สวรรค์และชาติหน้า

มีคำถามทาง OnLineClinic ที่น่าสนใจ
"..คุณหมอพูดถึงการฝึกทักษะการวางความคิด เราฝึกแล้ว ทักษะนี้มันจะติดตัวเราไปใช้ได้ถึงชาติหน้าหรือเปล่า มันจะมีผลให้เราไปสู่ภพภูมิที่ดีคือสวรรค์ไหม.."

..............................................................

ตอบครับ

     สวรรค์และชาติหน้าเป็นความคิดนะ หิ หิ ผมเป็นคนไม่มีศาสนาดังนั้นผมพูดตรงนี้ได้เต็มปากเต็มคำโดยไม่ต้องกลัวบาทหลวงหรือหลวงพ่อตึ๊บเอา และถ้าจะให้ผมเดา ถ้าคุณอายุสามสี่สิบมีลูกอายุราวสิบขวบ ไม่เกินรุ่นลูกของคุณนี่แหละ ผมเดาว่าสวรรค์จะเจ๊งและเลิกกิจการเพราะคนรุ่นใหม่ซึ่งถูกโปรแกรมความคิดโดยหุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์จะไม่มีใครรู้จักหรือเชื่อว่ามีสวรรค์อีกต่อไปแล้ว

     ส่วนชาติหน้านั้นก็เป็นอนาคต ไม่ว่าอดีตหรืออนาคตก็ล้วนไม่ใช่ของจริง เพราะมันต่างเป็นความคิดทั้งคู่ นี่เป็นประเด็นที่่ 1  คือสวรรค์และชาติหน้าเป็นเพียงความคิด 

     จริงอยู่มันมีความเป็นไปได้ที่โมเมนต์สุดท้ายที่คุณตายกากเดนความคิดสุดท้ายของคุณมันยังมีผลต่อพลังงานของชีวิต (ซึ่งผมเดาเอาว่าพลังงานของชีวิตจะเป็นสิ่งที่เหลืออยู่พักหนึ่งหลังจากที่ร่างกายของคุณตายแล้ว) แต่ว่าตอนนั้นคุณไม่มีร่างกายไม่มีสมองที่จะไตร่ตรองวินิจฉัยกำกับความคิดของคุณแล้ว ผมเดาเอาว่าความคิดสุดท้ายนั้นมันคงจะมีอิทธิพลต่อพลังชีวิตที่เหลืออยู่มากทีเดียวเพราะมันไม่มีผู้กำกับแล้ว มันคงเหมือนก้อนหิมะที่กลิ้งลงเขาไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกซึ่งมีแต่จะใหญ่ๆขึ้นจนมีอิทธิพลล้นหลาม ตรงนั้นละมังที่คุณอาจจะเรียกว่าสวรรค์หรือนรกได้ หมายความว่าถ้าความคิดสุดท้ายนั้นหากมันเป็นความคิดชนิดที่ทำให้คุณมีความสุขคุณก็ตายแบบไปสวรรค์ คือสวรรค์นรกหมายถึงสภาพของพลังชีวิตหลังตาย ไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะไปตั้งบ้านเรือนอยู่ ผมเดาเอาว่าอย่างนั้น เท็จจริงเป็นอย่างไรต้องรอให้ทั้งคุณและผมตายก่อน เราจึงจะรู้ได้

     หากคุณสนใจที่จะมีความคิดสุดท้ายดีๆก็ดีนะ แล้วความคิดสุดท้ายมันมาหาคุณตอนไหนละ มันมาที่ที่นี่เดี๋ยวนี้นะ ดังนั้นที่นี่เดี๋ยวนี้จึงสำคัญไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนที่คุณกำลังจะตาย หากคุณอยากจะใช้ชีวิตให้สมกับที่ได้เกิดมาและการันตีว่าตายไปแล้วก็ยังจะดีด้วย คุณต้องเล่นกับที่นี่ เดี๋ยวนี้ เท่านั้น ถ้าคุณไม่ทำในสิ่งที่คุณอยากจะทำหรือพึงทำเสียที่ที่นี่ เดี๋ยวนี้ คุณก็พลาดโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตไปเสียแล้ว เท่ากับว่าการเกิดมาของคุณก็เสียชาติเกิด นี่เป็นประเด็นที่ 2 นะ คือชีวิตใช้กันที่ที่นี่ เดี๋ยวนี้

     แล้วชีวิตของจริงเนี่ยมันดำเนินไปที่ข้างในนะ ไม่ใช่ข้างนอก สิ่งต่างๆข้างนอกล้วนเป็นแค่ภาพหลอน

คุณอย่าไปคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนอกตัวมันอยู่ที่ข้างนอก เปล่าเลย มันเกิดขึ้นที่ข้างในตัวคุณ ภาพของผมที่คุณเห็นบนจอเป็นแค่ลำแสงนีออนจากจอไปตกกระทบจอตาของคุณ แล้วสมองของคุณสร้างภาพของผมขึ้นมาจากลำแสงนั้น ภาพของผมจะเป็นอย่างไร มันขึ้นอยู่กับสมองของคุณจะเลือกสร้างขึ้น นี่เป็นประเด็นที่ 3.ชีวิตของจริงเกิดที่ข้างใน ไม่ใช่ข้างนอก

     ดังนั้น หากคุณอยากรู้จริงๆว่าชีวิตจริงมันดำเนินไปอย่างไร ผมแนะนำให้คุณฝึกใช้เทคนิคของเต่า คือหดกลับเข้าข้างใน เต่าเวลามันหด มันหดหมด ทั้งหัว ทั้งหาง และเท้าทั้งสี่ มันหดเข้าไปซ่อนไว้ในกระดองหมด ผมแนะนำให้คุณทำอย่างเดียวกัน คุณหดการรับรู้ผ่านอายตนะทั้งห้า ผมหมายถึงหด perception ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง สัมผัส หรือความคิด ให้คุณทิ้งมันไปจากความสนใจให้หมด หดความสนใจของคุณผลุบเข้าไปข้างใน เอาความสนใจไปจอดอยู่ในความว่างหรือความไม่มีอะไรที่ข้างใน ที่สำคัญคือที่ตรงนี้ต้องไม่มีความคิด ตรงนี้แหละเป็นจุดต้้งต้น ตรงนี้คือเดี๋ยวนี้ของจริง คือที่ที่คุณจะได้ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายและสงบเย็น คุณโต๋เต๋อยู่ตรงนี้สักพัก ฝึกทุกวัน บ่อยๆ ฝึกอยู่หลายเดือน หรือเป็นปีๆสุดแล้วแต่ว่าพัฒนาการของชีวิตคุณมาได้ไกลแค่ไหนแล้ว ของใครของมัน ไม่มีการเปรียบเทียบ ในที่สุด ณ จุดหนึ่งคุณจะรู้ขึ้นมาเองว่าคุณควรจะไปทางไหนต่อ

     นี่เป็นประเด็นที่ 4. เริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยการถอยกลับจากนอกเข้าใน ทั้งนี้ขอให้เข้าใจตรงกันว่าเราจะไม่เถรตรงว่าข้างในหมายถึงอะไรที่อยู่ใต้ผิวหนังลึกเข้าไปในร่างกายนะ แต่ข้างในหมายถึงที่ที่ความสนใจของคุณอยู่กับความรู้ตัวซึ่งเปรียบได้กับท้องฟ้า แล้วรับรู้สิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นความคิดและร่างกายซึ่งเปรียบเหมือนก้อนเมฆที่เกิดขึ้นในท้องฟ้านั้น ดังนั้นแม้ร่างกายนี้ก็เป็นสิ่งที่อยู่ข้างนอกนะ ไม่ใช่ข้างใน

    แล้วไม่ต้องถามนะว่า..แล้วไงต่อ เพราะการเสาะหาคำตอบของคำถาม "แล้วไงต่อ" คือความคิด ชีวิตเรียนรู้จากการทดลองใช้ชีวิต จากการมีประสบการณ์กับความจริง อย่าถามว่าแล้วไงต่อ ให้คุณลงมือมีประสบการณ์กับการถอยกลับจากนอกเข้าใน อย่างน้อยทุกวันๆนานอย่างน้อยหกเดือน จริงอยู่ ชีวิตนี้สั้น มีเรื่องต้องลองแยะ คุณต้องเรียงลำดับว่าคุณจะลองอะไรก่อน คุณจะเรียงลำดับอย่างไรนั่นแล้วแต่คุณ แต่ถ้าคุณไม่ได้ลอง ก็ไม่ต้องถามว่าแล้วไงต่อ เพราะคำตอบของคำถาม ไม่มีประโยชน์สร้างสรรค์อะไรกับคุณ นี่เป็นประเด็นที่ 5. นะ การรู้จักชีวิตเกิดจากการได้ทดลองมีประสบการณ์ ไม่ใช่จากการถามตอบ

     โอเค. ก่อนจบผมสรุปคำตอบเรื่องสวรรค์และชาติหน้าของคุณว่ามันมีห้าประเด็นนะ

ประเด็นที่่ 1 สวรรค์และชาติหน้าเป็นเพียงความคิด
ประเด็นที่ 2 ชีวิตใช้กันที่ที่นี่ เดี๋ยวนี้
ประเด็นที่ 3.ชีวิตของจริงเกิดที่ข้างใน ไม่ใช่ข้างนอก
ประเด็นที่ 4. เริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยการถอยกลับจากนอกเข้าใน
ประเด็นที่ 5. การรู้จักชีวิตเกิดจากการได้ทดลองมีประสบการณ์ ไม่ใช่จากการถามตอบ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี