิมกี่ ราวกับว่าคุณรู้ไต๋มันหมดแล้ว มันไปต่อไม่ถูกแล้ว
ประเด็นของผมคือทางลัดเส้นนี้คุณต้องเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับความคิดจนคุณรู้กำพืดของความคิดของคุณอย่างทะลุปรุโปร่ง รู้ด้วยว่าบางครั้งมันตบตาคุณหน้าด้านๆอย่างไร รู้เช่นเห็นชาติว่าการที่คุณถูกสอนให้ตั้งชื่อให้เรียกสิ่งนั้นว่านั่นสิ่งนี้ว่านี่ก็ดี การจดจำเรื่องเก่าไว้ก็ดี การจินตนาการสิ่งที่ไม่มีจริงว่ามันจะเกิดในอนาคตก็ดี การพิพากษาหรือประเมินว่าสิ่งนั้นเป็นยังโง้น สิ่งนี้เป็นยังงี้ก็ดี ล้วนเป็นกับดัก “ขี้” ที่คุณหลงติดอยู่ตั้งนาน
คนเราเนี่ยเป็นทาสคำพูดหรือภาษานะ เราติดหนึบอยู่กับคำพูด สัญลักษณ์ แบรนด์ หรือไอเดีย อย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว การจะเลิกทาสนี้ได้ มันเท่ากับว่าตัวเราต้องกลายพันธ์อย่างกะทันหัน ผมหมายถึงว่าเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังตีนโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เหมือนอย่างที่วงการแพทย์เขาใช้คำว่า mutation กับการเปลี่ยนพฤติการณ์ของเซลหรือของเชื้อโรค คือต้องเปลี่ยนตัวตน (change identity) ไปจากการเป็นคนคนนี้ไปเป็นอะไรก็ได้ที่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ไม่เกี่ยวอะไรกับคนคนนี้เลยนั่นเชียว
วิธีนี่แม้ผมจะเรียกว่าเป็นวิธีลัดแต่ก็ใม่ใช่ว่าจะทำสำเร็จในเวลาที่นับกันเป็นวัน มันเป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องวันแล้ววันเล่าไปพร้อมๆกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ทำไปจนสมองเลิกสร้างภาพหรือเลิกกุเรื่องตอแหลใดๆมาตบตาคุณได้อีก ทำไปจนเหมือนคุณได้จับสมองของคุณแก้ผ้าล่อนจ้อนไม่อาจปกปิดซ่อนเร้นอะไรคุณได้อีก ไม่อาจกอดเกี่ยวความมั่นคงหรือุซุกซ่อนอยู่ในที่ลี้ภัยหรือหลบหนีไปที่ไหนได้อีกแล้ว เมื่อนั้นแหละ คุณจะเกิดความรู้จักอัตตาของคุณ (self knowledge) อย่างจริงแท้ถึงกึ๋น ว่าที่คุณคิดยังงั้น รู้สึกยังงั้น ทำยังงั้น มันสืบเนื่องมาจากอะไร ต่อจากนั้นใจของคุณมันจึงจะหยุดนิ่งแบบอึ้ง..กิมกี่ คือมันหมดมุก หมดความคิด ว่าง ตกงาน สูญสิ้นทุกอย่าง เมื่อนั้นแหละ ปั้ง..ง ทางลัดเปิดแล้ว ความรู้แบบใหม่ราวกับหุ่นยนต์ถูกกดสวิสต์ดาวน์โหลดข้อมูลจากก้อนเมฆก็จะโผล่ขึ้นมา มาแบบไม่เกี่ยวอะไรกับสิ่งแวดล้อม สังคม สิ่งเร้า ความจำ หรือประสบการณ์ใดๆทั้งสิ้น และคุณก็ไม่ต้องหวังดีพยายามช่วยการดาวน์โหลดนะ เพราะยิ่งคุณพยายามช่วยพยายามแทรกแซงก็จะยิ่งไปบล็อคให้สิ่งที่จะเข้ามาไม่ให้เข้ามา เพราะว่าคุณจมอยู่ใน “ขี้” ของอดีตมานานเกินไป ไม่ว่าคุณจะคิดพูดทำอะไรมันก็พาลจะมีขี้ติดมาด้วยทั้งนั้น ดังนั้น คุณอยู่เฉยๆดีที่สุด ไม่ต้องช่วย แล้วการปลดแอกคุณออกจากกรงของความคิดจะเกิดขึ้นเองแบบอัตโนมัติ
ถ้าคุณไม่เชื่อผม ให้กลับไปอ่านคำตอบข้อที่ 2. ที่ว่า ลิงที่ไหนจะ.. (ฮิ ฮิ ฮิ ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น)
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์